แม้จะเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานปี 2 ที่มีความรู้ด้านธรณีวิทยาขั้นพื้นฐาน แต่ด้วยความทุ่มเท ตั้งใจ และเต็มที่กับการฝึกงานในครั้งนั้น กลับกลายเป็นแรงบันดาลใจครั้งสำคัญผลักดันให้ แวว-นาถธิดา คณานิธิกรนักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาธรณีวิทยา จากรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในตอนนั้นมุ่งมั่นที่จะต้องเป็นนักธรณีวิทยาของ บริษัท เชฟรอนประเทศไทย สำรวจและผลิต จำกัด บริษัทที่เธอฝึกงานในวันนั้นให้ได้
นาถธิดา เล่าย้อนให้ฟังว่า “ช่วงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทย์-คณิต ได้เรียนวิชาโลกและดาราศาสตร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในความรู้ขั้นพื้นฐานของวิชาธรณีวิทยาแล้วเกิดความสนใจ อีกทั้งพี่ชายก็เรียนเกี่ยวกับธรณีวิทยาได้ออกภาคสนามอยู่บ่อยๆ ดูน่าสนุก เลยตัดสินใจเลือกเรียนมหาวิทยาลัยต่อทางด้านนี้ พอขึ้นปีที่สองก็ได้ฝึกงานที่บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด รู้สึกประทับใจมาก เพราะมีวัฒนธรรมขององค์กรและสังคมการทำงานที่เปิดกว้าง ยอมรับมุมมองที่แตกต่างของแต่ละคนพี่ๆ ไม่ได้มองเราเป็นแค่นักศึกษาฝึกงาน แต่ให้เราเป็นส่วนหนึ่งของทีม มีการมอบหมายโปรเจกท์ให้ทำ แล้วก็เอาผลงานเราไปใช้งานจริง ตอนนั้นรู้สึกภาคภูมิใจและประทับใจกับวิธีการทำงาน ทำให้เรามุ่งมั่นที่จะทำงานที่นี่ให้ได้ พอขึ้น
ปีที่ 3 เลยเลือกวิชาธรณีวิทยาสายปิโตรเลียม เป็นวิชาเลือกแล้วตัดสินใจกลับมาฝึกงานกับ เชฟรอนอีกครั้งเพื่อสั่งสมประสบการณ์ หลังจากเรียนจบก็มาสมัครงานที่เชฟรอนและได้เข้าทำงานที่นี่ทันที”
กับชีวิตการทำงานกับเชฟรอนในหน้าที่นักธรณีวิทยา หรือ Earth Scientist ภายใต้ HorizonsProgram ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับนักศึกษาจบใหม่หรือมีประสบการณ์การทำงานมาแล้วไม่เกิน 3 ปี นาถธิดา บอกว่า “พนักงานจะได้รับมอบหมายงานต่างๆ รวมทั้งการฝึกอบรม ภายในระยะเวลา 5 ปี เพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะ และความสามารถในการทำงาน จากการลงมือปฏิบัติจริง และทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ โดยจะมีพี่เลี้ยงคอยแนะนำการทำงานให้ใน2 ปีแรก ซึ่งส่วนตัวมองว่า เป็นโอกาสที่ดีมากเพราะได้เรียนรู้งานในหลายๆ ด้าน มีมุมมองที่กว้างขึ้น ได้เข้าใจภาพรวมขององค์กร ทำให้พนักงานสามารถพัฒนาศักยภาพของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว”
นาถธิดา ร่วมงานกับเชฟรอนมาปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้ว ในปีแรกได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นนักธรณีฟิสิกส์ มีหน้าที่หลัก คือ ดูแลในเรื่องของลักษณะโครงสร้างของชั้นหินภายใต้พื้นผิวโลก เพื่อหาบริเวณที่เหมาะสมกับการเป็นแหล่งกักเก็บปิโตรเลียม โดยแปลข้อมูลจากการสำรวจคลื่นไหวสะเทือน หรือ Seismic survey คือการวิเคราะห์ค่าความไหวสะเทือนจากรูปแบบของคลื่นสะท้อนแล้วนำมาประมวลผล ส่วนปีที่สองทำหน้าที่เป็นนักธรณีวิทยา ซึ่งจะศึกษา ในเรื่องของปริมาณสำรองปิโตรเลียมว่ามีมากน้อยตรงไหน โดยดูจากข้อมูลเชิงสถิติ และดูการกระจายตัวของชั้นหิน โดยทั้งนักธรณีวิทยาและนักธรณีฟิสิกส์จะต้องทำงานร่วมกันในการประเมินศักยภาพและกำหนดตำแหน่งหลุมเจาะที่บริเวณนั้น
เป็นงานที่ท้าทายมาก สำหรับอาชีพนักธรณีวิทยาและนักธรณีฟิสิกส์ ไม่ใช่เพราะว่าเราเป็นผู้หญิง แต่เพราะเป็นงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่อยู่ใต้พื้นพิภพ ซึ่งเรามองไม่เห็นว่ามันเป็นแบบไหน เหมือนกับเราเป็นนักสืบอย่างหนึ่ง ที่นำเอาข้อมูลที่มีอยู่มาหาความสัมพันธ์กันบนพื้นฐานของหลักเหตุผลที่เราได้เรียนมา แล้วนำมาสรุปผล ตรงนี้ถือเป็นเสน่ห์และความท้าทาย เป็นความสุขอย่างหนึ่งที่เราได้สืบเสาะค้นหาปิโตรเลียมว่าอยู่ตรงไหนบ้างจากข้อมูลที่มีอยู่ แต่ถ้ามองถึงความเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายในการเป็นนักธรณีวิทยานั้น ทั้งคู่ต่างก็มีความสามารถเท่าเทียมกันและมีจุดเด่นไปคนละแบบ ผู้ชายจะมีลักษณะลุยๆ ด้านกายภาพจะแข็งแรงกว่า ทำงานในภาคสนามได้ดี สามารถตัดสินใจได้รวดเร็วกว่า ส่วนผู้หญิงจะมีความละเอียดอ่อน เรื่องของข้อมูล มีความรอบคอบในการคิด ประมวลผล แต่โดยส่วนตัวมองว่าทั้งหญิงและชายถ้าหากทำงานร่วมกันจะทำให้งานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”
สำหรับการทำงานของเธอ นอกจากประสบการณ์ในการทำงานแล้ว เธอยังได้ข้อคิดดีๆ จากองค์กรและเพื่อนร่วมงานอีกด้วย
“หากทำงานแล้วเกิดปัญหา เราต้องกล้าที่จะถาม เพราะคนเราเกิดมาไม่มีใครสมบูรณ์และเก่งทุกอย่าง เราต้องทำตัวเป็นน้ำที่ไม่เต็มแก้วตลอดเวลา ต้องพยายามขวนขวายเพื่อเติมเต็มน้ำในแก้วให้เรา แต่ไม่ใช่ว่าเต็มแล้วจะหยุด เพราะทุกวันนี้โลกพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ความคิดของคนรุ่นใหม่ก็อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกัน ฉะนั้นเรายังต้องเปิดรับความคิดของคนอื่นไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ อีกทั้งการมีบรรยากาศการทำงานที่ดี มีการช่วยเหลือ สอน แนะนำ โดยพี่ๆ และเพื่อนร่วมงาน จนสามารถแก้ไขปัญหาได้ การทำงานก็เป็นไปอย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพ”
นอกจากนี้ นักธรณีวิทยาสาวยังบอกเคล็ดลับในการทำงานต่อไปอีกว่า “การจัดสรรเวลาให้ดีเป็นสิ่งสำคัญ อย่างเช่น งานโปรเจกท์หนึ่ง ให้เวลา 3 เดือน อาจดูเหมือนสบาย ไม่ต้องเร่งรีบทำให้เสร็จ แต่ในความจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น เราต้องแบ่งสันปันส่วนให้ดี รู้จักให้ลำดับความสำคัญของงานแต่ละชิ้น ต้องตั้งเป้าหมายการทำงานในแต่ละวัน จะทำให้เราสามารถทำงานอยู่ในกรอบเวลาได้ ไม่เช่นนั้นทั้งเรื่องงานและชีวิตส่วนตัวก็จะรวนไปหมด”
ทว่าโอกาสดีๆ ของนาถธิดา ไม่ได้มีแค่นี้ เพราะหนึ่งในกระบวนการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรทางด้านธรณีวิทยา ภายใต้ Horizons Program นั้น คือการส่งพนักงานเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรมหาบัณฑิตธรณีศาสตร์ปิโตรเลียม ที่คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ University Partnership Program หรือ UPP ที่เชฟรอนจัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนมหาวิทยาลัยต่างๆ ในการพัฒนาหลักสูตรการศึกษา งานวิจัยและการพัฒนาบุคลากรเพื่อเป็นกำลังสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมพลังงานในอนาคต โดยหลักสูตรได้รับการสนับสนุนตั้งแต่ปี2552-2557 และขยายเวลาดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2561 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 10 ปี ซึ่งหลักสูตรนี้ได้ผลิตมหาบัณฑิตชาวไทยและต่างชาติมา 4 รุ่นแล้ว เป็นจำนวน 66 คน
“หลังจากทำงานได้ 2 ปี พอปีที่ 3 บริษัทก็ส่งไปเรียนต่อปริญญาโททางด้านธรณีศาสตร์ปิโตรเลียม เป็นโอกาสที่ดีที่ได้เพิ่มเติมความรู้ ได้เรียนอะไรที่ตรงเฉพาะทางมากยิ่งขึ้น โดยโครงการนี้เป็นเหมือนการพัฒนาศักยภาพและต่อยอดความรู้ของเราที่จะเจาะลึกลงไปในด้านปิโตรเลียม ซึ่งจะแตกต่างจากตอนเรียนปริญญาตรีโดยสิ้นเชิง เราได้เห็นลักษณะของแอ่งตะกอนแบบอื่น มองภาพกว้างมากขึ้น สามารถประยุกต์ใช้อะไรต่างๆ จากในห้องเรียน ได้เห็นเทคโนโลยีใหม่ๆที่ใช้ในการสำรวจ ได้ทดลองแปลข้อมูลใหม่ๆ ได้ลองทำงานจริงๆ จากแหล่งสำรวจอื่นๆ ทำให้สามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการทำงานในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น”
แม้เส้นทางการเป็นนักธรณีวิทยาของเธอจะราบรื่น แต่ก็ยังมีน้องๆ อีกหลายคนที่พบว่าไม่ง่ายเลยที่จะก้าวมาอยู่ตรงนี้ เพราะยังครึ่งๆ กลางๆ ค้นหาตัวตนไม่เจอ ว่าถนัดหรืออยากทำอาชีพอะไร ซึ่ง นาถธิดา บอกผ่านถึงน้องๆ ว่า ต้องดูจากความชอบในวิชาเรียนและลักษณะนิสัยของตัวเอง หากชอบลุยๆ ชอบปฏิบัติ ก็ให้มองดูคณะวิชาที่สอดคล้อง เช่น วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ จากนั้นก็หาข้อมูลเพิ่มเติมว่าต้องเน้นวิชาไหน แล้ววางเป้าหมายในการสอบเข้าเรียนซึ่งต้องตั้งใจเรียนทุกวิชาที่เกี่ยวข้อง หากยังไม่รู้ไม่มีแรงบันดาลใจ ก็ลองไปเข้าค่าย ร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่สถาบันต่างๆ จัดขึ้น เช่น ค่ายธรณีวิทยา หรือค่ายวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ช่วยค้นพบความถนัดและความชอบได้ไวขึ้น เพราะจะทำให้เกิดความมุ่งมั่น และสามารถไปได้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ นอกจากนี้ยังฝากถึงน้องๆ ว่า การฝึกงานขอให้ตั้งใจทำให้เต็มที่กับงานที่ได้รับมอบหมาย เชื่อว่าสักวันหนึ่งอาจจะประสบความสำเร็จแบบตนได้
สำหรับเป้าหมายหน้าที่การงานในอนาคต นาถธิดา กล่าวว่า “อยากพัฒนาศักยภาพของตัวเองในการเป็นนักธรณีวิทยาให้ดีที่สุด ทั้งเชี่ยวชาญในเรื่องของธรณีฟิสิกส์ และธรณีวิทยา โดยต่อยอดจากก้าวเล็กๆ ที่ยังอ่อนประสบการณ์ แล้วพัฒนาความสามารถของตัวเองต่อไป ถ้าก้าวไปถึงจุดนั้นได้ ก็อยากจะถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์เหล่านี้ให้กับน้องๆ บอกเล่าสิ่งที่ได้เรียนและทำงานมา ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับน้องๆ เหมือนอย่างที่ตัวเองได้รับจากรุ่นพี่ ที่ทำให้วันนี้เป็นแบบนี้ได้”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี