นอกจากจะดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จนประสบความสำเร็จแล้ว “ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์” กรรมการบริหาร บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ก็ยังไม่ทิ้งเรื่องราวดีๆ ในการช่วยเหลือสังคม ล่าสุดรายการ “ผู้หญิงแนวหน้า
กับคุณแหน” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทางสถานี TNN2 ช่อง 784 โดยพิธีกร “ขิม-ทิพย์ลดา พูนศิริวงศ์” ได้ตามไปพูดคุยด้วย
(ซ้าย) ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ และพิธีกรรายการ ขิม-ทิพย์ลดา พูนศิริวงศ์
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ เล่าว่า “หน้าที่รับผิดชอบตอนนี้ก็เป็นอาจารย์ด้วยนะคะ ส่วนใหญ่สอนหนังสือที่จุฬาฯ งานหลักๆ ก็ดูแล บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ขายบ้าน ขายคอนโดฯ มีธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์
ส่วนที่มาที่ไปของบริษัทเสนาฯ จริงๆ ต้องบอกว่า เป็นบริษัทครอบครัวนะคะ คุณพ่อเป็นเจนเนอเรชั่นแรก พี่เป็นรุ่นต่อมา เผอิญว่าเมื่อประมาณสัก 9-10 ปีที่แล้วคุณพ่อป่วยพี่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยโดยอาชีพนะคะ พอคุณพ่อไม่ค่อยสบายก็เลยได้เข้ามาทำ ณ ตอนนั้น เข้ามาแล้วก็ยาวเลยค่ะ แต่ก็ยังสอนหนังสืออยู่บ้าง แต่ว่างานหลักส่วนใหญ่ก็จะดูที่เสนาฯ
สำหรับโปรเจกท์ของเสนาฯ ตอนนี้ก็มีอยู่ประมาณ 28 โปรเจกท์ โปรเจกท์ที่เพิ่งขึ้นใหม่ๆ ก็คือ เดอะนิช ไพรด์ ที่เพชรบุรี และที่ทองหล่อ ก็เป็นคอนโดมิเนียมระดับประมาณ9 หมื่นถึงแสนบาทต่อตารางเมตร เพิ่งขึ้นสดๆ ร้อนๆ โดยทั่วไปก็มีธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ เราเริ่มขายบ้านตั้งแต่ราคา 7 แสนบาท ถึงประมาณ 7 ล้านบาท นั่นคือกลุ่มที่เราขาย ก็มีหลากหลายทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม
ส่วนอีกธุรกิจหนึ่งที่เพิ่งเข้าไป แล้วก็ตอนนี้กำลังขยายอยู่ คือธุรกิจโซลาร์ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทน คือต้องเรียนว่าถ้าเรามองไป คำว่าฟิวเจอร์เทรนด์ในเรียลเอสเตจ ส่วนหนึ่งก็คือการประหยัดพลังงานในบ้านใช่มั้ยคะ เพราะฉะนั้นนี่ก็คือที่มาว่าทำไมเราถึงได้สนใจพวกธุรกิจพลังงานทดแทน ก็คือโซลาร์
ช่วงหลังเราได้ร่วมทุนกับ บริษัท คิงส์ พาวเวอร์ ทำธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม แล้วก็มีร่วมทุนกับอีก 2-3 กลุ่มในการทำธุรกิจโซลาร์ลูป ก็มีธุรกิจเสริม ที่เป็นธุรกิจที่เพิ่งเริ่มทำในปีนี้เข้ามาด้วย
ซึ่งที่มาของ เสนา ดีเวลลอปเม้นท์คือต้องบอกว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อ 30 ปีที่แล้วนะคะคุณพ่อเป็นคนก่อตั้ง จริงๆ จุดเริ่มต้นต้องบอกว่า เมื่อก่อนคุณพ่อก็เริ่มต้นจากศูนย์ ปัจจุบันเป็นบริษัทมหาชน
แล้วก็ที่เล่าถึงที่มาเพราะต้องการให้เห็นภาพว่า อย่างวันนี้เราทำพร็อพเพอร์ตี้ขายบ้าน 20 กว่าโครงการ ถ้าเกิดว่าใครได้แวะเข้าไปโครงการเสนาฯ จะมีลอดช่องแถมให้กินฟรีด้วยนะคะ เป็นการย้ำเตือนว่าทำไมต้องมีลอดช่อง เพราะเราเริ่มต้นมาจากเด็กขายลอดช่องในตลาด เพราะฉะนั้นลูกค้าทุกคนที่เข้ามาก็จะรู้ว่า เราเริ่มต้นจากการขายลอดช่อง เรามาจนถึงวันนี้ได้ เพราะเรา
เอาใจใส่กับลูกค้า แล้วก็เติบโตไปพร้อมกับลูกค้า อันนี้ก็คือเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอย่างหนึ่งของบริษัทเสนาฯ
ต้องเรียนว่า เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ตอนเริ่มต้นใหม่ๆ ก็จะทำบ้านทาวน์เฮ้าส์เป็นหลัก ช่วงหลังเราก็เริ่มขยายมาทำคอนโดมิเนียม แล้วก็บ้านเดี่ยวมากขึ้นแล้วช่วงสัก 4-5 ปีมานี้ เราเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯพอเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องบอกว่าเราเปลี่ยนแปลงเยอะ คือทำคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ขึ้น ทำคอมมูนิตี้มอลล์ ทำสนามกอล์ฟแล้วก็มีทำบริษัทพร็อพเพอร์ตี้เมเนจเม้นท์ก็คือ ขยายตัวของเราในธุรกิจนี้ค่ะ ซึ่งโปรเจกท์ของเรามีมากมายถึง 28 โปรเจกท์ภายใต้เสนา ดีเวลลอปเม้นท์
สำหรับโปรเจกท์ที่พี่รับผิดชอบอยู่นั้น ก็มีเกี่ยวกับการกุศลด้วย เรามีโปรเจกท์อยู่โปรเจกท์หนึ่งชื่อ โครงการบ้านร่วมทางฝัน
ชื่อก็แปลกอยู่แล้วค่ะ เพราะชื่อไม่เกี่ยวกับเสนาฯ ต้องบอกว่าโปรเจกท์นี้เราดำเนินธุรกิจปกตินะคะ คือขายบ้านปกติ แต่กำไรทั้งหมดของบ้านที่เราขายในโปรเจกท์นี้ เราจะมอบให้กับทางโรงพยาบาลภาครัฐ
ซึ่งเราทำมาทั้งหมด 3 โปรเจกท์แล้ว โปรเจกท์แรกเรามอบกำไรทั้งหมด 40 ล้านให้กับ โรงพยาบาลศิริราช แล้วก็โปรเจกท์ที่ 2
กำไร 42 ล้าน ให้กับโรงพยาบาลตำรวจโปรเจกท์ที่ 3 ก็ 40 ล้านเหมือนกัน ให้กับทางโรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งเราก็มีความตั้งใจในการจะทำเรื่องนี้ต่อไปเรื่อยๆ
ลักษณะของการคิดก็คือว่า เราเอาสิ่งที่เราเก่งที่สุด คือความสามารถในการทำพร็อพเพอร์ตี้ ทำที่อยู่อาศัยมาเปลี่ยนเป็นเงิน
แล้วก็เอาเงินนี้ไปมอบให้กับการกุศลแทน ช่วงหลังนอกจากเราทำแบบนี้แล้ว เราก็เปลี่ยนรูปจากบริษัทธรรมดาที่ทำโครงการ
บ้านร่วมทางฝัน มาเป็น มูลนิธิบ้านร่วมทางฝันแล้วก็มีวิธีการในการที่จะแจกจ่าย หรือว่านำเงินไปใช้ที่ชัดเจนมากขึ้น
ก็ต้องบอกว่าเราก็มีคณะกรรมการที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่าน เข้ามาร่วมกับเราในการที่จะช่วยเราคิดว่า การมีมูลนิธิที่ดีต้องมีรูปแบบใดบ้าง คือต้องเรียนว่าที่เราทำมานี้เราต้องการความจริงจัง แล้วก็เราอยากทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ นะคะ เพราะเราก็คิดว่า
ในแง่ธุรกิจ ถึงเราจะไม่ใช่คนที่รักษาคนไข้เอง แต่เราสามารถที่จะช่วยทางอ้อมได้ โดยการที่สร้างให้เกิดทรัพยากร แล้วก็ทรัพยากรเหล่านั้นไปอยู่ในจุดที่ยังขาดแคลน นี่คือที่มาของโครงการ บ้านร่วมทางฝัน ที่เราทำมาได้สักประมาณ 6-7 ปี แล้วก็ได้บริจาคไปทั้งสิ้นประมาณ 120 ล้านบาท
ที่บริจาคให้โรงพยาบาล อันนี้เป็นจุดมุ่งหมายเลยค่ะ ต้องบอกอย่างนี้ว่ามันเริ่มต้นจากคุณพ่อป่วยก่อน คุณพ่อท่านป่วยเมื่อ 8-9 ปีที่แล้ว ท่านอยู่โรงพยาบาลศิริราช ตอนที่อยู่คืออยู่ประมาณ 1 ปีแล้วรู้สึกว่ามันอยู่ทุกวัน มันก็จะเริ่มเห็นว่ามันลำบากเหมือนกันนะ แล้วอยู่ปีหนึ่งนี่แสดงว่าเราอยู่เหมือนบ้านเราเลย คือโรงพยาบาลรัฐเวลาคนไข้ไปรักษา เขาต้องมีญาติไปเฝ้า เพราะว่าเขาไม่มีพยาบาลพิเศษให้ เราไปอยู่ปีหนึ่งเราก็จะเห็นว่ายังขาดนั่นขาดนี่ มีอะไรบ้างที่เราจะช่วยได้ มันก็ซึมซับเข้ามา นี่คือจุดเริ่มต้นว่าทำไมถึงทำแล้วเลือกให้โรงพยาบาลรัฐ นั่นคือเหตุผลว่าโรงพยาบาลรัฐมันเหมือนเป็นตัวกลางของสังคมในการช่วยเหลือคนทั้งประเทศจริงๆ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี