ชาวผู้ไทที่บ้านห้วยยาง
เมื่อเร็วๆ นี้ นายล้วน ถาระสา ชาวบ้านห้วยยางจ.สกลนคร ผู้เฝ้าฯรับเสด็จในหลวงเมื่อครั้งเสด็จฯ ทรงงานในภาคอีสานนั้นได้เสียชีวิตลงในวัย 96 ปี และเป็นตำนานหนึ่งของหมู่บ้านห้วยยางที่ต้องต่อสู้ความยากจนให้เป็นหมู่บ้านการเกษตรที่มีความพอเพียงจนเป็นแบบอย่างในที่อื่น อาทิตย์นี้ได้เดินตามรอยหาหมู่บ้านแห่งนี้ไปกับสำนักงานพัฒนาการประชาสัมพันธ์ กรมประชาสัมพันธ์ ตามเสียงรํ่าลือตามข่าวหนังสือพิมพ์ว่าเป็นหมู่บ้านขอทานของประเทศ คือ พ.ศ.๒๕๒๔ นั้นชาวบ้านอดอยากจากความแห้งแล้งจนต้องออกขอทานไปทั่วทุกแห่ง ซึ่งวันนี้ได้ปรับเปลี่ยนจนสามารถพัฒนาตนเองให้มีความเข้มแข็งได้ นายล้วน ถาระสา นั้นเป็นหนึ่งในเจ้าของภาพประทับใจที่ได้เฝ้าฯรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างใกล้ชิด ในคราวที่พระองค์เสด็จฯแปรพระราชฐานและทรงงานในภาคอีสาน โดยพระองค์ ได้เสด็จฯทรงมาในพื้นที่ จ.สกลนคร ถึง 109 ครั้ง เพื่อแก้ปัญหาแหล่งนํ้าและปัญหาความยากจนแก่ราษฎรวันนั้นเป็นวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ.2527พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรสถานที่สร้างอ่างเก็บนํ้าห้วยโท-ห้วยยางและตรัสถามข้อมูลรายละเอียดจากปากของ นายล้วน ถาระสา ซึ่งขณะนั้น อายุ 57 ปี อย่างไม่ถือพระองค์ ในพระหัตถ์ของพระองค์ถือแผนที่ ทรงนั่งคุกเข่า และทรงขีดแผนที่ลงบนถนน จนกลายเป็นภาพประทับใจ จากนั้นความเดือดร้อนดังกล่าวได้นำไปสู่การสร้างอ่างเก็บนํ้าขึ้น บรรจุนํ้ากว่า 1.3 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนนํ้ากิน นํ้าใช้ นํ้าเพื่อการเกษตรให้แก่ราษฎรหลายหมู่บ้าน ทำให้พื้นที่การเกษตรไม่น้อยกว่า 10,000 ไร่ มีนํ้าทำการเพาะปลูกทำให้ชาวบ้าน มีอาชีพและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างมั่นคงด้วยพระมหากรุณาธิคุณอย่างที่ทุกคนในหมู่บ้านห้วยยางไม่อาจจะลืมได้
การปลูกยาสูบทำกันทุกครัวเรือน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯทอดพระเนตรภูมิประเทศ และแหล่งนํ้าในบริเวณนั้นแล้วได้พระราชทานพระราชดำริให้ดำเนินการสำรวจพื้นที่ทำเลสร้างอ่างเก็บน้ำ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของบริเวณป่าตลอดจนสามารถส่งนํ้าช่วยเหลือพื้นที่นาของราษฎรในระยะฝนทิ้งช่วง นอกจากนั้นในช่วงฤดูแล้งก็จะสนับสนุนนํ้าสำหรับใช้ในการปลูกพืชไร่กับพืชผักสวนครัวได้อีกด้วย ส่วนอ่างเก็บนํ้า จะเป็นสถานที่เพาะพันธุ์ปลานํ้าจืดเพื่อเป็นแหล่งอาหารโปรตีนของส่วนรวม นายล้วนได้ชี้สถานที่จริงให้ทอดพระเนตรและทรงลงนั่งขีดเส้นบนดิน พร้อมทั้งเล่าว่าครั้งแรกนั้นคิดว่าคอมมิวนิสต์เข้าบ้าน มีทหารเต็มไปหมด แต่มาตอนหลังจึงทราบว่าพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ วันนั้นนายล้วนนั่งเล่นอยู่บนบ้าน พระองค์ทรงกวักพระหัตถ์เรียกลงมา แล้วตรัสถามว่าลำห้วยแถวนี้มีกี่สาย พ่อก็บอกไปว่ามี 6 สาย และบอกชื่อลำห้วยทั้งหมดให้ทรงทราบพร้อมชี้ให้ดูที่สี่แยกกลางหมู่บ้าน พระองค์ตรัสถามแล้วก็กางแผนที่ออกดูว่าใช่ตรงนี้ไหม เมื่อยืนยันว่าใช่พระองค์จึงทรงวาดแผนที่บนพื้นดิน หลังจากนั้นพระองค์ตรัสว่าขอบใจนะ แล้วก็เสด็จฯทอดพระเนตรสถานที่สร้างอ่างเก็บนํ้า ซึ่งต่อมาได้มีการสร้างอ่างเก็บนํ้าห้วยโท-ห้วยยางขึ้นมา หลังจากที่สร้างอ่างเสร็จแล้ว ราษฎรก็สามารถทำการเกษตรทำให้ไม่ยากจนต่อไปอีก
สระนํ้าในหมู่บ้านสำหรับการเพาะปลูก
จากหมู่บ้านที่แห้งแล้งชนิดไม่ออกไปขอทานเขากินก็ไม่มีกินนั้น ได้ทำให้เป็นที่สนใจของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวดังกล่าว ได้ทำให้มีอ่างเก็บนํ้า ตลอดจนถนนหนทางและสาธารณูปโภคที่มีนํ้าประปา ไฟฟ้า โรงเรียนให้การศึกษา ซึ่งในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2532 นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอ่างเก็บนํ้า แห่งนี้พร้อมด้วยทูตานุทูต อ่างเก็บนํ้าห้วยโท-ห้วยยางแหล่งนี้พระองค์ทรงเรียกว่า “พัทธยาน้อย” ของชาวบ้านที่นอกจากเป็นสถานที่พักผ่อนแล้วยังเป็นแหล่งนํ้าสำคัญส่งผลให้ชาวบ้านสามารถทำนาปีละ 2 ครั้ง ได้แล้วยังสามารถเพาะชำกล้าไม้ ปลูกยาสูบ ถั่วลิสง เป็นอาชีพที่สร้างความอยู่ดีกินดีมาจนทุกวันนี้ด้วยพระบารมีของพระองค์ ทำให้ราษฎรห้วยยางทุกครัวเรือนยกมือท่วมหัวทุกครั้งที่เล่าถึงความยากจนที่ผ่านมา
อ่างเก็บน้ำที่ช่วยการเกษตร
แปลงกล้าไม้ผลไม้ดอกที่เพาะส่งออก
แปลงปลูกต้นยาสูบที่สร้างรายได้ทุกครัวเรือน
บ้านห้วยยางที่เคยจนทั้งหมู่บ้าน
แปลงต้นกล้าที่เพาะเลี้ยงส่งชาวสวน
ยุ้งฉางและเลี้ยงสัตว์มีทุกหมู่บ้าน
งานปั่นด้ายทอผ้าที่บ้านห้วยยาง
อ่างเก็บน้ำห้วยยาง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี