(ซ้าย) ยอร์ช-เผ่าพงษ์พันธ์ ศิรินคราภรณ์, อ.หญิง-สุจิการ เดชธนสมบัติ, จุ๊ย-ณภัทร ศรีกายกุล และพิธีกรรายการ ขิม-ทิพย์ลดา พูนศิริวงศ์
มีเรื่องราวดีๆ มาฝากแฟนๆ รายการอีกแล้ว สำหรับรายการ “ผู้หญิงแนวหน้ากับคุณแหน” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทางสถานี TNN2 ช่อง 784 โดยพิธีกร “ขิม-ทิพย์ลดา พูนศิริวงศ์” พาไปพูดคุยกับ ทีมงานวาตะ ซึ่งประกอบไปด้วย จุ๊ย-ณภัทร ศรีกายกุล นักวิจัย/ปรุงยาสมุนไพร, ยอร์ช-เผ่าพงษ์พันธ์ศิรินคราภรณ์ ดูแลการตลาด และ อาจารย์หญิง-สุจิการ เดชธนสมบัติ หมอแพทย์แผนไทย ถึงเรื่องราวการรักษาที่เรียกว่าแพทย์ทางเลือกจะน่าสนใจขนาดไหน ฟังจุ๊ย-ณภัทรศรีกายกุล เล่ากันเลย
“ช่วงที่ผมยังเรียนไฮสคูลอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ผมเป็นคนที่ไม่ชอบเรียนหนังสือ ก็จะเหม่ออยู่ในห้องบ่อยๆ ไม่สนใจเรียน เขาก็เลยนึกว่าผมสมองมีปัญหาก็เลยให้ผมไปวัดไอคิว ก็ได้ทำข้อสอบ แล้วเขาก็พูดคุยกับผมระหว่างที่ทำข้อสอบด้วย และพอผลออกมาไอคิวผมก็สูงมาก ประมาณ 160
ซึ่งไอคิว 160 คน ทั้งโลกน่าจะมีหลักหมื่นคนในโลก เพราะคนทั่วไปไอคิวมีประมาณ 110-100 เท่านั้น สำหรับความพิเศษของคนไอคิว 160 นั้น คือ ผมสามารถมีความจำช่วงยาวที่ดีมาก แล้วผมก็จะสามารถจดจำข้อมูลต่างๆ ค่อนข้างไว
หลังจากนั้นไปเรียนทำอาหารที่ประเทศสวิตฯก็กลับมาเมืองไทย มาทำอาหารและเป็นคนไทยที่เคยได้รับข้อเสนอมิชลินถึง2 ดาว คือตอนนั้นผมทำงานอยู่ที่โรงแรมยูจีเนียร์ ราวๆ ปี 2008 มีนักชิมมาจากยุโรป 3 ท่าน ท่านหนึ่งมาจากฝรั่งเศส ท่านหนึ่งมาจากอิตาลี ท่านหนึ่งมาจากสเปน
คือ 3 ประเทศนี้จะเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านอาหารอยู่แล้ว เขามาชิมวันนั้นเจ้าของตื่นเต้นมากๆ เขาก็บอกให้ผมทำสุดฝีมือ ผมก็พูดคำเดิมครับผมสุดฝีมือตลอด ผลก็ออกมาว่าผมเป็นเชฟที่เขาบอกเลยว่า น่าสนใจ เขาบอกว่านี่คือเชฟตัวจริง ที่สามารถใช้วัตถุดิบของประเทศบ้านเรา ทำออกมาเป็นอาหารฝรั่งเศส ที่เรียกว่าเป็นฝรั่งเศสจริงๆ แต่ก็มีรสชาติเป็นของบ้านเราอยู่ด้วย”
ย้อนมาคุยถึงที่มาที่ไปของ “วาตะ” จุ๊ย-ณภัทร เล่าว่า “ทีมงาน วาตะ เราเปิดมาปีกว่าแล้วครับ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก ถามว่าเกิดขึ้นมาอย่างไร คือพอผมเริ่มค้นหาข้อมูลเรื่องสมุนไพร ตั้งแต่อายุประมาณ 21 ปีเรื่อยมาเลย ที่ผมสนใจเรื่องสมุนไพรเพราะว่าผมมีปัญหาที่เข่า เข่าผมเคยเส้นเอ็นขาดเพราะเล่นกีฬาเส้นเอ็นไขว้หน้า เย็บแล้วแต่มันไม่เคยหายปวดเลย ผมก็เลยทายาหลายยี่ห้อ มันบรรเทาได้ แต่มันไม่หาย โดยเฉพาะเวลาที่อากาศหนาว มันจะปวดถึงกระดูกเลยครับ
ผมต้องพยายามหายาที่รักษาได้จริงๆ ก็เลยพยายามทำขึ้นมาเองครับ เพราะว่าที่ซื้อมาหลายยี่ห้อมันคือไม่สามารถรักษาได้ที่ซื้อมาเป็นยาทาเป็นหลัก เป็นยาใช้ภายนอกมีหลายยี่ห้อที่เรารู้กันอยู่แล้วที่มีในตลาด ที่เราเห็นกันเป็นหลอดๆ แล้วก็มีอยู่ในขวดเป็นรูปน้ำมันก็หลายยี่ห้ออยู่ แล้วที่หมักมาเป็นสีดำแบบจีน ก็มีหลายยี่ห้อมาก
ซึ่งแต่ละอันก็มีข้อดีของมัน แต่มันไม่มีอันไหนมาเอาข้อดีหลายๆ อันมาผสมกัน แล้วทำให้มันอยู่ในขวดเดียวกันได้ ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการผสมยาเพื่อใช้เอง ผลลัพธ์ออกมาครั้งแรกเหมือนน้ำเปล่าเลยครับ มันแย่มาก ก็ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ
ส่วนเรื่องยาทาตัว เริ่มต้นคือผมเคยไปเรียนกับอาจารย์ทีี่มาจากวัดเส้าหลินเป็นคล้ายๆ มวย วิชาที่ผมฝึกเรียกว่า ฝ่ามือเหล็ก ซึ่งผมเรียนที่นิวยอร์ก เป็นอาจารย์จากเมืองจีนมาสอน เขาหนีไปตอนสงครามโลก แล้วไปปักหลักอยู่ที่นิวยอร์ก แล้วผมก็ได้ไปเป็นลูกศิษย์เขา ซึ่งโชคดีมากๆ
พอฝึกเสร็จแล้วอาจารย์เขาจะมียาอยู่ขวดหนึ่ง จะเป็นยาน้ำสีดำๆ ผมก็จะเอามาทาทุกครั้งหลังฝึก แล้วมันจะฝึกต่อได้เลยครับ เพราะมันไม่เจ็บแล้ว พอทาแล้วจะไม่ร้อนไม่เย็นแต่ความเจ็บมันจะหายไปเลย อันนั้นจะเป็นยาแผนจีน แต่ว่าของผมจะเอายาหลายๆ อย่างมาผสมกัน ผมขอเรียกว่าแผนไทยทางเลือกแล้วกัน
คือเป็นการรักษาด้วยสมุนไพร ซึ่งสมุนไพรที่ผมใช้ในตัววาตะ จะมีส่วนผสมตั้งแต่จีน ไทย มีเครื่องหอมจากยุโรป มีสมุนไพรอินเดีย แล้วก็มีดอกไม้จากญี่ปุ่นและฝรั่งเศส ก็คือมีสมุนไพรจากทั่วโลกมารวมกันอยู่ในตัววาตะนี้ ซึ่งเรานำตัวยาทั้งหมดมาสกัดเย็น ใช้เวลานานหลายเดือนมาก เสร็จแล้วต้องนำไปกรองอีกรอบหนึ่ง ทำให้เป็นระดับนาโนอย่างแท้จริง
ตัวยาวาตะข้อดีของมันเลยคือ 1.มันปรับไหลเวียนเลือดได้ดีมาก เลือดที่ไหลเวียนสะดวกคือคนที่มีสุขภาพดี 2.สลายเลือดคั่ง ก็คือเลือดไหลเวียนยิ่งสะดวกขึ้นอีก 3.ขับลมออกจากข้อต่อ ทำให้ข้อต่อเบาลง 4.ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
จุดมุ่งหมายที่เราทำยาสมุนไพรตัวนี้ขึ้นมา เริ่มแรกมาจากที่ผมเจ็บเข่าใช่มั้ยครับ พอใช้แล้วมันหาย ผมก็เลยอยากให้ทุกคนที่ไม่มีกำลังทรัพย์เข้าโรงพยาบาลแพงๆ ผ่าตัดแพงๆ ได้ลองใช้ อาจจะช่วยชีวิตเขาได้ครับ
ตอนนี้ก็มีได้รับเชิญให้ไปนวดผ่อนคลาย นิ้วล็อก ปวดไหล่ ปวดหลังที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ ทุกวันศุกร์ ตรงนี้คือเราไปช่วยแก้อาการให้กับพนักงานนิดหน่อยเท่านั้น แต่ถ้ามีอาการที่เรื้อรัง ผมแนะนำให้มาที่ช็อปจะดีกว่า ช็อปเราตั้งอยู่ที่ พระราม 9(ซอย 51) หมู่บ้านเสรี ครับ”
ด้าน อาจารย์หญิง-สุจิการเดชธนสมบัติ บอกว่า “กับคุณจุ๊ยไม่ได้รู้จักกันโดยตรง แต่เพื่อนแนะนำให้รู้จักกัน เนื่องจากว่าคุณจุ๊ยเขามีประสบการณ์ทางด้านต่างประเทศเยอะ แต่อาจจะขาดตรงแผนไทย ซึ่งตรงนี้ก็ได้ปรึกษาหารือกันเพิ่มเติม ตัวดิฉันเองเคยมีประสบการณ์ทางด้านนี้มา 12 ปี จบปริญญาตรีทางแพทย์แผนไทยประดิษฐ์ แล้วก็ได้ใบประกอบโรคศิลปะทางด้านแพทย์แผนไทยทั้งหมด 4 สาขาคือ เวชกรรมไทย, เภสัชกรรมไทย, ผดุงครรภ์ไทย และนวดไทย”
สุดท้าย ยอร์ช-เผ่าพงษ์พันธ์ ศิรินคราภรณ์ บอกว่า “ช่วงนั้นงานวงการบันเทิงน้อยลง คุณพ่อก็ป่วยด้วย ป่วยแบบโรคคนแก่ มันไม่หายสักที ก็ได้มีโอกาสมาเจอหมอจุ๊ย พ่อป่วยเป็นอัมพฤกษ์ประมาณ 20% คือก็ผ่ามาหลายรอบแล้ว แต่ไม่หายขยับแขนไม่ได้ ขับรถไม่ได้แล้ว หยิบโทรศัพท์ไม่ได้ เขาก็โทร.มาบอกว่าเออเดี๋ยวก็ตายแล้วนะ เครียดมากครับ
ก็กลับไปฝึกมวย กลับไปสำนักอื่นไปเจอหมอจุ๊ย ก็มีความเชื่ออยู่แล้ว พอบอกว่ามาทำน้ำมันนวดสมุนไพรก็เสร็จเลย ลองเอาไปลองกับคุณพ่อครับ ปรากฏว่าแค่ 1 เดือนเขาขับรถได้แล้ว คือเอาสมุนไพรตัวนี้ทา
แล้วหมอจุ๊ยก็จะสอนวิธีต้องกดแบบนี้ช่วยนวดผสม คือใช้กดจุดด้วยนวดด้วยผสมผสานทุกอย่าง หลักๆก็เหมือนนวดแผนไทยแต่ว่าเราแค่มีสมุนไพรที่ดี มีน้ำมันที่ดี ก็เลยบอกหมอจุ๊ยว่าในเมื่อคุณพ่อเราดีขึ้น ทีนี้เราขอเอาด้วยเลย ปัจจุบันนี้คุณพ่อสบายมาก ขับรถมาหาได้แล้วครับ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี