การแข่งขันว่าวในสนามพระราชวังดุสิต
เดือนเมษายนนอกจากเทศกาลวันสงกรานต์ที่ผ่านมาแล้ว ยังมีงานสำคัญสำหรับพระนครอีกงานคือ การแข่งขันว่าวไทยที่ท้องสนามหลวง เมื่อทุกปีระหว่าง 17-21 เมษายนนั้น ได้มีการจัดงาน “ใต้ร่มพระบารมี 233 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” โดย กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับสภาวัฒนธรรมของกรุงเทพมหานคร การแข่งขันว่าวนั้นจึงเป็นส่วนหนึ่งของงานวันนี้ โดยมีการนำวิถีไทยในชุมชนต่างๆ มาแสดง สำหรับปีนี้มีการจัดริ้วขบวนใต้ร่มพระบารมีแต่ละรัชกาลแล้ว ยังมีกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์รอบเกาะรัตนโกสินทร์ของกรมศิลปากรด้วย ส่วนของดีแต่ละจังหวัดในภูมิภาคต่างๆ นั้น ได้นำมาจำหน่ายซื้อขายกันโดยเฉพาะสินค้าทางวัฒนธรรม ซึ่งมีการแสดงมหกรรมต่างๆ มากมายทั้งโขน ละคร ดนตรี ลีลาศ อาทิตย์นี้ขอตามรอย “ว่าวไทย”จากท้องสนามหลวง เพราะ “ว่าวไทย” นั้น เป็นของเล่นที่คนไทยรู้จักและประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อความสนุกสนานโดยการสร้างโครงไม้ไผ่และปิดกระดาษทำให้ลอยอยู่ในอากาศได้ด้วยแรงลมโดยมีสายป่านคอยบังคับให้ลอยอยู่ในทิศทางที่ต้องการ เช่นเดียวกับการประดิษฐ์ว่าวในประเทศอื่นๆ เรื่องราวของว่าวไทยนั้นมีเรื่องอยู่ในพงศาวดารเหนือว่า พระร่วงทรงเล่นว่าวอย่างไม่ถือพระองค์ว่าเป็นท้าวพระยา และในสมัยกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ.1893-2300) นั้น ได้มีการเล่นว่าวกันมากถึงกับมีกฎมณเฑียรบาลห้ามมิให้ราษฎรเล่นว่าวทับพระราชวัง
การแข่งขันว่าวในอดีต
กีฬาเล่นว่าวไทยนั้นได้มีการเล่นสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน สมัยรัตนโกสินทร์ในรัชกาลที่ 5 ได้โปรดให้ใช้สถานที่ในพระราชวังดุสิต และสนามเสือป่าเป็นที่เล่นแข่งขันระหว่างว่าวจุฬากับว่าวปักเป้า เป็นต้น ว่าวไทยที่ทำขึ้นเล่นนั้นมีอยู่ 4 ชนิด ที่ใช้เล่นกันเป็นพื้น คือ ว่าวอีลุ้ม ว่าวปักเป้า ว่าวจุฬา และว่าวตุ๋ยตุ่ย ซึ่งปัจจุบันมีการประดิษฐ์ว่าวรูปแบบต่างๆ อีกมากมาย สำหรับว่าวไทยนั้นยังคงรูปแบบเดิมอยู่ กล่าวคือว่าวอีลุ้มมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน มีไม้ไผ่เป็นโครงสองอันเป็นส่วนอกและปีกอก โดยมีกระดาษปิดทาบลงบนโครงเรียกกระดาษว่าว ซึ่งบางเป็นพิเศษ ส่วนปลายของปีกทั้งสองข้างนั้นติดพู่กระดาษเพื่อช่วยในการทรงตัว ในขณะที่ว่าวลอยอยู่ในอากาศ โดยมีหางสำหรับถ่วงนํ้าหนักป้องกันไม่ให้ว่าวส่ายไปมา ส่วนว่าวปักเป้านั้นมีลักษณะเช่นเดียวกับว่าวอีลุ้ม ต่างตรงไม้ส่วนโครงที่เป็นปีกนั้นแข็งกว่าปีกของว่าวอีลุ้มมาก จึงต้องมีหางที่ทำด้วยผ้าเป็นเส้นยาวถ่วงอยู่ที่ส่วนล่าง เมื่อชักขึ้นไปลอยอยู่ในอากาศแล้วจะไม่ลอยอยู่เฉยๆ จะส่ายตัวไปมา เมื่อถูกชักกระตุกสายเชือกป่านตามวิธีเล่นแล้ว ว่าวปักเป้าจะเคลื่อนไหวโฉบเฉี่ยวไปมาในท่าทางต่างๆ ได้ตามต้องการ สำหรับว่าวจุฬานั้นมีลักษณะโครงเป็น 5 แฉก เป็นโครงที่ขึ้นด้วยไม้ 5 อัน ซึ่งต้องใช้ไม้ไผ่สีสุกที่มีปล้องยาวเรียว เรียกว่า “เพชรไม้” มาเหลา อันกลางเรียกว่า “อก” เหลาปลายเรียวหัวท้าย 1 อันอีก 2 อัน ผูกขนาบตัวปลายให้จรดกันเป็นปีก และอีก 2 อันเป็นขาว่าวเรียกว่า “ขากบ” จากนั้นขึงด้ายเป็นตารางตลอดตัวว่าว เรียกว่า “ผูกสัก” แล้วใช้กระดาษสาปิดทับลงบนโครง สำเร็จเป็นว่าวจุฬา ถ้าหากไม่ถูกสัดส่วนแล้ว ว่าวจะไม่ลอยตัวขึ้นได้ จึงต้องใช้ฝีมือการทำว่าวอย่างเยี่ยมมาทำและว่าตุ๋ยตุ่ยมีรูปร่างแบบเดียวกับว่าวจุฬาแต่ขากบเป็นรูปเดียวกับปีก ติดอยู่ซ้อนกัน ส่วนบนใหญ่ส่วนล่างจะเล็ก สุดตัวตอนล่างมีไม้ขวางอีกอันหนึ่ง สำหรับผูกหาง ซึ่งมีสองหางช่วยในการทรงตัวเมื่อลอยขึ้นไปอยู่ในอากาศ ส่วนบนของหัว ไม้อันที่เป็นอกยื่นออกมาในราวหนึ่งคืบ เป็นเดือยในลักษณะสี่เหลี่ยมเพื่อเสียบที่ทำเสียง ซึ่งเป็นคันเหมือนที่ทำกระสุนหรือธนู ทำด้วยไม้ไผ่ เจาะรูให้เป็นสี่เหลี่ยม กึ่งกลางคันให้พอดีกับเดือยสี่เหลี่ยมที่ยื่นออกมา ตัวกลางที่ทำให้เกิดเสียงนั้น ใช้ไม้ไผ่หรือหวายเส้นโตๆ เหลาให้เป็นแผ่นบางๆ แล้วเอาปลายเชือกสองข้างผูกติดกับปลายคัน เมื่อติดเครื่องทำเสียงนี้แล้วก็จัดการให้ว่าวขึ้นไปลอยอยู่บนอากาศ ไม้ไผ่หรือหวายแผ่นบางๆที่ถูกขึงอยู่นั้น เมื่อสายลมมาปะทะ ก็จะพลิ้วตัว ทำให้เกิดเสียงดังตุ๋ยตุ่ยอยู่ตลอดเวลา ว่าวนี้ทำเล่นกันตามชนบท และนิยมชักขึ้นในเวลากลางคืนให้เสียงดังฟังไพเราะ สำหรับว่าวไทยที่ใช้แข่งขันกันนั้นใช้ว่าวปักเป้าและว่าวจุฬาโดยแบ่งเขตสนามหลวง เพื่อให้ว่าวทั้งสองนี้ต่างลอยขึ้นไปคว้าว่าวฝ่ายตรงข้ามลงในเขตของตน ภายหลังได้มีการใช้วงปี่พาทย์บรรเลงประกอบท่าตามลักษณะของผู้ชนะและผู้แพ้ มีเพลงโอด เพลงครวญและเพราะฮึกเหิม เยาะเย้ยให้ได้อรรถรสในการชม ที่น่าสนุกก็คือผู้เล่นแต่ละฝ่ายต้องช่วยกันชักว่าวของตนให้คว้าเอาว่าวของอีกฝ่ายหนึ่งให้ได้ ภาพกีฬากลางแจ้งอย่างนี้ต้องใช้พื้นที่กว้างมากอย่างท้องสนามหลวง ซึ่งยังเป็นสนามของกีฬาไทยโบราณมาจนวันนี้
ผู้คนชมการแข่งขันว่าวไทยในสนาม
เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธฯ ทอดพระเนตรการแข่งขันว่าว
พระยาภิรมย์ภักดี (บุญรอด)ผู้เริ่มการแข่งขันว่าวไทย
ว่าวปักเป้าของพระยาภิรมย์ภักดี (ชม)
ว่าวปักเป้าคู่แข่งขันของว่าวจุฬา
ว่าวจุฬาที่ต้องใช้ฝีมือประดิษฐ์อย่างดี
การต่อสู้ของว่าวต้องใช้คนช่วยกัน
ว่าวจุฬาที่ได้รับผ้าแพรพระราชทานในสมัย ร.5
ปีพาทย์ที่ใช้บรรเลงประกอบการแข่งขัน
ว่าวรูปครุฑที่สร้างขึ้นในสมัยหลัง
การแข่งขันว่าวไทยอย่างโบราณ
เชือกแบ่งเขตของว่าวปักเป้ากับว่าวจุฬา
ทีมผู้เล่นว่าวจุฬาอยู่ด้านใต้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี