ในยุคสมัยรุ่นคุณแม่ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป เชื่อว่าไม่สาวๆ คนไหนไม่รู้จัก แป้งเค้กชนิดน้ำยี่ห้อ “แฮปปี้” ขวดเดียวที่ทำให้สาวๆ มีใบหน้าเนียนสวยตลอดวัน ถือเป็นไอเท็มเด็ดในรุ่นคุณแม่ที่ยังคงอยู่คู่ความสวยของสาวไทยมาจนถึงปัจจุบันซึ่งผลิตและจัดจำหน่ายโดย บริษัท แอดว๊านซ์คอสเมติคส์ จำกัด ปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารของ เกศมณี เลิศกิจจา หญิงเก่งผู้มีบทบาทสำคัญต่อวงการอุตสาหกรรมความงามของประเทศไทย
เกศมณี ที่ดูยังสาวพริ้งโดยไม่พึ่งศัลยกรรมในวัยเลข 6 นำหน้า บอกว่า เธอก็สวยด้วยแป้งน้ำแฮปปี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว พร้อมบอกเล่าความผูกพันระหว่างตนเองและบริษัท แอดว๊านซ์ คอสเมติคส์ ให้ฟังว่า บริษัทนี้ก่อตั้งกว่า 50 ปี โดยผู้เป็นพ่อ โดย “แป้งน้ำแฮปปี้” นับเป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรกๆ ของบริษัท ด้วยแนวคิดต้องการเห็นสาวไทยสวยด้วยผลิตภัณฑ์ของคนไทย ไม่จำเป็นต้องไปซื้อสินค้าต่างประเทศในราคาแพงๆ มาใช้
“ดิฉันทาแป้งน้ำแฮปปี้ไปโรงเรียนทุกวัน พอเข้าวัยรุ่นไปเรียนมัธยม ครูคิดว่าดิฉันทารองพื้นแต่งหน้า แต่ความจริงขวดนี้ขวดเดียวเอาอยู่ ในสมัยคุณพ่อทำนี่ดังมากนะ ผลิตกันไม่ทัน คนงานกินนอนที่โรงงาน แล้วก็มีส่งไปขายประเทศมาเลเซีย พม่า เวียดนาม ลาว แต่ก็ต้องยอมรับกระแส พอมีสินค้าต่างประเทศเข้ามา เราก็ถอยไปจนคนคิดว่าเราเลิกผลิต ซึ่งเรายังผลิตและส่งออกตลาดต่างประเทศ นี่ยังดีอยู่มาก พอมาช่วงในระยะเวลา 5-6 ปีที่ผ่านมา มีลูกค้าคนไทยเรียกร้องตามหากันเยอะ เราก็กลับมาทำตลาดในประเทศอีกครั้ง มีวางจำหน่ายในโมเดิร์นเทรด สมัยคุณพ่อขายขวดละ 5 บาท ปัจจุบันจำหน่ายขวดละ 25 บาทเอง ไม่ได้แพงเลย”
นอกจากแป้งน้ำแฮปปี้ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสกินแคร์ของ แอดว๊านซ์ คอสเมติคส์ ก็ยังมีอีกหลายตัว เช่น ZiiiT ผลิตภัณฑ์ดูแลปัญหาสิว, PenacillinPomade ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม เป็นต้นไม่เพียงเท่านั้น เกศมณี ยังได้ขยายธุรกิจของครอบครัว ด้วยการเปิดบริษัทใหม่ชื่อว่า บริษัท เค.โอ.พี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณและเส้นผม ภายใต้ชื่อสินค้า D’VINECosmatic ซึ่งเป็นสินค้าที่ส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ
“เรามีประสบการณ์ในฐานะเป็นผู้รับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์ความงามมานาน มีทั้งคลินิกความงาม และผู้อยากสร้างแบรนด์ของตนเอง แบรนด์ดังๆ ที่มีจำหน่ายในตลาด ถ้าพูดคนก็รู้จัก ที่ผ่านอุปสรรคอย่างหนึ่งคือ ผู้บริโภคคนไทยเองไม่ค่อยยอมรับแบรนด์คนไทย แต่ปัจจุบันถือว่าดีขึ้นมาก ผู้บริโภคคนไทยที่รักสวยรักงามหันมาสนใจแบรนด์คนไทยมากขึ้น แต่ก็ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะยังคิดว่าของต่างประเทศเขาดีกว่า ทั้งๆ ที่จริงแล้วแบรนด์ต่างประเทศดังๆ ที่เข้ามา บางแบรนด์ก็ผลิตด้วยฝีมือคนไทย ในทางกลับกันเราเอาแบรนด์ไทยไปทำตลาดต่างประเทศ ชาวต่างชาติตอบรับดีมาก ยิ่งถ้าเป็นสินค้าที่ได้จากสมุนไพรหรืออะไรที่เป็นธรรมชาติ ตลาดต่างประเทศจะชอบมาก อย่าง D’VINE เราทำตลาดมา 10 กว่าปี ก็โตขึ้นเรื่อยๆ”
เพราะความสามารถในการบริหารธุรกิจความงามมากว่า 30 ปี เธอคนนี้จึงได้รับความไว้วางใจให้นั่งเก้าอี้ นายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย อีกหนึ่งตำแหน่ง ต่อเนื่องมา 8 สมัย รวมเวลา 16 ปี ซึ่งถือเป็นงานหนักที่เธอรับไว้ด้วยความเต็มใจ และพร้อมจะผลักดันให้วงการความงามไทยเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก ไม่น้อยหน้า “อาหารไทย” เลยทีเดียว
“เรื่องความสวยความงาม ไม่เฉพาะแต่สาวๆ เดี๋ยวนี้หนุ่มๆ ก็สนใจดูแลตัวเองกันมากขึ้น ผลิตภัณฑ์ก็มีหลากหลายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว แชมพู ครีมนวด ต่างๆ นานา คนต้องใช้ทุกวัน รู้ไหมว่าอุตสาหกรรมความงามสร้างรายได้ให้ประเทศไทยปีละประมาณ 2.5 แสนล้านบาท ในการส่งออกผลิตภัณฑ์ด้านเส้นผมและหนังศีรษะประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ของโลก สกินแคร์เป็นอันดับที่ 12 ของโลก แต่แค่นี้ไม่พอดิฉันอยากเห็นแบรนด์ไทยเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมความงามโลก เรียกว่าเป็น Hub ของภูมิภาคและของโลกซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตอย่างเข้มแข็งด้วย”
ในฐานะนายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย เกศมณี บอกว่า ที่ผ่านมาผู้ผลิตไทยเป็นฝ่ายต้องเดินไปหาลูกค้า ทำให้ผู้ผลิตสินค้าความงามที่เป็น SMEs นั้นได้รับโอกาสน้อยที่จะเข้าถึง เธอจึงมีแนวความคิดอยากเห็นงานแสดงสินค้าด้านความงามเกิดขึ้นในเมืองไทย เรียกลูกค้าให้มาซื้อสินค้าที่บ้าน เพื่อให้เขาได้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของคนไทย สมาคมจึงได้ร่วมมือกับ บริษัท ยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) ผู้นำด้านการงานแสดงสินค้าระดับโลก จัดงาน “ASAENbeauty 2015” ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยจะมีผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมความงามไทยและอาเซียนมาร่วมแสดงสินค้ากว่า 200 แบรนด์ ในวันที่8-10 เมษายน 2558 ณ ไบเทค บางนา
“งานนี้ไม่ใช่แค่เกิดประโยชน์ต่อภาคเศรษฐกิจที่จะทำให้ผู้ประกอบการความงามไทยได้พบกับผู้ประกอบการในประเทศอาเซียน จะได้รู้ว่าอุตสาหกรรมความงามเพื่อนบ้านเป็นอย่างไร แตกต่าง ล้ำหน้า จากเรามากน้อยแค่ไหน รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และได้พบกับเจ้าของธุรกิจที่คาดว่าจะเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจในอนาคตเท่านั้น ดิฉันอยากให้ผู้บริโภคชาวไทยได้เห็นศักยภาพของสินค้าไทย ใครที่เคยสงสัยว่าแบรนด์ไทยได้มาตรฐานดีพอหรือไม่ก็จะได้เห็นในงานนี้ หรือใครที่สนใจอยากเป็นเจ้าของธุรกิจสินค้าความงามก็มาดูได้เช่นกัน เพราะตลอด 3 วันเรามีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ทั้งเวิร์กช็อปการแต่งหน้าทำผมจากช่างแต่งหน้า ช่างผมมืออาชีพชื่อดัง อัพเดทเทรนด์ความงามจากบิวตี้กูรู”
เกศมณี ทิ้งท้ายว่า งานนี้จะเป็นโอกาสทองของวงการความงามประเทศไทย และอยากเชิญชวนคนไทยให้ไปดูกันเยอะๆ จะได้หันมาบริโภคสินค้าความงามแบรนด์ไทยแท้ได้อย่างภาคภูมิใจ ว่าความงามแบบไทยๆ ไม่แพ้ชาติใดในโลก
...รู้ไหมว่าอุตสาหกรรมความงาม
สร้างรายได้ให้ประเทศไทยปีละประมาณ 2.5 แสนล้านบาท
ในการส่งออกผลิตภัณฑ์ด้านเส้นผมและหนังศีรษะ
ประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ของโลก
สกินแคร์เป็นอันดับที่ 12 ของโลก แต่แค่นี้ไม่พอ
ดิฉันอยากเห็นแบรนด์ไทยเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับ
ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมความงามโลก
เรียกว่าเป็น Hub ของภูมิภาคและของโลก...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี