พระบาทเขาดีสลัก
การพบจารึกอักษรปัลลวะว่า “ปุษยคีรี”ที่เมืองอู่ทองนั้น เป็นหลักฐานหนึ่งที่ทำให้เชื่อว่าเมืองอู่ทองโบราณสมัยทวารวดีนั้นมีบทบาทต่อพุทธศาสนามาก อาทิตย์นี้ขอตามรอยแหล่งโบราณคดีไปที่ เมืองโบราณอู่ทอง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นเมืองที่มีคูน้ำและคันดินล้อมรอบ ตั้งอยู่ริมลำน้ำจระเข้สามพันผังเมืองเป็นรูปวงรี ทอดตัวไปตามแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ มีขนาดความกว้างประมาณ 1 กิโลเมตร และยาวประมาณ2 กิโลเมตร มีระดับความสูงของพื้นที่ตัวเมือง จากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 6 เมตร
ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อประมาณ 2,500 ปี มานั้นพบหลักฐานประเภทขวาน หินขัดลูกปัด ภาชนะดินเผา เหล็กในสำหรับปั่นด้าย ขวานสำริด ฉมวก หอกและเครื่องมือเครื่องใช้โลหะอื่นๆ มากมาย ที่แสดงให้เห็นว่าชุมชนแถบอู่ทองนี้มีมนุษย์อาศัยอยู่และเป็นสังคมเกษตรกรรมในระดับหมู่บ้าน ด้วยสภาพที่ตั้งชุมชนเป็นเขตที่ราบขั้นบันไดต่ำ และที่ราบลุ่มแม่น้ำ ที่เอื้อต่อการเพาะปลูกและสามารถติดต่อกับชายฝั่งทะเลเดิมได้สะดวก จึงพัฒนาการชุมชนสู่ยุคอินโด-โรมันเข้าสู่สังคมเมือง (Urban society) ในฐานะเมืองท่าค้าขายระหว่างดินแดนฝั่งตะวันตกทางอินเดียและจีนทางฝั่งตะวันออกจนชุมชนได้พัฒนาขึ้นเป็นรัฐในยุคเริ่มประวัติศาสตร์ในสมัยทวารวดี
จากหลักฐานที่เป็นชุมชนมีคูนํ้าคันดินล้อมรอบมีร่องรอยศาสนสถานทั้งพุทธและพราหมณ์ ตลอดจนศิลปะสถาปัตยกรรมแบบทวารวดีเป็นจำนวนมาก ต่อมาคงเสื่อมลงในราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 โดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ภายหลังจึงปรากฏร่องรอยว่ามีผู้คนเข้ามาอยู่อาศัยอีกครั้งในสมัยอยุธยา ราว พุทธศตวรรษที่ 19-22 จนทำให้นักวิชาการเชื่อว่า เมืองโบราณอู่ทอง อาจจะเป็นเมือง “สุวรรณภูมิ” ที่พระเจ้าอโศกมหาราชได้ส่งพระโสณะเถระและพระอุตระเถระมาเผยแพร่พุทธศาสนา ในราวพุทธศตวรรษที่ 3 จากเหตุที่มีการรับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากอินเดียอย่างมากนั้นได้ทำให้พุทธศตวรรษที่ 11-12 นั้นเกิดวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันระหว่างรูปแบบวัฒนธรรมท้องถิ่นกับวัฒนธรรมที่มาจากภายนอก ทำให้มีจุดเด่นทางศิลปกรรมเฉพาะตัวคือ ศิลปะทวารวดี และมีการใช้ภาษาปัลลวะ-มอญร่วมกัน โดยเฉพาะมีการนับถือพุทธศาสนาเป็นศาสนาหลัก ทำให้เชื่อกันว่า ศูนย์กลางความเจริญของวัฒนธรรมหรือศิลปะทวารวดีตั้งอยู่บริเวณเขตที่ราบภาคกลางของประเทศไทย โดยมีเมืองสำคัญ ได้แก่ เมืองนครชัยศรี (ที่นครปฐม) เมืองคูบัว(ที่ราชบุรี) และเมืองอู่ทอง ซึ่งพบหลักฐานสำคัญที่เกี่ยวข้องมากมาย เช่น เครื่องประดับทองคำ เหรียญตราจารึก พระพุทธรูป เสาและธรรมจักร เป็นต้น
สำหรับจารึกคำว่า “ปุษยคีรี” จากสถานที่เชื่อว่าเป็นที่บรรจุพระบรมธาตุ สอดคล้องกับการที่พระโสนะอุตตระเข้ามาเผยแพร่พุทธศาสนา ที่บริเวณเขาพระซึ่งมีศิลาแลงอยู่และด้านล่างมีเสาธรรมจักรด้วย ส่วนจะเป็นสถานที่สร้างขึ้นตามคตินิยมตามที่ปรากฏในบันทึกของพระถังซำจั๋งที่เดินทางมาถึงแคว้นอุฑร (Udra) ว่า “...มีสถูปกว่า 10 องค์ เป็นสถานที่ที่พระตถาคตเจ้าทรงแสดงธรรมเทศนา พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงสร้างไว้” และยังกล่าวอีกว่า “ในหุบเขาอันเป็นพรมแดนด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ (แคว้นอุฑร) มีอารามชื่อปุษปคีรีสังฆาราม (Puspagiri) สถูปหินในอารามศักดิ์สิทธิ์มาก ในวันอุโบสถมักจะเปล่งรัศมีโชติช่วง พุทธศาสนิกชนทั้งใกล้และไกล มักจะมาชุมนุมกันที่วัดนี้...”
แบบเจดีย์ของเมืองอู่ทอง
จากตัวเมืองอู่ทองไปทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ออกไปประมาณ 5 กิโลเมตรนั้น มีแนวคันดินเป็นทางยาวคดเคี้ยว เรียกว่า “ถนนท้าวอู่ทอง” เชื่อกันมาว่าเป็นถนนโบราณของเมืองนี้ เมื่อได้ขุดสำรวจจึงพบว่าบริเวณนี้เป็นเขตเทวสถานในศาสนาพราหมณ์ไศวนิกาย ส่วนด้านตะวันออกเป็นพื้นที่ลาดตํ่าลงจนถึงแม่นํ้าท่าจีน และต่อเนื่องไปจนถึงบริเวณที่ราบลุ่มแม่นํ้านั้นมีหลักฐานแสดงว่า เป็นทะเลมาก่อน ต่อมาเกิดการเปลี่ยนแปลงของแนวชายฝั่งทะเลทำให้มีการขุดคลองใหม่ลงมาทางใต้ เพื่อเป็นเส้นทางออกสู่ทะเลและเมืองชายฝั่งทะเลถอยห่างออกไปมาก ต่อมาคลองเหล่านี้เลิกใช้จึงมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางเดินของแม่น้ำจระเข้สามพัน และการเปลี่ยนแปลงแนวคลองที่ใช้ติดต่อกับฝั่งทะเลของเมืองอู่ทอง เมื่อทะเลถอยออกไปมากขึ้นจนไม่สะดวก หรือเกินกว่าจะแก้ไขได้ เมืองอู่ทองจึงหมดความสำคัญในราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 นั่นหมายถึง การสิ้นสุดของสมัยทวารวดี ไปพร้อมกัน เมืองอู่ทองโบราณจึงถูกทิ้งร้างไปในราวพุทธศตวรรษที่ 19 โดยมีการสร้างเมืองสุพรรณบุรีขึ้นมาใหม่
จารึกปุษยคีรี
ดินเผาภาพพุทธสาวก
เศียรพระพุทธรูปทองคำ
เสาและธรรมจักรพบที่อู่ทอง
โบราณวัตถุศิลปะทวารวดี
เหรียญสมัยทวารวดี
คูเมืองอู่ทอง-จระเข้สามพัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี