ศาสตราจารย์ ดร.วิชัย บุญแสง
สำนักบริหารโครงการส่งเสริมการวิจัยในอุดมศึกษาและพัฒนามหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ จัดแสดงผลงาน “มิติใหม่การศึกษาเดินหน้าประเทศไทย” โดยได้รับเกียรติจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิด ซึ่งงานนี้จัดขึ้นเพื่อแสดงศักยภาพของนักวิจัยที่อยู่ในสถาบันอุดมศึกษา ตามโครงการจัดตั้งมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ อันจะเป็นพื้นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิตของประเทศไทยต่อไปในอนาคต ณ กระทรวงศึกษาธิการ
ศาสตราจารย์ ดร.วิชัย บุญแสง ผู้อำนวยการสำนักบริหารโครงการส่งเสริมการวิจัยในอุดมศึกษาและพัฒนามหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ (NRU) กล่าวว่า “เมื่อก่อน ความเข้าใจของประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับงานวิจัยยังมีน้อย จึงมองว่า งานวิจัยเข้าถึงยาก ทำแล้วไม่เห็นประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมใช้งานไม่ได้จริง การวิจัยในประเทศไทยจึงค่อนข้างอยู่ในวงจำกัด ไม่ได้รับความสนใจ หรือมีการพัฒนาได้มากเท่าที่ควร จนเมื่อเกิดโครงการพัฒนามหาวิทยาลัยแห่งชาติ เมื่อปีงบประมาณ 2554 โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการวิจัย จาก สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) เรียกได้ว่าเป็นงบประมาณที่สร้างความตื่นตัวให้แก่วงการด้านการวิจัยมากขึ้น”
ภายในงาน “มิติใหม่การศึกษา เดินหน้าประเทศไทย” ได้นำผลงานงานวิจัยหลากหลายด้านมาจัดแสดง อาทิ การพัฒนาเกราะแข็งกันกระสุนพอลิเมอร์คอมพอสิทสมรรถนะสูง จากเมตริกประเภทพอลิเบนซอกซาซีนเสริมแรงด้วยเส้นใยชนิดต่างๆผลงานของ รศ.ศราวุธ ริมดุสิต และคณะจากภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้าเสื้อเกราะกันกระสุนจากต่างประเทศ โดยคิดค้นและวิจัยวัสดุประเภท พอลิเมอร์คอมพอสิท ทดสอบและพัฒนาให้สามารถกระจายพลังงาน ดูดซับพลังงาน และทำลายหัวกระสุนได้ ซึ่งทางคณะวิจัย ได้ทำการพัฒนาเกราะกันกระสุนในระดับเกราะแข็งที่มีการป้องกันที่ระดับ III ตามมาตรฐาน NIJ (National Institute of Justice) ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์สากลที่ใช้ทั่วโลก มีน้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม จากเดิม 7-8 กิโลกรัม และที่สำคัญ สามารถนำไปใช้ผลิตเสื้อเกราะกันกระสุนได้ ภายในงบประมาณที่มีอย่างจำกัดโดยมีต้นทุนการผลิตประมาณ 8,000 บาท ต่อหนึ่งชุดเกราะ
รศ.ศราวุธ ริมดุสิต โชว์ต้นแบบเสื้อเกราะกันกระสุนฝีมือคนไทย
อีกงานวิจัยที่ได้รับความสนใจภายในงานอย่างยิ่ง ได้แก่ เครื่องวัดการทรงท่าของทารก Pedoscope ผลงานของ นายอภัย จันทร์ธานี นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ระดับปริญญาโท จากสถาบันพระจอมเกล้าธนบุรี ร่วมกับ ผศ.นพ.ภาริส วงศ์แพทย์ และ ดร.ปราการเกียรติ ยังคง ซึ่งคิดค้นและพัฒนา เครื่องวิเคราะห์การทรงท่าทางของเด็กเพื่อใช้วัดความสมมาตรของการทรงท่า โดยได้เก็บข้อมูลการวิจัยในรูปแบบที่วัดผลและประเมินได้ กล่าวคือ ได้ทดลองใช้เครื่องวัดการทรงท่าของทารกเพื่อเก็บข้อมูลการวิจัยและเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยเด็กระหว่าง 2-4เดือน พบว่า พัฒนาการเด็กก่อนวัย 3 เดือน จะมีการทรงตัวในท่านอนที่ไม่สมมาตร เอียงซ้ายขวาสลับไปมา แต่หลังจากอายุสามเดือนเด็กจะสามารถถ่วงดุลการทรงตัวได้อย่างสมดุล อยู่ในแนวกลางตัวได้มากและนานกว่าดังนั้น ค่าเฉลี่ยที่ได้จะนำมาเป็นค่ามาตรฐานเพื่อการตรวจคัดกรองเด็กทารกที่มีพัฒนาการช้าได้อย่างแม่นยำ โดยสามารถพัฒนา ขยายผลการวิจัยเพื่อติดตั้งเครื่องวัดการทรงท่าของทารกไปยังโรงพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งสำหรับพัฒนาการของเด็กที่ผิดปกติ หากตรวจพบได้เร็วจะช่วยลดความพิการถาวรลงได้
“ผลการดำเนินงานของโครงการพัฒนามหาวิทยาลัยแห่งชาติที่ผ่านมา (ปีงบประมาณ 2554-2556) สามารถสร้างผลงานวิชาการระดับชาติและนานาชาติได้กว่า 10,361 เรื่อง สร้างบัณฑิตนักวิจัยและบุคลากรวิจัยที่มีศักยภาพสูงกว่า 2,000 คน มีการจดสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตรทั้งในและต่างประเทศกว่า 300 เรื่อง และได้มีต้นแบบผลิตภัณฑ์รวมถึงผลงานเชิงประจักษ์อีกกว่า 1,000 ชิ้น โครงการต่างๆ เหล่านี้ เป็นงานวิจัยที่สามารถสร้างประโยชน์และส่งผลกระทบไปสู่สังคมได้ในวงกว้างอย่างแท้จริงอันจะเป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และเป็นแรงหนุนที่สำคัญที่จะช่วยพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนต่อไปอีกด้วย” ศ.ดร.วิชัย กล่าวปิดท้าย
อภัย จันทร์ธานี กับผลงานเครื่องวัดการทรงท่าของทารก Pedoscope
ตัวอย่างผลงานวิจัยที่นำมาจัดแสดงในงาน “มิติใหม่การศึกษา เดินหน้าประเทศไทย” ชี้ให้เห็นว่า การวิจัยในโครงการพัฒนามหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติเหล่านี้ มีความโดดเด่นมากในเชิงวิชาการมีผลกระทบแก่ประชาชนในวงกว้าง และมีความคุ้มค่าในเชิงเศรษฐกิจสูง สร้างคุณประโยชน์ต่อส่วนรวม และสามารถสร้างองค์ความรู้ นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ อันจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้ในอนาคตผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ ได้ทาง www.mua.go.th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี