ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า ร่วมเฉลิมพระเกียรติฯ รักษ์พงศ์ ทองธรรมชาติ ผอ.ฝ่ายบริหารอาคาร, บรรพต นิโครวนจำรัสผจก.โครงการ, อ.โสภาส ณ ตะกั่วทุ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการพันผ้าไหม, ขวัญใจ สิริบรรณากุล และ มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2014 เมญ่า-นนธวรรณ ทองเหล็ง ในชุดฟินาเล่งดงาม
ศูนย์การค้า ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า แหล่งรวมผ้าไหมไทยที่ดีที่สุดจากทั่วทุกภาคของประเทศจัดงาน “12 สิงหา เทิดไท้องค์ราชินี 12 ผ้าไทยสืบสานวัฒนธรรมไทย @ ดิ โอลด์สยาม” เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา และร่วมสืบสานวัฒนธรรมไทย ระหว่างวันที่ 8-9 สิงหาคม ที่ผ่านมา
อ.โสภาส ณ ตะกั่วทุ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการพันผ้าไหม โชว์เทคนิคการพันผ้า
ประณต เลิศมีมงคลชัย ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามสินธร จำกัดผู้บริหารศูนย์การค้า ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่า กล่าวว่า เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 83 พรรษา และด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงฟื้นฟู อนุรักษ์ ส่งเสริมและเผยแพร่ผ้าไทย ศิลปะอันล้ำค่าของชาติให้ดำรงคงอยู่คู่คนไทยมายาวนาน ศูนย์การค้า ดิ โอลด์ สยาม พลาซ่าซึ่งเป็นแหล่งรวมผ้าไหมไทยที่ดีที่สุดจากทั่วทุกภาคของประเทศ จึงจัดงานนี้ขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถและร่วมสืบสานวัฒนธรรมไทย โดยไฮไลท์ของงานคือการแสดงแฟชั่นโชว์จากผ้าไหม 12 ชุด โดยใช้เทคนิคการพันผ้าโดย อ.โสภาส ณ ตะกั่วทุ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการพันผ้าไหมที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยมาเป็นผู้เนรมิตความงามของผืนผ้าให้อยู่บนเรือนร่างของนางแบบ โดยมี เมญ่า-นนธวรรณ ทองเหล็งมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2014 สวมชุดฟินาเล่ ปิดท้ายแฟชั่นโชว์
โชว์การแสดงหุ่นคน
นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมและการแสดงต่างๆ มากมาย อาทิ ดื่มด่ำกับบทเพลงไพเราะจาก “คีตยา The voice 1” การเชิดหุ่นละครเล็ก, การแสดงทักษิณานฤมิตการ, การแสดงหุ่นคน โดย ม.หัวเฉียวฯ, การแสดงหนังใหญ่, การแสดงเซิ้งประยุกต์, การแสดงหุ่นกระบอก ปิดท้ายด้วยมินิคอนเสิร์ตกล่อมกรุงโดยศิลปินคุณภาพชื่อดัง อาทิวินัย พันธุรักษ์, จินตนา สุขสถิตย์ และ อุมาพร บัวพึ่ง
อ.โสภาส ณ ตะกั่วทุ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการพันผ้าไหม และผู้ให้คำปรึกษาการมีภาพลักษณ์ที่ดี กล่าวถึงแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ว่า ศูนย์การค้า ดิ โอลด์สยาม พลาซ่า เป็นแหล่งรวมผ้าไหมที่ดีที่สุดจากหลายพื้นที่ของประเทศ จึงรวบรวมผ้าไหมหลากหลายประเภทอาทิ ไหมพื้น ไหมมัดหมี่ ไหมแพรวา มาประยุกต์ให้ทันสมัยขึ้น นอกจากนี้ยังต้อนรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ด้วยการนำผ้าไหมมาปักฉลุลวดลายเลียนแบบผ้า ลุนตยา ของพม่า และปักลวดลายเลียนแบบผ้ามาเลเซีย รวมถึงผ้าไหมพิมพ์ลายดอกไม้ เพื่อให้ผ้าดูมีมิติมากขึ้น หลักการคือ คนไทยตั้งแต่ดั้งเดิมมาใช้ผ้าเป็นเครื่องนุ่งห่ม ฉะนั้นทำอย่างไรเราจะนุ่งห่มผ้าไหมให้เป็นศิลปะชั้นสูงของแฟชั่นส่วนใหญ่คนเข้าใจผิด คิดว่า นุ่งผ้าไหมแล้วจะดูแก่ หรือเชยแต่จริงๆ ผ้าไหมไทยมีความสวยงามอยู่แล้ว พอมาพันอยู่บนตัวคนก็จะกลายเป็นชุดโอต์กูตูร์ สามารถสวมใส่ออกงานได้เลย อยากให้คนไทยได้ภาคภูมิใจในความเป็นผ้าไหมไทย
ผู้เชี่ยวชาญด้านการพันผ้าไหม กล่าวต่อว่า การใช้เทคนิคพันผ้า หรือ Draping สามารถทำได้กับผ้าทุกชนิด แม้ผ้าไหมจะมีความทรงตัว และแข็งกระด้างมากกว่าผ้าชนิดอื่น แต่ก็ไม่มีข้อจำกัดในการพัน โดยวิธีการของ อ.โสภาส นั้นจะเริ่มจากการจับผ้าเพื่อดูรายละเอียดหรือพื้นผิวสัมผัสก่อนว่า มีลักษณะอย่างไรมีความพลิ้วไหวแค่ไหน เพื่อสร้างสรรค์ขึ้นมาเป็นรูปทรงจากนั้นจึงนำมาวางพาดบนรูปร่างของผู้สวมใส่ และกำหนดทิศทางของผ้า โดยปรับไปตามรูปร่างและสัดส่วนเพื่อให้ออกมาสวยงาม ซึ่งกว่าจะออกมาแต่ละชุดจะใช้ผ้า 2 ผืน ผืนละประมาณ 4 เมตร แต่สำหรับชุดฟินาเล่ครั้งนี้ใช้ผ้าถึง 3 ผืน รวมประมาณ 12 เมตร ซึ่งรับรองว่างดงามอลังการแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี