นับว่าเป็นลูกไม้หล่น(ตุ๊บ)ใต้ต้น เดินตามรอยเท้าคุณพ่อ-คุณแม่ เข้าวงการอย่างงดงามหมอส้ม-แพทย์หญิงอรอินทร์ เรืองวัฒนสุข ลูกสาวคนเล็กของ นายแพทย์สมชาย-แพทย์หญิงนภาฉัตร เรืองวัฒนสุข ผู้ก่อตั้งแบรนด์คลินิกและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว “ดร.สมชาย” ที่รับไม้ต่อมานั่งเก้าอี้ CEO เต็มตัว พร้อมพา “ดร.สมชาย” ก้าวสู่รูปโฉมใหม่ ให้เป็นแบรนด์ที่ 1 ในใจคนรักผิวพรรณ
“ทั้งคุณพ่อ-คุณแม่ รวมถึงพี่สาว (แพทย์หญิง จิตราภรณ์ เรืองวัฒนสุข) ก็เป็นหมอ ก็คงมีส่วนที่หล่อหลอมตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้ไม่เคยคิดถึงว่าเราจะเป็นอะไรได้นอกจากหมอ อีกอย่างคือพอเกิดมาเราก็เห็นแบรนด์ ดร.สมชาย แล้ว โตขึ้นมากับคลินิกและโรงงานเวชสำอาง เรียกว่าเป็นพนักงานรุ่นแรกของบริษัท ทำงานมาตั้งแต่ตัวยังไม่เคาน์เตอร์เลย จำได้ว่าเด็กๆ เคยชนะประกวดวาดรูปของโรงเรียน รูปที่วาดก็ตั้งชื่อว่า “โตขึ้นฉันอยากเป็นหมอ”นี่แหละค่ะ เรียกว่าไม่เคยไขว้เขวให้กับทางสายอื่นเลย”
นอกจากจะเลือกเรียนหมอแล้ว หมอส้มยังรู้ว่าตัวเองจะต้องกลับมาดูแลธุรกิจของครอบครัวอย่างแน่นอน จึงได้เลือกศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนัง ที่ Cardiff University, UK และ Diploma in Antiaging, WOSSAM จากประเทศฝรั่งเศส กลับมาเมืองไทยแล้วจึงเรียนต่อด้านบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นจึงมาเป็นอายุรแพทย์ ประจำโรงพยาบาลเลิดสิน แล้วจึงตัดสินใจกลับมาสานต่อธุรกิจของครอบครัว ในตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส.เอส.แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “ดร.สมชาย” อย่างเต็มตัวในวันนี้ ซึ่ง หมอส้ม บอกถึงความท้าทายในงานที่รับผิดชอบว่า
“การที่ ดร.สมชาย เป็นเวชสำอางแบรนด์ไทยเจ้าแรก ที่อยู่มากว่า 40 ปี ในฐานะลูกส่วนหนึ่ง และในฐานะผู้บริหารอีกส่วนหนึ่ง มันคือ “ความรับผิดชอบ” ไม่ว่าจะกับลูกค้าของเรา กับแบรนด์ บริษัท และกับพนักงานที่หลายๆ คน ซึ่งอยู่กับองค์กรมายาวนาน เราต้องรับผิดชอบและมีความตั้งใจทำงานให้ออกมาดีที่สุด เพื่อให้ลูกค้าและพนักงานของเรามีความสุขทำให้องค์กรของเราเติบโตขึ้นอย่างยั่งยืนยาวค่ะเราจึงต้องมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี ให้ความสำคัญกับธรรมาภิบาล ความโปร่งใสและจริยธรรม รวมถึงมุ่งเน้นการเป็นองค์กรสมรรถนะสูง และรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมค่ะ ทำให้ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เราได้รับ ISO14001:2004 ที่เน้นมาตรฐานการจัดการเรื่องสิ่งแวดล้อม ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ประเภทบริหารอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม จากกระทรวงอุตสาหกรรม และยังได้รับรางวัลอุตสาหกรรมสีเขียวด้วยค่ะ”
ตั้งแต่เด็กจนโต และก้าวมาเป็นผู้บริหารเต็มตัว สิ่งที่ได้รับการปลูกฝังจากบุคคลต้นแบบอันได้แก่ ดร.สมชาย-แพทย์หญิงนภาฉัตร เรืองวัฒนสุข ผู้เป็นพ่อ-แม่ นั่นคือ คุณธรรม จริยธรรม
“สิ่งที่คุณพ่อ-คุณแม่ปลูกฝังส้มมาตลอดคือ คุณธรรมและจริยธรรมในวิชาชีพและการดำรงชีวิตค่ะ คุณพ่อเป็นคนที่ใส่ใจกับคนไข้และลูกค้ามากๆ สมัยเด็กๆ ส้มเห็นคุณพ่อทำงานแบบไม่พักเลย อย่างไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อย ส่วนคุณแม่จะเน้นเรื่องจริยธรรมมาโดยตลอด พอคุณแม่มาทำเวชสำอาง คุณแม่ก็พยายามเลือกแต่สิ่งที่ดีที่สุด คุณแม่เน้นเรื่องการรับผิดชอบต่อลูกค้า จึงไม่น่าแปลกใจที่ทั้งคลินิกและผลิตภัณฑ์เวชสำอางของเรา มีลูกค้าประจำต่อเนื่อง ยาวนาน หรือกระทั่งแนะนำต่อจากรุ่นสู่รุ่นในครอบครัวค่ะ”
หมอส้ม ยังบอกอีกด้วยว่า ถึงแม้จะเป็น “แพทย์” ที่หันมาทำ “ธุรกิจ” แต่สิ่งหนึ่งที่ใช้ในการทำงานไม่ว่าจะอาชีพไหน นอกจากคุณธรรม จริยธรรม แล้ว “จรรยาบรรณ”ในวิชาชีพของตนเองก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ทำอยู่ และถึงแม้จะเป็น “นักธุรกิจน้องใหม่” ก็ไม่ใช่อุปสรรคที่จะเรียนรู้
“ทุกวันนี้ส้มสนุกกับงานที่ทำอยู่ โชคดีว่าองค์กรเราไม่ใช่องค์กรที่มีขนาดใหญ่มากๆ ส้มเองจึงมีโอกาสได้ทำงานหลายๆ อย่าง อย่างใกล้ชิด ซึ่งส่วนตัวส้มเองก็ชอบที่จะทำงานหลากหลาย เพราะแต่ละเรื่องมันมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ก็ทำให้เราได้ประสบการณ์ที่เปลี่ยนไป ถึงแม้จะเหนื่อยแต่ก็สนุก อีกอย่างคือเราทำงานกันแบบครอบครัว พี่ๆ น้องๆ ทีมงานในบริษัทของเราก็เป็นทีมงานที่ดี ทำงานด้วยแล้วมีความสุข ถึงแม้ส้มจะเป็นผู้บริหาร แต่บางครั้งก็ต้องเรียนรู้จากทีมงานที่มีประสบการณ์มากกว่า
มันก็เป็นการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และจะทำให้เราเติบโตไปพร้อมๆ กันด้วยค่ะ”
พักเรื่องงานหนักๆ มาคุยเรื่อง กิจกรรมวันพักผ่อนนั่นคือ การถ่ายภาพ โดยเฉพาะการถ่ายภาพแนว Street Life เป็นแนวที่หมอส้มโปรดปรานสุดๆ ถามว่าฝีมือดีแค่ไหนคงตอบยาก แต่ถ้าดูจากรายการรับรางวัลด้านการถ่ายภาพที่ยาวเป็นหางว่าว อาทิ งานประกวด PX3 Prix de la Photographie ของฝรั่งเศสซึ่งถือการประกวดที่ใหญ่และทรงพลังที่สุดของภาคพื้นยุโรป ด้วยการคว้ารางวัลมามากอย่างเป็นประวัติการ คือหกเหรียญทอง ห้าเหรียญเงิน และสองเหรียญทองแดงจาก Prix de la Photographie,Paris ในสาขาภาพข่าวบุคคล ท่องเที่ยวเด็ก และอื่นๆ แถมด้วยนิทรรศการเดี่ยวที่แกลเลอรี่ในชินจูกุ โตเกียว และเพิ่งได้รับการตอบรับให้จัดแสดงผลงานภาพถ่าย ในแกลเลอรี่ที่ลอนดอนเมื่อปลายปี 2557 อีกด้วย
“หลังจากเรียนจบมีเวลาว่างมากขึ้น ทำให้มีโอกาสถ่ายรูปอย่างจริงจังเมื่อ 3-4 ปีก่อน รวมถึงโชคดีได้มีโอกาสได้อบรมสั้นๆ กับช่างภาพระดับโลกหลายคน เช่น Sam Abell, Stuart Franklin, Nikos Economopoulos และ Richard Kalvar ทำให้มีโอกาสเข้าใจเรื่องการถ่ายรูปมากขึ้น ยังจำได้ว่าอบรมครั้งแรกเดินทางไป Derby คนเดียว เมื่อ 3 ปีก่อน แทบน้ำตาร่วงเพราะถูกดุว่าถ่ายรูปไม่เป็น สาเหตุที่ชอบภาพแนว Street Life เพราะรู้สึกว่าชีวิตแต่ละคนเวลาเขาอยู่ในโลกของเขาเอง มันสวยงามจนอยากเก็บภาพนั้นๆ เอาไว้ เสน่ห์ของการถ่ายภาพแนวนี้ เราจะต้องอยู่ห่างๆ ไม่เข้าไปรบกวน และไม่จัดฉากหรือเซต และไม่สามารถทำซ้ำหรือถ่ายเลียนแบบได้ค่ะ เพราะเราชอบสังเกตชีวิตผู้คนอยู่ห่างๆ การเข้าไปคลุกคลีหรือมีตัวตนก็จะเป็นการถ่ายภาพอีกแบบหนึ่งซึ่งไม่ใช่ตัวเองค่ะ”
แม้จะเป็นช่วงเวลาที่เพิ่งมารับสานต่อธุรกิจของครอบครัว ต้องทุ่มเทให้กับงานในการดูแล“ดร.สมชาย” อย่างเต็มที่ ต้องเดินทางตรวจงานดูสาขาในต่างจังหวัด และติดต่อธุรกิจที่ต่างประเทศ แต่ก็ยังไม่ละทิ้งการถ่ายภาพเพราะแนว Street Life อยู่ที่ไหนก็ถ่ายภาพได้โดยไม่เป็นอุปสรรค แว่วว่าเร็วๆ นี้คุณหมอจะมีโปรเจกท์ใหญ่จัดแสดงภาพถ่ายอีกครั้ง
ทั้งสวย ทั้งเก่ง มากความสามารถ ครบสูตร “ผู้หญิงแนวหน้า” จริงๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี