พอเข้าช่วงหน้าร้อนที่มีอากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ โรคสุดฮิตในสุนัขและแมวโรคหนึ่ง ที่คนรักสัตว์มักจะพูดถึงก็คือ “โรคพิษสุนัขบ้า” ซึ่งถือแม้ว่าโรคนี้ไม่เกี่ยวกับความร้อนของอากาศเลยก็ตาม แต่ก็มักพบได้บ่อยช่วงนี้ และที่สำคัญ โรคนี้ถือว่าเป็นโรคจากสัตว์ที่สามารถติดต่อสู่คนที่มี “อันตรายถึงชีวิต” ทีเดียวครับ
หลายคนมีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้าเช่น “โรคพิษสุนัขบ้าเป็นเฉพาะในสุนัขเท่านั้น?!” “ลูกสุนัขไม่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าหรอก?!” “ฉีดวัคซีนครั้งเดียว ก็จะปลอดภัย 100% แล้วล่ะ?!” หรือแม้แต่ “ถ้าโดนสุนัขบ้ากัดให้เอารองเท้า
แตะตีแผลหรือเอาน้ำปลาราดแผล?!” เป็นต้น ซึ่งเป็น
ความเชื่อที่ “ผิด” ครับ
งั้นวันนี้เรามารู้จักโรคพิษสุนัขบ้านี้กันครับ
โรคพิษสุนัขบ้า หรือ โรคกลัวน้ำ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Rabies เป็นโรคติดต่อที่ร้ายแรง เกิดจากเชื้อไวรัส มักเกิดจากการถูกกัดหรือข่วนโดยสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ไม่ว่าจะเป็น สุนัข แมว หนู โค กระบือ แพะ แกะ ม้า สุกร ค้างคาว กระต่าย หรือจิงโจ้บิน เป็นต้น ในปัจจุบันยังไม่มีทางรักษาให้หายครับ ที่สำคัญ “มีอันตรายถึงชีวิต” แต่เราสามารถ “ป้องกันได้” ครับ
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า Rabies virus โดยเชื้อไวรัสจะอยู่ในน้ำลาย ช่องทางการติดต่อสู่คนที่พบบ่อย คือ การถูกกัด และเชื้อเข้าทางบาดแผล
การติดต่อของโรค
เชื้อไวรัสจะออกมากับ “น้ำลาย” ของสัตว์ที่ติดเชื้อ และเข้าสู่ร่างกายของคนทาง “บาดแผล” ที่สัตว์กัด ข่วน หรือเลีย นอกจากนี้ยังเข้าทางเยื่อเมือก เช่นในช่องปาก จมูก หรือตาอีกด้วย จากนั้นเชื้อจะเดินทางไปยังสมองโดยผ่านทางเส้นประสาท
อาการ
หากปล่อยไว้จนอาการของโรคปรากฏแล้ว จะทำให้เสียชีวิตได้ครับ ระยะเวลาการเกิดโรคนั้น ขึ้นอยู่กับ ปริมาณเชื้อที่เข้าแผล ขนาดและความลึกของแผล รวมถึงตำแหน่งที่เชื้อเข้า ถ้าใกล้สมองมาก เชื้อจะไปถึงสมองได้เร็วครับ
อาการหลักๆ ของโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่
1.ระยะเริ่มแรก จะมีอารมณ์และอุปนิสัยเปลี่ยนไปจากเดิม
2.ระยะตื่นเต้น เริ่มมีอาการทางประสาท กระวนกระวาย หงุดหงิด ไม่อยู่นิ่ง แสดงอาการแปลกๆ เช่น งับลม กัดแทะทุกอย่างที่ขวางหน้า เริ่มเกิดอัมพาตของกล้ามเนื้อกล่องเสียง ลิ้นห้อย น้ำลายไหล ขาหลังเริ่มอ่อนเปลี้ย และเริ่มเข้าสู่ระยะเป็นอัมพาต
3.ระยะอัมพาต เป็นระยะสุดท้าย จะเกิดอัมพาตทั่วตัวอย่างรวดเร็ว และเสียชีวิตในที่สุดเนื่องจากอัมพาตของระบบหายใจ ทำให้ไม่สามารถหายใจได้
** สุนัขที่แสดงอาการแล้ว ส่วนใหญ่แล้ว มักมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 10 วัน
ประเภทของโรคพิษสุนัขบ้า
โรคพิษสุนัขบ้าที่พบมักมี 2 ชนิด คือ ชนิดดุร้ายและชนิดเซื่องซึม
1.ชนิดดุร้าย จะแสดงอาการดุร้าย เดินไป-มา กระวนกระวาย กัดโซ่ หรือกรงขังจนเลือดออกโดยไม่แสดงอาการเจ็บปวด บางรายจะวิ่งโดยไร้จุดหมาย กัดคนและสัตว์ทุกชนิดที่ขวางหน้า น้ำลายไหลย้อย คางห้อย หางตก จากนั้นก็จะเริ่มมีอาการอัมพาต ขาเริ่มไม่มีแรง วิ่งลำบาก เมื่อเกิดอัมพาตมากขึ้น ขาทั้งสี่ก็จะหมดแรง แล้วล้มลงหมดสติ และตายภายใน 3-7 วัน หลังจากที่แสดงอาการ
2.ชนิดเซื่องซึม จะสังเกตได้ยาก เนื่องจากอาการป่วยที่แสดงจะคล้ายโรคอื่นๆ เช่น ไข้หวัด ไข้หัดสุนัขในระยะแรก สัตว์จะหลบไปอยู่ที่เงียบๆ อาจกัดคนหรือสัตว์อื่นเมื่อถูกรบกวน จากนั้นจะเกิดอัมพาต และตายในที่สุด ส่วนมากจะพบประเภทดุร้าย มากกว่าแบบเซื่องซึม
เรื่องราวของโรคพิษสุนัขบ้ายังไม่หมดแค่นี้ครับ สัปดาห์หน้า เรามาทราบถึงการระบาดของโรค การป้องกัน และการปฏิบัติตน เมื่อถูกสุนัขและแมวที่ไม่ทราบประวัติการฉีดวัคซีนกัดกันครับ
อาจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร. ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี