เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พวกเราคนรักกระต่ายก็ได้รู้จักความผิดปกติที่เรียกว่า ภาวะทางเดินอาหารเคลื่อนตัวลดลงและภาวะทางเดินอาหารหยุดนิ่งของในกระต่าย (Gastrointestinal hypomotility and Gastrointestinal stasis) ทั้งสาเหตุและอาการกันไปแล้ว ในสัปดาห์นี้ เรามาฟังวิธีการป้องกันและรักษาภาวะความผิดปกตินี้ จาก อ.สพ.ญ.ดร.พรหมพร รักษาเสรี กันต่อครับ
● การรักษา
1.สัตวแพทย์จะให้สารน้ำ เข้าทางใต้ผิวหนังหรืออาจให้ทางหลอดเลือดดำในกรณีที่กระต่ายมีสภาวะแห้งน้ำ (dehydration) หรือขาดน้ำมากๆ
2.หากกระต่ายแสดงอาการปวดท้อง สัตวแพทย์จะให้ยาลดปวด ซึ่งอาจให้ในรูปของยาฉีด และ/หรือยากินก็ได้
3.กระต่ายอาจจะได้รับยากระตุ้นการเคลื่อนไหวของทางเดินอาหาร ในกรณีที่แน่ใจว่าไม่มีภาวะอุดตันของลำไส้ ซึ่งการวินิจฉัยทำได้โดยการ x-ray
4.ในกรณีที่ทางเดินอาหารหยุดนิ่ง จะทำให้แบคทีเรียบางชนิดเจริญเติบโต และเพิ่มจำนวนมากจนก่อให้เกิดโรคได้ ดังนั้นสัตวแพทย์อาจพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะเพื่อควบคุมการติดเชื้อทางในเดินอาหารด้วย
5.หากมีก๊าซในทางเดินอาหารมาก ยาลดก๊าซในลำไส้ก็เป็นอีกช่องหนึ่งอย่างที่สัตวแพทย์จะพิจารณาให้ เพื่อช่วยบรรเทาให้การเจ็บปวดช่องท้องลดลง
● การป้องกันสามารถทำได้อย่างไร?
1.หมั่นสังเกตและดูแลสุขภาพของกระต่ายอย่างสม่ำเสมอ
- พยายามกำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการของโรค (ที่ได้กล่าวมาแล้วในสัปดาห์ก่อน) ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
- หากขนาดของก้อนอุจจาระและปริมาณของอุจจาระลดลง หรือไม่ขับถ่ายเลย รวมถึงกระต่ายไม่กินอาหารเป็นเวลา 24 ชม. ต้องรีบพาไปพบสัตวแพทย์โดยเร็ว ซึ่งอาจต้องได้รับการรักษาโดยสัตวแพทย์เฉพาะทาง เนื่องจากหากได้รับรักษาเร็วเท่าไหร่ ก็จะทำให้กระต่ายตอบสนองต่อการรักษามากขึ้นเท่านั้น
- กระต่ายที่ป่วยเมื่อได้รับการรักษาทางยาแล้วมีอาการดีขึ้นแล้วนั้น สามารถให้เจ้าของกลับไปดูแลเองต่อที่บ้านได้ ซึ่งจะเป็นผลดีมากกว่าการฝากไว้ที่โรงพยาบาลสัตว์ เพราะกระต่ายมักจะเครียดเมื่อเปลี่ยนสถานที่อยู่
2.หมั่นให้กระต่ายได้ออกกำลังกาย
กระต่ายควรได้รับการออกกำลังกาย โดยปล่อยให้วิ่งกระโดด (hopping) เป็นเวลา 10-15 นาที ทุก 6-8 ชม. เนื่องจากจะเป็นการกระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหารได้ดี ซึ่งแนะนำให้ปล่อยวิ่งนอกกรงหรือสนามหญ้าที่ปลอดภัย (จากสุนัข แมว หรือสัตว์อื่น)
3.การให้อาหาร
อาหารกระต่ายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการรักษา โดยควรหาผักสดที่สะอาดให้กระต่ายกิน โดยเฉพาะพืชที่ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร ได้แก่ ใบกระเพรา ผักชี ผักขม เป็นต้น และหากเป็นไปได้ ควรให้กระต่ายกินหญ้าจะเป็นวิธีที่ดีมาก
หากกระต่ายไม่ยอมกินอาหารเอง วิธีที่ควรทำคือการป้อนด้วย “อาหารสำหรับกระต่ายป่วย” เช่น คริติคัล แคร์ หรือ Critical Care for Herbivores (ได้แก่ยี่ห้อ Oxbow Pet Product) ซึ่งเป็นหญ้าบดที่มีส่วนผสมของวิตามิน นำมาผสมน้ำ ป้อนกระต่ายด้วยกระบอกฉีดยา(syringe)หรืออาจนำอาหารเม็ดมาบดผสมกับหญ้าและน้ำแทนก็ได้ซึ่งอาหารที่ต้องห้าม คือ อาหารที่มีส่วนผสมของคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และขนมหวานต่างๆ
นอกจากนี้การกระตุ้นให้กินน้ำ จะช่วยรักษาโรคได้มาก โดยอาจจะใช้กระบอกฉีดยาป้อน หรือใช้วิธีการให้ผักสดสะอาดที่มีน้ำเยอะ เช่น ผักกาดหรือแครอท ก็ได้
จะเห็นว่า นอกเหนือจากการรักษาโดยสัตวแพทย์แล้ว ตัวเจ้าของเอง ก็จำเป็นต้องช่วยดูแลใส่ใจเจ้ากระต่ายด้วย เพื่อป้องกันและทำให้ความผิดปกตินั้นลดลงเร็วขึ้น รวมถึงช่วยให้ความผิดปกตินั้นไม่กลับมาเกิดกับเจ้ากระต่ายที่เรารักอีกครับ
อาจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร. ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี