Brothel Scene
ช่วงปีทองของศิลปะอีกยุคหนึ่งหลังเรอเนสซองส์ก็คือ บาโรค ยุคบาโรคเป็นยุคของศิลปะที่เน้นอารมณ์โดยการให้รายละเอียดในงานดราม่า ความตึงเครียด และความสง่างามบนผืนผ้าใบ สถาปัตยกรรมและศิลปกรรมอย่างวิจิตรบรรจงผลงานส่วนใหญ่เกี่ยวเนื่องกับราชสำนัก เทพยดาและศาสนจักรโดยเฉพาะคาทอลิกที่กำลังถูกต่อต้านโดยการปฏิวัติจากคริสเตียน ส่วนชนชั้นสูงก็ชอบใช้ความงดงามตระการตาหรูหราของศิลปะยุคบาโรคเป็นตัวสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนหรือแสดงให้เห็นถึงชัยชนะและความยิ่งใหญ่ของอำนาจ ผลงานภาพเขียนแนวบาโรคส่วนใหญ่จะคล้ายภาพการแสดงในโรงละครมากกว่า Mannerism ศิลปะยุคก่อนหน้านั้นเล็กน้อย ผลงานยุคบาโรคจึงดูมีชีวิตชีวาเหมือนจริง ผลงานศิลปะแนวนี้ใน Alte Galerie เมือง Grazก็คือ Cleopatra’s Feast, Feast of the Gods with Neptune and Amphitrite, Brothel Scene, Feast of the Gods with Apollo and Bacchus ของ Johann Georg Platzer ผู้ชมจะเห็นว่า ทุกภาพล้วนดูเหมือนฉากในละครที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามและมีรายละเอียดวิจิตรบรรจงทั้งนั้น
ส่วนในปลายยุคบาโรคที่เรียกว่า LateBaroque หรือ Rococo นั้น จะเน้นการประดับประดามากยิ่งขึ้นไปอีกจึงดูคล้ายเน้นการตกแต่ง ออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นงานจิตรกรรม สถาปัตยกรรมหรือดนตรี ศิลปะที่ถือกำเนิดขึ้นปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18ในปารีสนี้จะเน้นความสมดุล ความยิ่งใหญ่ของผู้มีอำนาจเห็นได้จากพระราชวังแวร์ซายน์ สีที่ใช้จะเป็นสีอ่อนสดใสประดับประดาด้วยทองตามส่วนโค้งเว้าต่างๆ จึงขับให้เห็นความหรูหราน่าตื่นตาตื่นใจ ศิลปะแนวนี้ได้ทดแทนศิลปะแนว Neoclassic ไปจนหมดสิ้นโดยเฉพาะผลงานในราชสำนักพระเจ้าหลุยส์ที่ 15-16 ในช่วงปลาย Late Baroque ที่ตรงกับสมัยพระจักรพรรดิโจเซฟที่สอง นี้ แม้บางประเทศเริ่มเข้าสู่ยุค Enlightenment ซึ่งศาสนาจักรคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก และราชวงศ์บางแห่งเริ่มหมดความสำคัญลง แต่ในออสเตรียศิลปะแนว Rococo ก็ยังเฟื่องฟูอยู่โดยมีศิลปินที่โดดเด่นก็คือ Martin Johann Schmidt หรือ Kremer Schmidt ศิลปินที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของออสเตรียเกือบชั่วชีวิตนี้ได้ผลิตผลงานที่มีแนวทางศิลปะแบบอิตาลีตอนเหนือโดยได้รับอิทธิพลมาจาก Rembrandt ด้วย
Holy Family
ผลงานในช่วงแรกๆ ของ Schmidt เน้นในเรื่องบุคคลและศาสนจักรโดยสร้างงานจิตรกรรมให้กับแท่นบูชาใหญ่ๆ และใช้สีค่อนข้างมืดทึบแนวChiaroscuro เช่น Gigantomachy, The Capture of the Golden Fleece แต่ในยุคหลัง เขาหันมาเขียนภาพ
ที่มีสีสันสดใสและฝีแปรงที่มีชีวิตชีวาโดยเน้นเรื่องเกี่ยวกับนิยายปรัมปรามากขึ้น เช่น Horrors of War ถึงกระนั้นก็ตามในช่วงสุดท้ายของชีวิต เขากลับหันมาเขียนภาพเกี่ยวกับศาสนจักรอีกครั้ง เช่น Virgin with Child, Holy Family แต่ใช้สีสันสดใสตามแนวทางแบบ Rococo การที่เขามีผลงานที่โดดเด่น เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และได้เขียนงานรับใช้ราชสำนัก แม้เขาจะไม่ได้ร่ำเรียนศิลปะอย่างเป็นทางการทำให้เขายังได้รับการเสนอให้เข้าเป็นสมาชิก Imperial Academy of Vienna อยู่ดี
Virgin and Child
Cleopatra’s Feast
Feast of the Gods with Apollo and Bacchus
Feast of the Gods with Neptune and Amphitrite
Gigantomachy
The Capture of the Golden Fleece
Horrors of War
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี