สวัสดีครับ สัปดาห์นี้เรากลับมาคุยกันในเรื่องของ “เห็บ”กันต่อนะครับ ผู้อ่านทุกท่านก็คงทราบดีอยู่แล้วว่าเห็บนั้นก่อให้เกิดความรำคาญ ก่อให้เกิดปัญหาผิวหนัง และยังเป็นพาหะนำโรคพยาธิในเม็ดเลือดที่มีอันตรายถึงชีวิตของสุนัขอีกด้วย
● แล้ววิธีไหนล่ะ ที่จะเป็นวิธีกำจัดเห็บได้ “ดีที่สุด”?
ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจกันก่อนเลยครับ ว่า วิธีการกำจัดเห็บที่ได้ผลดีที่สุดนั้น จะมีความแตกต่างกันสำหรับสุนัขแต่ละตัว วิธีที่ดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับตัวหนึ่ง อาจไม่ได้ผลสำหรับอีกตัวก็ได้
ผมอยากให้คำนึงถึงวงจรชีวิตของเห็บที่ผมได้เรียนให้ทราบไปแล้ว ว่าเห็บในแต่ละระยะนั้น (ทั้งระยะตัวอ่อน ตัวกลางวัย
และตัวเต็มวัย) เมื่อกินเลือดจนอิ่มหมีพีมันและเจริญเต็มที่ในแต่ละระยะแล้ว ก็จะต้องมีการ “หลุดมานอกตัวสัตว์” เพื่อ “ลอกคราบ” แล้วรอที่จะกลับขึ้นไปบนตัวสุนัขอีก ซึ่งอาจเป็นสุนัขตัวเดิม หรือสุนัขตัวใหม่ก็ได้
การกำจัดเห็บจนหมดไม่เหลือที่ตัวสุนัขแล้ว ก็ ไม่ได้หมายความว่า ท่านได้กำจัดปัญหาเห็บจนหมดไปจากบ้านแล้วนะครับ
ดังนั้นการกำจัดเห็บที่ถูกต้อง จะต้อง “กำจัดเห็บที่ตัวสุนัข”และต้องกำจัดเห็บตาม “สภาพแวดล้อมที่สุนัขอยู่” ด้วยครับ
ในปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์ที่ใช้กำจัดเห็บหลายอย่างให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นในรูปของ ยาหยดหลัง สเปรย์ ปลอกคอกำจัดเห็บ แชมพู แป้ง ยาฉีด ยากิน หรือว่าจะเป็นยาผสมน้ำแช่ตัวสัตว์ ซึ่งแต่ละประเภท ก็จะมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันครับ วันนี้ผมขอคุยกันถึง ข้อจำกัดของผลิตภัณฑ์แต่ละประเภทกันครับ
1.ประเภทยาหยดหลัง (spot on) : ยาชนิดนี้เป็นวิธีที่นิยมมากในปัจจุบัน จะใช้หยดบนผิวหนังบริเวณหลังคอ ใกล้กับหัวไหล่ ตัวยาจะกระจายไปตามไขมันที่คลุมผิวหนังและไปเก็บสะสมที่ต่อมไขมันใต้ผิวหนัง จากนั้นก็จะค่อยๆ หลั่งออกมา ยานี้ใช้ฆ่าเห็บหมัดที่อยู่บนตัวสุนัข ซึ่งสามารถควบคุมได้ประมาณ 1 เดือน
มีข้อดี คือ สะดวก รวดเร็ว ไม่เลอะเทอะ เนื่องจากปริมาณยาที่ใช้นั้นเพียงแค่ 0.5-4 ซีซีต่อตัวเท่านั้น ที่สำคัญยาประเภทนี้ มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง ไม่ค่อยก่อให้เกิดการแพ้
มีข้อจำกัด คือ การใช้ต้องคำนวณให้เหมาะสมกับขนาดและน้ำหนักตัว เนื่องจากยาที่ใช้มีปริมาณน้อย และตัวยาอาจถูกล้างออกโดยแชมพู ด้วยเหตุที่ว่าต้องอาศัยไขมันที่ผิวหนังเป็นตัวพาตัวยาไปทั่วร่างกาย ดังนั้นเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ควรงดอาบน้ำทั้งก่อนและหลังหยดยาประมาณ 2-3 วัน และไม่ควรหยดยาลงบนผิวหนังที่มีแผลหรือรอยถลอก ที่สำคัญยาประเภทนี้มีราคาค่อนข้างแพง และออกฤทธิ์ช้ากว่าแบบสเปรย์
สิ่งที่ต้องระวัง คือ มีการลักลอบผลิตยาปลอม/ยาเถื่อน ที่มีลักษณะเป็นของเหลวที่บรรจุในขวดแก้วสีชา ที่ไม่มีฉลาก หรือมีฉลากแต่ไม่ได้บอกรายละเอียดของตัวยาที่ออกฤทธิ์ใดๆ ซึ่งมัก “แอบ” วางขายตามที่ต่างๆ ที่ไม่ใช่คลินิกสัตวแพทย์ เช่น ร้านขายอาหารสัตว์ที่แบ่งขายตามชุมชนหรือตลาดนัด หรือร้าน Petshop ที่คุณภาพต่ำบางที่ ซึ่งสารฆ่าแมลงที่บรรจุนี้มักเป็นอันตรายถึงตายต่อสัตว์ได้ครับ ดังนั้นขอให้● หลีกเลี่ยงสารอันตรายประเภทขวดสีชานี้ครับ
วิธีการกำจัดเห็บยังมีอีกหลายประเภทครับ แต่เนื่องจากพื้นที่กระดาษมีจำกัด ดังนั้นสัปดาห์หน้าเราจะมาดูวิธีการกำจัดเห็บวิธีอื่นกันต่อ ทั้งยาประเภทสเปรย์ ปลอกคอกำจัดเห็บ แชมพู แป้ง ยาฉีด ยากิน และยาผสมน้ำแช่ตัวสัตว์ ว่าแต่ละชนิดมีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกันอย่างไร จะได้นำมาประกอบการพิจารณาการเลือกวิธีกำจัดเห็บสำหรับสัตว์แต่ละตัวกันครับ
อาจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร. ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี