อีกประมาณ 1 เดือน คณะตะลอนเที่ยวของเราก็จะเดินทางไปเยือนเมืองย่างกุ้งและเมืองหงสาวดี (พะโค) กันแล้วนะครับ
หลายคนที่นึกไม่ออกมาทำไมทริปนี้จึงเลือกไปเยือนเมืองพะโค (หรือเมืองหงสาวดีตามสำเนียงไทย แต่พม่าจะออกเสียงว่า เมืองหานตาวดี ส่วนภาษาอังกฤษจะเรียก Bago หรือ Pegu) ก็ขอเรียนสั้นๆ ว่า เพราะเมืองนี้มีเสน่ห์ มีศิลปวัฒนธรรม และมีโบราณสถานมากมาย หลายคนที่รู้จักชนชาติมอญก็คงจะพอทราบว่า หงสาวดีคือเมืองหลวงของ
มอญ
กรุงหงสาวดีเจริญรุ่งเรืองอย่างถึงขีดสุดในรัชสมัยของพระเจ้าบุเรงนอง พระองค์ให้โปรดสร้างพระราชวังชื่อกัมโพชธานี พระราชวังแห่งนี้ใหญ่โตมาก มีประตูเข้า-ออก 10 ประตู ต่อมาเมืองนี้ถูกทำลายแล้วปล่อยทิ้งร้างไว้จนถึงกาลเสื่อมสลาย ราชธานีแห่งนี้ก็ถูกกาลอวสานลง แล้วเมืองหลวงใหม่ก็ย้ายไปอยู่ที่กรุงอังวะ
เดิมทีกรุงหงสาวดีคือศูนย์กลางของชาวมอญ เป็นเมืองท่าที่สำคัญ แต่ต่อมาถูกชนชาติพม่าเข้ารุกรานและขับไล่ จนได้มีอิทธิพลเหนือกรุงแห่งนี้ในที่สุด
หลายคนยังสงสัยว่า แล้วพระราชวังกัมโพชธานีจะยังหลงเหลืออีกหรือ คำตอบคือ ยังคงอยู่ เพราะได้รับการก่อสร้างขึ้นมาใหม่ ความสงสัยยังไม่หมดไป หลายคนตั้งคำถามต่อว่า การไปดูพระราชวังสร้างใหม่จะมีประโยชน์อันใด ก็ขอตอบว่า มีประโยชน์มากมาย เนื่องจากการก่อสร้างใหม่นั้นได้ทำตามแบบแผนตามขนบธรรมเนียมเดิมทุกประการ นอกจากพระราชวังแล้วยังมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยรู้จักดีคือพระธาตุชเวมอดอร์ (Shwemawdaw Pagoda) หรือพระธาตุมุเตา ที่สูงตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองหงสาวดี ว่ากันว่าพระธาตุองค์นี้มีอายุกว่า 2 พันปี ภายในพระเจดีย์ประดิษฐานพระเกศาของสมเด็จพระพุทธเจ้าไว้ ปัจจุบันเจดีย์นี้มีความสูง 374 ฟุต
พระเจดีย์ชเวมอดอร์สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบมอญที่ชัดเจนที่สุด มีฉัตรแบบเรียบง่ายอยู่บนยอดสูงสุด ตัวพระเจดีย์เป็นองค์ระฆังลักษณะเรียวและแคบ ภายนอกหุ้มด้วยทองจังโก ภายในเป็นอิฐกลวง แตกต่างจากพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบพม่าอย่างชัดเจน บริเวณรอบองค์พระเจดีย์มีพระพุทธรูปประดิษฐานไว้มากมาย และยังมีพิพิธภัณฑ์เล็กๆ เก็บรักษาโบราณวัตถุไว้ให้ชมด้วย
นอกจากนี้ ยังมีพระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว (Shwethalyaung Buddha) สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพม่าเคารพเทียบเท่ากับพระเจดีย์มุเตา พระพุทธไสยาสน์องค์นี้มีความยาวตลอดองค์ 181 ฟุต สูง 50 ฟุต สร้างโดยพระเจ้าเมงกะติปะ (พ.ศ.1537) ในยุคที่มอญเรืองอำนาจ แต่ต่อมาถูกทิ้งร้างไว้นานมากจนองค์พระถูกโคลนตะกอนและดินทับถมจนมิดองค์ จนกระทั่งปี พ.ศ.2424 อังกฤษซึ่งครอบครองพม่าอยู่จะก่อสร้างทางรถไฟ จนได้สำรวจเส้นทาง แล้วพบว่ามีพระจมอยู่ใต้ดิน แต่ก็ปล่อยทิ้งอีกยาวนาน จนมาได้รับการขุดค้นและบูรณะอย่างจริงจังในปีพ.ศ.2491
เขียนเล่าเรื่องพุทธสถานสำคัญในเมืองหงสาวดีมาได้เพียงสองแห่ง ก็หมดพื้นที่สำหรับสัปดาห์นี้แล้ว ซึ่งอันที่จริงยังมีอีกหลายแห่งให้ไปเที่ยวชมและกราบสักการะ
สำหรับคุณที่สนใจจะไปเที่ยวย่างกุ้งและหงสาวดีกับ Mr.Flower ในวันที่ 18-21 มีนาคม ปีนี้ก็โปรดติดต่อสำรองที่นั่งด่วนครับ เพราะเหลือที่ว่างอีกเพียง 9 ที่เท่านั้น (คณะของเราไปกันทั้งหมด 41 คน) เดินทางโดยสายการบินนกแอร์ และเข้าพักทั้งสามคืนที่โรงแรมชาเทรียม ราคารวมทั้งหมดท่านละ 29,000 บาท สำรองที่ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 081-9250300 หรือ e-mail address luangpee@hotmail.com (ขอเรียนให้ทราบว่าขณะนี้ Mr.Flower ยังอยู่ในประเทศพม่าและเนปาล จะกลับถึงกรุงเทพฯ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ดังนั้นอาจจะติดต่อทางโทรศัพท์ไม่ค่อยสะดวก ดังนั้นกรุณาติดต่อทาง e-mail ก่อนนะครับ (เรียนตามตรงค่าโทรศัพท์ข้ามประเทศแพงมาก หากรับโทรศัพท์จากทุกท่าน มีหวังต้องขอเงินจากคุณๆ เพื่อเป็นค่าอาหารสำหรับปีนี้อย่างแน่นอน)
โปรแกรมการเดินทางมีดังนี้ครับ
ย่างกุ้ง - หงสาวดี
วันแรกของการเดินทาง (กรุงเทพฯ – ย่างกุ้ง)
04.30 น. คณะพร้อมกันที่สนามบินดอนเมือง เคาน์เตอร์สายการบินนกแอร์ แถว 6 A เจ้าหน้าที่จะไปคอยต้อนรับ และอำนวยความสะดวกให้คุณๆ
06.30 น. เดินทางสู่ย่างกุ้ง โดยนกแอร์ เที่ยวบิน DD 4230
07.15 น. (เวลาท้องถิ่นย่างกุ้งช้ากว่าไทย 30 นาที) ถึงสนามบินมินกาลาดง ย่างกุ้ง ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง
และศุลกากร เดินทางเข้าที่พัก โรงแรม CHATRIUM รับประทานอาหารเช้า เสร็จแล้วชมย่านใจกลางเมือง ถนนสุเลพะยา
ชมอาคารโบราณที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นสร้างในยุคอาณานิคมอังกฤษ ถนนและผังเมืองเป็นแบบวิคตอเรียน ชมทำเนียบรัฐบาล ศาลาว่าการเมืองย่างกุ้ง อาคารศาลฎีกาและศาลสูง สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ โรงแรมสแตรนด์ และชมย่านธุรกิจ
ซึ่งมีธนาคารต่างๆ ทำการ ชมไชน่าทาวน์ และอินเดียทาวน์ เสร็จแล้วทานอาหารเที่ยง หลังอาหารเที่ยง ไปกราบนมัสการพระเจดีย์สุเล (Sule Pagoda) เจดีย์แปดเหลี่ยมลงรักปิดทอง ชาวพม่าบอกว่าเจดีย์ที่มีรูปทรงสวยงามที่สุดในพม่า มีคำเปรียบเทียบว่า หากพระมหาเจดีย์ชเวดากองคือวิญญาณของชาวพม่า พระเจดีย์สุเลก็คือหัวใจของชาวพม่า ไปกราบนมัสการพระพุทธไสยาสน์เจ๊าทัตจี (Kyauk Htat Gyi) ความยาวขององค์พระ 70.10 เมตร จากนั้นจะไปกราบสักการะพระมหาเจดีย์ชเวดากอง พระเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองซึ่งเป็นที่เคารพสักการะสูงสุดของทั้งชาวไทย และชาวพม่า เราจะใช้เวลาที่พระมหาเจดีย์ชเวดากองค่อนข้างนาน เพราะต้องการให้คุณๆ ได้อยู่ที่นี่จนค่ำ เสร็จแล้วลงไปทานอาหารค่ำ แล้วเข้าพักในโรงแรม
วันที่สองของการเดินทาง (ย่างกุ้ง-หงสาวดี-ย่างกุ้ง)
หลังจากทานอาหารเช้าในโรงแรมเรียบร้อย จะเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศไปเมืองหงสาวดี (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30-2 ชม.) ไปกราบสักการะเจดีย์ไจ๊ปุน (Kyaipun Pagoda) ซึ่งมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยโดยรอบทั้ง 4 ทิศ สูง 30 เมตร แล้วไปกราบสักการะเจดีย์ชเวมอดอ (Shwemawdaw) หรือพระธาตุมุเตา พระเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองหงสาวดี ครั้นถึงเวลาเที่ยงก็ไปทานอาหาร เสร็จแล้วจะเข้าชมซากพระราชวังของพระเจ้าบุเรงนอง (ผู้ชนะสิบทิศ) และกราบนมัสการพระพุทธไสยาสน์ชเวทัลยวง (Shwethalyaung) พระนอนที่งดงามที่สุดในพม่า แล้วจะพาไปเที่ยวตลาดพื้นเมือง เสร็จแล้วเดินทางกลับย่างกุ้ง ทานอาหารค่ำ แล้วเข้าพักในโรงแรม
วันที่สามของการเดินทาง (ท่องเที่ยวในย่างกุ้ง)
รับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว นำคุณไปชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ย่างกุ้ง ชมพระที่นั่งสิงหาสน์บัลลังก์ของพระเจ้าสีป่อ กษัตริย์องค์สุดท้ายของพม่า ก่อนถูกอังกฤษยึดครอง ชมเครื่องประดับเครื่องทองคำ อัญมณีล้ำค่า และโบราณวัตถุต่างๆ ทานอาหารเที่ยง แล้วเดินทางโดยรถโค้ชไปเมืองสิเรียม (Syriam) ชื่อเดิมว่าตันเลียน (Thanlyin) อดีตคือเมืองท่าของชาวโปรตุเกสตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 21 พาคุณๆ นั่งเรือข้ามไปเกาะกลางแม่น้ำ ไปกราบนมัสการพระเจดีย์กลางน้ำ ยีเลพะยา (Yele Phaya Pagoda) เสร็จแล้วเดินทางกลับย่างกุ้ง รับประทานอาหารค่ำ แล้วเข้าพักในโรงแรม
วันที่สี่ของการเดินทาง (ย่างกุ้ง - กรุงเทพฯ)
หลังรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย จะนำคุณไปกราบสักการะเจดีย์โบตาตวง และไปกราบขอพรเทพทันใจ (นัตโบโบยี) และเทพกระซิบ (อะมาดอว์เมี้ยะ) รับประทานอาหารกลางวัน แล้วนำไปเที่ยวตลาดสก๊อต หรือตลาดโบชก “Bogyoke” ตลาดที่ใหญ่ที่สุดในย่างกุ้ง คราวนี้แหละขอเชิญช็อปตามอัธยาศัย เมื่อหนำใจแล้วก็จะไปกราบนมัสการพระเจดีย์กะบาเอ (Kaba Aye Pagoda) และชมถ้ำมหาปาสณคูหา (Maha Pasan Guha) สถานที่ทำสังคายนาพระไตรปิฎก ครั้งที่ 6 เมื่อปี พ.ศ.2497-2499 กราบสักการะวัดพระเขี้ยวแก้ว ที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วที่อัญเชิญมาจากประเทศจีน (องค์เดียวกับที่อัญเชิญไปที่พุทธมณฑลของไทย) กราบนมัสการพระพุทธรูปหินอ่อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศพม่า เสร็จแล้วรับประทานอาหารค่ำ แล้วเดินทางสู่สนามบินมินกาลาดง
21.00 น. ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินนกแอร์ เที่ยวบิน DD 4239
22.45 น. ถึงสนามบินดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ด้วยความสวัสดีและประทับใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี