พลตำรวจเอกชัชวาลย์ สุขสมจิตร์
หนี้นอกระบบเป็นปัญหาที่เรื้อรังในสังคมไทยมาช้านาน แต่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่ประสบปัญหายังไม่ทราบว่ามีหน่วยงานของกระทรวงยุติธรรมที่เข้ามาทำหน้าที่ดูแลให้ความช่วยเหลือและป้องกันเรื่องนี้โดยตรง นั่นก็คือ ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม (ศนธ.ยธ.) ซึ่งในวันนี้มีการปรับยุทธศาสตร์ ไม่ใช่แค่ช่วยแก้ปัญหาลูกหนี้นอกระบบ แต่หวังจะติดอาวุธทางปัญญาให้กับประชาชนเพื่อป้องกันปัญหาตั้งแต่ต้นทาง
พลตำรวจเอกชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ศนธ.ยธ. เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในปี 2553 เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลในสมัยนั้นในการเข้ามาจัดการปัญหาหนี้นอกระบบ มีภารกิจหลักเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนจากลูกหนี้ที่ได้รับความเดือดร้อนมาพิจารณาแนวทางให้ความช่วยเหลือ และประสานกับหน่วยงาน ของรัฐหรือสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อให้ลูกหนี้ได้รับการแก้ปัญหาอย่างเป็นธรรม และในวันนี้ยังคงมีการดำเนินงานต่อเนื่อง เพื่อหวังรื้อถอนปัญหาภาพรวมทั้งระบบ นอกเหนือไปจากการให้ความช่วยเหลือทางด้านคดี
จากผลการวิจัยเชิงสำรวจสภาพปัญหาหนี้นอกระบบ ของกระทรวงยุติธรรม พบว่า จากกลุ่มตัวอย่างคนที่เป็นหนี้นอกระบบ ร้อยละ 51.5 มีหนี้นอกระบบเพียงอย่างเดียว มูลหนี้เฉลี่ยรายละ 55,793 บาท ส่วนที่เหลือร้อยละ 48.4 มีทั้งหนี้สินในระบบและนอกระบบ มีมูลหนี้รวมเฉลี่ยรายละ 357,669.12 บาท ข้อมูลมีนัยที่แสดงให้เห็นว่า ปัญหาหนี้นอกระบบมีความเชื่อมโยงกับหนี้ในระบบ การจะแก้ไขปัญหาต้องมองในภาพรวม
ศนธ.ยธ.ได้เปิดช่องทางรับเรื่องร้องเรียนทั้งในรูปแบบหนังสือร้องเรียน ร้องเรียนด้วยตนเอง หรือจากหน่วยงานต่างๆ ส่งเรื่องมา การรับเรื่องร้องเรียนหรือให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ นอกจากนี้ยังรับเรื่องผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook ศนธ.ยธ. เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที แล้วนำข้อมูลมาพิจารณาว่าเพียงพอกับการช่วยเหลือหรือไม่ หากไม่พอจะมีการส่งเจ้าหน้าที่ลงไปเก็บข้อมูลอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงนำมาพิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 3 ช่วงด้วยกัน คือ 1.ช่วงก่อนมีการฟ้องร้อง จะช่วยไกล่เกลี่ย และรวบรวมหลักฐานในกรณีที่เจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดเพื่อดำเนินคดีทางอาญา 2.ช่วงการฟ้องร้อง ให้ความรู้ทางกฎหมายเพื่อสู้คดี รวบรวมหลักฐานเพื่อสนับสนุนช่วยเหลือด้านคดี และในกรณีที่ลูกหนี้ยากจนและไม่ได้รับความเป็นธรรม จะให้กองทุนยุติธรรมเข้ามาช่วยเหลือด้านคดีความ และ3.ชั้นบังคับคดี ช่วยประสานเจ้าพนักงานบังคับคดีสำหรับการไกล่เกลี่ย นอกจากนี้ยังได้จัดทำฐานระบบข้อมูลเจ้าหนี้ทั้งประเทศรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินมาตรการทางภาษีกับนายทุนเงินกู้นอกระบบ
พันตำรวจโทวิชัย สุวรรณประเสริฐ
ปลัดกระทรวงยุติธรรมยอมรับว่า ศนธ.ยธ. เป็นหน่วยงานเล็ก แต่ต้องดูแลปัญหาครอบคลุมทั้งประเทศ จึงอาศัยประสานความร่วมมือกับเครือข่ายเป็นหลัก โดย ศนธ.ยธ. เองจะเน้นช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีปัญหาเป็นกลุ่มใหญ่ ส่วนกรณีของลูกหนี้รายย่อยแต่ละราย จะใช้วิธีการรวบรวมข้อมูลแล้วประสานไปยังหน่วยงานในพื้นที่ เช่น สำนักงานยุติธรรมจังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรม ในแต่ละจังหวัดอีกที ซึ่งจะเข้าไปถึงตัวลูกหนี้ได้เร็วกว่า และรู้จักข้อมูลในท้องถิ่นมากกว่า ท้ายสุดปลัดกระทรวงยุติธรรมกล่าวว่า การที่เจ้าหนี้เอารัดเอาเปรียบอย่างไม่เป็นธรรมหรือละเมิดต่อกฎหมายในการทำสัญญา การทวงหนี้ การฟ้องร้องการบังคับคดี ถือได้ว่าเป็นภารกิจของกระทรวงยุติธรรมที่จะเข้าไปช่วยเหลืออย่างรวดเร็วและทันท่วงที แต่เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ จึงได้มีนโยบายที่เน้นมาตรการเชิงรุกในการป้องกันด้วยการให้ความรู้เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชนผ่านผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่น เครือข่ายยุติธรรม และเห็นว่าการไขปัญหาหนี้นอกระบบมีภารกิจอีกหลายด้านที่เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน จึงถือเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วนต้องช่วยกันเพื่อสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำของสังคม
ด้านพันตำรวจโทวิชัย สุวรรณประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านดคีพิเศษ และเลขานุการ ศนธ.ยธ. กล่าวว่า จากการทำงานปัญหาที่พบของลูกหนี้นอกระบบส่วนใหญ่ คือ การไม่รู้กฎหมาย และไม่รู้กระบวนการทางศาล ประกอบกับบางรายเพราะความไว้เนื้อเชื่อใจเจ้าหนี้จึงถูกหลอก และเมื่อได้รับหมายเรียกก็มักไม่ไปขึ้นศาล ซึ่งเป็นการตัดโอกาสต่อสู้คดีตั้งแต่ต้น
เพื่อเป็นการป้องกัน ศนธ.ยธ.จึงได้ดำเนินมาตรการเชิงรุก โดยการจัดโครงการให้ความรู้ผู้นำในชุมชน และเครือข่ายยุติธรรม ซึ่งปัจจุบันมีผู้ผ่านการอบรมแล้วกว่า 18,000 ราย เพื่อให้มั่นใจว่าความรู้นั้นจะได้รับการถ่ายทอดต่อไปยังชาวบ้าน และล่าสุดได้จัดโครงการ “ดรีมอีสาน-อนาคตภาคอีสานกับการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียม” เพื่อถ่ายทอดความรู้สู่ชุมชนโดยผ่านมหาวิทยาลัยในพื้นที่ภาคอีสาน เน้นการมอบองค์ความรู้และสื่อการเรียนรู้ต่างๆ ให้สถาบันการศึกษาและนักศึกษาซึ่งมีการจัดกิจกรรมร่วมกับชุมชนอยู่แล้วนำไปถ่ายทอดต่อกับชาวบ้าน
นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการจัดทำเกม เรียนรู้การออมเงิน การรู้จักวางแผนการใช้จ่าย การแก้ปัญหาหนี้สิน การเรียนรู้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนการรับมือเมื่อถูกฟ้องร้องดำเนินคดี โดยออกแบบมาให้มีความเข้าใจง่าย เหมาะกับคนทุกระดับ เป็นสื่อเรียนรู้เผยแพร่ไปยังหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม เครือข่าย รวมถึงบริษัทต่างๆ ที่ทำ CSR กับชุมชน
ซึ่งเป็นการใช้วิธีการเข้าถึงแบบ “แนวราบ” ผ่านคนในพื้นที่ และหน่วยงานในชุมชนที่มีความเข้าใจและใกล้ชิดปัญหา จึงน่าจะดีกว่าการทำงานแบบ “แนวดิ่ง” มองปัญหาจากด้านบนลงล่าง ที่อาจไม่ตอบโจทย์ความเดือดร้อนของประชาชนอย่างแท้จริง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี