หากเอ่ยถึง บี.กริม คงทราบกันดีว่าเป็นกลุ่มที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาอย่างยาวนานกว่า 130 ปี เติบโตและมั่นคงขยายธุรกิจที่เรียกว่าครอบคลุมเกือบทุกกลุ่มธุรกิจในประเทศไทย รวมถึงธุรกิจโรงงานผลิตไฟฟ้าซึ่งมี ปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ และ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด ผู้บริหารหญิงเก่งที่เป็นฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้ บี.กริม เพาเวอร์ ขึ้นมาผงาดในกลุ่มธุรกิจโรงงานผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย
ปรียนาถ สุนทรวาทะ เข้ามาร่วมงานกับ บี.กริม ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน (CFO) และกรรมการบริหาร หรือเรียกง่ายๆ ว่า เป็นแม่บ้านดูแลจัดการทุกเรื่องการเงินในปี 2535 กระทั่ง มร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานกลุ่มบริษัท บี.กริม มีความสนใจที่จะลงทุนในธุรกิจโรงงานผลิตไฟฟ้า ปรียนาถ จึงเป็นคีย์แมนที่ต้องทำหน้าที่หาข้อมูล โอกาสและความเสี่ยงในการลงทุน เธอจึงเป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงที่เรียกได้ว่ารู้ทุกซอกมุมของการลงทุนโรงงานผลิตไฟฟ้าที่กำลังจะเกิดขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ มร.ฮาราลด์ ไว้วางใจให้เธอมากุมบังเหียน บี.กริม เพาเวอร์
“บี.กริม เพาเวอร์ เริ่มต้นขึ้นด้วย มร.ลิงค์ มองเห็นโอกาสทางธุรกิจว่าในขณะนั้น ประเทศไทยค่อนข้างประสบปัญหาพลังงานไฟฟ้าพอสมควรโดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งมีความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าในการผลิตสูงมาก พอดีกับคุณวิกรม กรมดิษฐ์ ก็มีความต้องการที่จะมีโรงผลิตไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร สองท่านก็มาคุยกันทำให้เกิดความร่วมมือระหว่าง อมตะนครและบี.กริม โรงผลิตไฟฟ้าอมตะนครยังไม่ทันจะก่อสร้าง ประเทศไทยเกิดวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง แหล่งเงินทุนก็ไม่อยากจะปล่อยกู้ พันธมิตรทางธุรกิจก็เกิดความไม่มั่นใจ แต่ธุรกิจต้องเดินหน้าต่อ ดิฉันในฐานะเป็นแม่บ้านดูแลเรื่องแหล่งเงินทุนอยู่แล้วก็ต้องทำทุกวิถีทางที่จะให้โรงผลิตไฟฟ้าแห่งแรกเกิดขึ้นให้ได้ ทั้งเจรจากับธนาคาร แหล่งเงินกู้ พันธมิตร คู่ค้า เป็นช่วงที่ทำงานเหนื่อยและหนัก แต่พอทุกอย่างผ่านไปได้ โรงงานผลิตไฟฟ้า อมตะ บี.กริม สามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าป้อนให้กับนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ซึ่งมีกำลังการผลิต 163 เมกะวัตต์ ได้สำเร็จ และเป็นเจ้าแรกของประเทศเราก็ภูมิใจกับผลงานชิ้นนี้มาก”
จากผู้หญิงที่ดูแลเรื่องเงินๆ ทองๆ ต้องมาคุมบังเหียนธุรกิจโรงผลิตไฟฟ้า ดูเหมือนจะเป็นงานยาก แต่สำหรับผู้หญิงเก่งคนนี้ บอกว่า เป็นข้อดีที่ตัวเองมีความเชี่ยวชาญเรื่องการเงิน นำมาบวกกับการบริหาร ทำให้มองภาพรวมทั้งหมดของธุรกิจได้ดีกว่า
“การสร้างโรงไฟฟ้าโรงหนึ่ง ไม่ใช่อาศัยแค่ความรู้ด้านเทคนิคหรือวิศวกรรม มันมีรายละเอียดปลีกย่อยแต่เป็นจุดสำคัญทั้งสิ้น เรานั่งเก้าอี้ประธานบริหารมาจากสายการเงินก็จริง เรื่องไหนที่ไม่รู้เราถามผู้เชี่ยวชาญเรื่องนั้นๆ ได้ เรื่องโครงสร้าง เทคโนโลยี เราคุยกับวิศวกรได้ แต่ทั้งหมดทั้งมวลเรื่องสำคัญคือจะเอาแหล่งเงินทุนจากไหน โรงไฟฟ้าโรงหนึ่งมูลค่า 5-6 พันล้าน การเป็น CFO มาก่อนทำให้เราเห็นภาพชัดเจนช่วงที่หนึ่งจะสร้างอะไรใช้เงินเท่าไร ช่วงที่สองทำอะไรแบงก์ถึงจะปล่อยเงินกู้งวดใหม่
ด้วยสไตล์การทำงานของตัวเอง คือมีอะไรพูดกันตรงๆ ทำงานก็ให้เกียรติกัน เขารู้ดีในเรื่องวิศวกรรม เทคโนโลยี เราก็ต้องฟังเขา แต่เรื่องเงินคุณต้องฟังฉันเหมือนกัน กลายเป็นว่าเดี๋ยวนี้พี่รู้ทันวิศวกรหมดแล้ว คุยกันมันกว่าเพราะเราคุยกันตรงๆรับฟังความคิดเห็นของกันและกัน ก็มีบ้างบางครั้งที่ต้องทุบโต๊ะ ไม่ใช่เผด็จการแต่เราต้องคุยกันให้จบให้งานเดิน ทั้งนี้ทั้งนั้นบรรยากาศการทำงานเป็นครอบครัว เป็นพี่เป็นน้อง แต่ก็ยังมีระบบขั้นมีตอนอย่างมืออาชีพอยู่”
ในปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการอยู่จำนวน 10 แห่ง มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 1,200 เมกะวัตต์ โดยบริษัทได้จำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำให้กับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ มากกว่า 300 ราย และ ยังมีโรงไฟฟ้าที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอีก 8 โรง กำลังการผลิตรวมประมาณ 1,000 เมกะวัตต์ สำหรับโรงไฟฟ้าที่ต่างประเทศมีที่ประเทศเวียดนาม 1 โรง กำลังการผลิต13 เมกะวัตต์ และ ประเทศลาว กำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์
“สำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่ทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างมั่นคงแข็งแรง จากผู้ประกอบการรายเล็กๆ มีแค่โรงผลิตไฟฟ้าโรงสองโรง จนปัจจุบันมีมูลค่าเกือบแสนล้าน ก้าวมาได้ถึงขนาดนี้ต้องบอกว่าภูมิใจ แต่ยังไม่อาจเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ ก้าวต่อไปที่จะต้องทำคือกาส่งต่องานให้กับคนรุ่นใหม่สามารถเข้ามานั่งเก้าอี้แทนเราแล้วนำพา บี. กริม เพาเวอร์ เติบโตต่อไปได้อีก แล้วเรานั่งมองอยู่ข้างหลัง เห็นการเจริญเติบโตของบริษัทอย่างภาคภูมิใจอันนั้นถึงจะเรียกว่าประสบความสำเร็จ”
เกือบ 25 ปี ภายใต้ชายคา บี.กริม ปรียนาถ กล้าพูดได้เต็มปากว่านี่คือบ้านหลังที่สอง ที่เธอทุ่มเททำงานอย่างเต็มความสามารถ“ต้องขอบคุณ มร.ลิงค์ ที่ให้โอกาสดิฉันมาเป็นส่วนหนึ่งของบี.กริม ท่านเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์มาก มีอะไรสามารถนำเรียนท่านได้ ท่านมีเหตุมีผลในการทำงานเสมอตรงไปตรงมา อันนี้เป็นสิ่งที่เรามีความเหมือนกันในการทำงาน ทำธุรกิจ บี.กริม ก็มีความตรงไปตรงมาซื่อสัตย์ ต่อพันธมิตรทุกราย ซึ่งส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นกว่า 130 ปีของ บี.กริม ในส่วนภายในทุกคนเป็นเหมือนครอบครัว มีความเป็นพี่เป็นน้อง พิสูจน์ได้จากช่วงที่บี.กริม ประสบปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 ที่ผ่านมา พนักงานทุกคนช่วยกันทำงานหนักและยอมเหนื่อย จนในที่สุดเราก็ผ่านพ้นและยืนได้อย่างมั่นคงอีกครั้งในวันนี้”
ปรียนาถ ตั้งใจไว้ว่จะเกษียณอายุการทำงานในวัย 60 ปี ซึ่งเหลือเวลาอีกสองปีเท่านั้น เพื่อที่จะใช้ชีวิตกับครอบครัวอย่างเต็มที่และศึกษาธรรมะอย่างจริงจัง พร้อมแบ่งเวลาให้กับการทำงานเพื่อสังคม แต่ ณ วันนี้ นายใหญ่อย่าง มร.ฮาราลด์ ลิงค์ ยังไม่อนุมัติให้มือขวาหญิงคนเก่งคนนี้เกษียณในอีกสองปีข้างหน้า
“ปีหน้า บี.กริม เพาเวอร์ จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ธุรกิจกำลังขยาย ก็คงยังวางมือไม่ได้ และ มร.ลิงค์ ท่านบอกว่าอย่าเพิ่งเกษียณให้ทำงานต่อไปก่อน แต่ก็เริ่มที่จะวางแผนไว้บ้างแล้วว่าถ้าถึงวันนั้นอาจจะไม่ทำงานฟูลไทม์ขอเป็นพาร์ทไทม์ ทำงานสัปดาห์ละสามวันอะไรแบบนี้จนกว่าจะมีคนมาแทนที่ได้อย่างวางใจ ก็อาจจะเลื่อนขึ้นไปเป็นที่ปรึกษา ก็ยอมรับจริงๆ นะว่า ถ้าเกษียณไปเลยไม่ทำงานยังนึกภาพของตัวเองไม่ออกว่าจะอยู่เฉยๆ ได้อย่างไร”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี