พล.ต.ผศ.นพ.กิฎาพล วัฒนกูล, ศ.เกียรติคุณ พญ.ธัญญารัตน์ ธีรพรเลิศรัฐ,
ศ.เกียรติคุณ นพ.ธีรชัย ฉันทโรจน์ศิริ และ รศ.นพ.บุญรัตน์ เอื้อสุดกิจ
เนื่องในโอกาสที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานมูลนิธิสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ จะทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษา ในวันที่ 2 เมษายน 2558 โรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ จึงได้ร่วมกับมูลนิธิ จัด “โครงการผ่าตัดทำเส้นเลือดเทียม เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมพรรษา 5 รอบ 2 เมษายน 2558” สำหรับช่วยในการรักษาผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย จำนวน 60 ราย มุ่งช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีฐานะยากจนและมีความจำเป็นเร่งด่วนในการผ่าตัดทำเส้นเลือดเทียม
ศ.เกียรติคุณ นพ.ธีรชัย ฉันทโรจน์ศิริ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ กล่าวว่า ในฐานะที่โรงพยาบาลก่อตั้งมาด้วยเจตนาให้ผู้ป่วยโรคไตสามารถเข้าถึงการดูแลรักษาที่ดีที่สุด อีกทั้งอุบัติการณ์ผู้ป่วยโรคไตมีจำนวนสูงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่มีฐานะยากจน ด้อยโอกาส ที่ต้องรอคอยการผ่าตัดเส้นเลือดสำหรับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมโดยใช้สิทธิ์หลักประกันสุขภาพในโรงพยาบาลรัฐ ประกอบกับในโอกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานมูลนิธิสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ จะทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษา ในวันที่ 2 เมษายน 2558 จึงได้จัดโครงการผ่าตัดทำเส้นเลือดเทียมเฉลิมพระเกียรติ จำนวน 60 รายขึ้น โดยมุ่งหวังให้ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมูลนิธิสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณ 3,600,000 บาท
พ.ต.ท.นพ.ธวัชชัย กลิ่นสุคนธ์ และ พ.อ.นพ.อนุชา พาน้อย
ด้าน ศ.เกียรติคุณ พญ.ธัญญารัตน์ ธีรพรเลิศรัฐ อายุรแพทย์โรคไต ในฐานะหัวหน้าคณะโครงการ กล่าวถึงสถานการณ์โรคไตในประเทศว่า เมื่อปี 2555 พบว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคไตในวัยทำงานจำนวน 8 ล้านคน ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยระยะสุดท้ายกว่า 58,000 คน และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการรักษาผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้าย จำแนกออกได้เป็น 3 แบบ ได้แก่ การล้างไตทางช่องท้อง การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และการปลูกถ่ายไตเป็นวิธีรักษาที่ดีที่สุด แต่เข้าถึงยากที่สุดเช่นเดียวกัน ซึ่งการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม นับเป็นวิธีการที่ใช้กันมากที่สุดในขณะนี้ โดยผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่จะฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมจะต้องมีการทำเส้นเลือดเทียมเตรียมไว้ก่อน ซึ่งในโครงการนี้เราได้ศัลยแพทย์หลอดเลือดอันดับต้นๆ ของประเทศ จำนวน 4 ท่าน ได้แก่ นพ.สุทัศน์ ศรีพจนารถ โรงพยาบาลรามาธิบดี, ศ.นพ.โสภณ จิรสิริธรรม โรงพยาบาลรามาธิบดี, พ.อ.นพ.อนุชา พาน้อย โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และ พ.ต.ท.นพ.ธวัชชัย กลิ่นสุคนธ์ โรงพยาบาลตำรวจ มาเป็นผู้ผ่าตัดให้ผู้ป่วยที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมการทั้ง 60 คน
พ.อ.นพ.อนุชา พาน้อย หนึ่งในสี่ศัลยแพทย์หลอดเลือด ของโครงการ กล่าวว่า การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม จะต้องมีการเตรียมเส้นเลือดที่จะต่อเชื่อมกับเครื่องฟอกไตเทียม แบ่งได้ 2 ประเภท คือ ใช้เส้นเลือดจริงของผู้ป่วยเอง ซึ่งข้อดีคือมีอายุการใช้งานนาน สามารถใช้เส้นเลือดที่บริเวณข้อมือ ต้นแขน หรือต้นขาผู้ป่วย ก็ได้ แต่ปัญหาที่พบคือ หลังผ่าตัดต้องใช้ระยะเวลารอถึง 3 เดือน เพื่อดูว่าเส้นเลือดขยายตัวพอที่จะใช้งานได้หรือไม่ แต่ส่วนใหญ่ที่เจอคือเส้นเลือดผู้ป่วยไม่มีความพร้อม ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือ การผ่าตัดทำเส้นเลือดเทียม เป็นท่อพลาสติกวัสดุทางการแพทย์เมื่อผ่าใส่เส้นเลือดเทียมแล้วสามารถฟอกไตได้ภายใน 3 สัปดาห์ แต่เส้นเลือดเทียมมีอายุการใช้งานเพียง 2-3 ปี และมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการผ่าตัดใช้เส้นเลือดจริง
ทั้งนี้ “โครงการผ่าตัดทำเส้นเลือดเทียม เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 2 เมษายน 2558” เปิดรับคัดเลือกผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย เพื่อผ่าตัดเส้นเลือดเทียม จำนวน 60 คน โดยพิจารณาถึงความจำเป็นเร่งด่วนของผู้ป่วยเป็นอันดับแรก และมุ่งหวังว่าโครงการนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ป่วยยากไร้หรือด้อยโอกาสให้มากที่สุด โดยญาติหรือผู้ป่วยที่สนใจขอรับการผ่าตัดเส้นเลือดเทียมในโครงการ สามารถแสดงความจำนงและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้น ที่โรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ โทร.02-6845000 ในวันและเวลาราชการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี