เป็นสาวสวยที่ประสบความสำเร็จสุดๆ สำหรับ “อร-ณธนพร เอื้อวัธนาคูณ”กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยไดมอนด์ฟูดจำกัด เจ้าของร้าน April’s Bakery ที่คิดค้นสูตรขนมพายหมูแดงแสนอร่อยจนเป็นที่กล่าวขานในหมู่นักชิมที่ชื่นชอบขนม ล่าสุดทางรายการ “ผู้หญิงแนวหน้ากับคุณแหน” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทางสถานี TNN2 ช่อง 784 โดย 2 พิธีกร“ขิม-ทิพย์ลดา พูนศิริวงศ์” และ “เล็ก-กรกนก ยงสกุล” ได้ตามไปพูดคุยด้วย
อร-ณธนพร เอื้อวัธนาคูณ เล่าว่า“อรเรียนจบจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญพอเรียนจบปุ๊บก็ไปเป็นแอร์โฮสเตสของสายการบินไต้หวัน เป็นอยู่ประมาณเกือบ 2 ปีหลังจากนั้นก็มาเปิดร้านกาแฟของตัวเอง ก็คือเริ่มจากเป็นคอฟฟี่ช็อปเล็กๆ พอคอฟฟี่ช็อปมันไม่ประสบความสำเร็จ อรก็เลยหันเหไปทำเป็นร้านเบเกอรี่ในห้าง ตอนแรกก็เริ่มขายเป็นพวกขนมปังค่ะ เป็นขนมปังไส้ลูกเกดไส้หมูหยอง ทั่วๆ ไปค่ะ แล้วพอคนไม่ชอบเราก็เปลี่ยนมาขายพวกเป็นชีส ผักขมอบชีสเพราะเรารู้สึกยังไม่ค่อยมีร้านแบบนี้ขาย เหมือนลูกค้าซื้อไปอบทานตอนเช้าเอง ก็เลยคิดว่าทำแล้วดี แต่กลายเป็นว่าก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะว่าคนแถวนั้นเขาไม่ชอบทานอะไรประมาณนี้ ก็เลยเปลี่ยนเป็นเค้ก มัฟฟิน คือเปลี่ยนทุกอย่าง เปลี่ยนหลายเมนู จนสุดท้ายก็มาเป็นพายหมูแดงค่ะ
อรไม่ได้เรียนทำอาหารค่ะ แต่คือตอนแรกอรชอบที่จะทำอาหารให้ที่บ้านทาน พอคุณแม่เสียชีวิต พี่ๆ น้องๆ ก็อยากจะทานอาหารที่คุณแม่เคยทำ แล้วเราก็เลยทำพี่ๆ น้องๆ ในบ้านทานกัน
สำหรับพายหมูแดง อรทำเองค่ะคิดสูตรเองทุกอย่าง ก็คืออรได้มีโอกาสไปฮ่องกง แล้วตอนนั้นธุรกิจของ April’s ที่อรทำอยู่มันเริ่มไม่ดีแล้ว คือทางห้างเขาก็โทร.มาว่าให้เปลี่ยนสินค้ามาขาย เพราะว่าขายไม่ได้ คือถ้าเราขายไม่ได้ทางห้างก็จะไม่ได้เงินเขาก็เลยบอกให้หาสินค้าอื่นมาขาย เราก็เปลี่ยนไปเรื่อย แล้วสุดท้ายมันไม่ได้
พอดีเราก็มีโอกาสไปฮ่องกง ไปทานพายอันหนึ่ง แล้วเพื่อนที่ไปด้วยกันบอกว่า ขนมอันนี้คนไทยต้องซื้อกลับเลยนะ แล้วที่ฮ่องกงขายชิ้นละ 80 บาท เราก็รู้สึกว่าแพงจัง แต่เราก็ซื้อกลับมาค่ะ ซื้อกลับมาให้น้องทาน น้องก็บอกว่าอร่อย ทำไมเจ๊อรไม่ลองทำตรงนี้
เรารู้สึกว่าไส้หมูแดง มันเป็นไส้แบบที่จะต้องรุ่นแม่ รุ่นอาม่าทำ ก็เลยรู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายนะ เพราะมันไม่ใช่แบบขนมเค้กที่เราทำง่ายๆ คือหมูแดงมันจะต้องมีเครื่องเทศ มีส่วนผสมอื่นๆ ซึ่งเราไม่คิดว่าเราจะทำได้ แล้วอีกอย่างตัวแป้งของฮ่องกงก็ไม่เหมือนกับแป้งธรรมดา เราก็รู้สึกมันยาก แต่สุดท้ายก็คือ มันไม่มีอะไรที่จะทำขายได้แล้ว เราก็เลยต้องมาทำตัวนี้
อรใช้เวลาเกือบ 3 เดือนนะคะในการที่จะคิดสูตรตัวนี้ขึ้นมา ก็ลองทำไปเรื่อยๆปรับสูตรไปเรื่อยๆ ก็คืออย่างตัวแป้งจะยากสุด แป้งถ้าสังเกตที่เคยทานมันจะเป็นชั้นๆ แต่แป้งอรจะไม่แข็งเหมือนขนมเปี๊ยะแต่มันก็จะไม่ได้กรอบเหมือนแป้งพาย มันจะอยู่ระหว่างกลางซึ่งมันจะยากตรงนี้ เพราะเราใช้แป้งหลายชนิด
หลังจากนั้นร้านที่มีอยู่ ก็กลายเป็นมาขายพายหมูแดงตัวแรก จากนั้นมีลูกค้าบางคนก็บอกว่าไม่ทานหมู ทำไส้อื่นได้มั้ย เราก็เออลองเป็นไก่อบน้ำผึ้ง บางคนทานมังสวิรัต ก็กลายเป็นไส้เผือกไส้อะไรตามมา จนตอนนี้ก็มี 20 ไส้ค่ะ
ตอนแรกสาขาแรกก็จะมี 2 ไส้ 3 ไส้ แล้วก็ค่อยๆ เพิ่มมาเรื่อยๆ จากสาขาแรกเพิ่มเป็นสาขาที่ 2 ที่ 3 เพราะพอเริ่มขายพายหมูแดง ฟีดแบ๊กดี ทางห้างเวลาเขามีพื้นที่เขาก็จะให้พื้นที่เราเรื่อยๆ คือแบบลองขายตรงนี้มั้ย2 เดือนเป็นพื้นที่โปรโมชั่น ตรงนี้ 3 เดือน เราก็ลองไปหมดค่ะ บางทีขายดีบางทีขายไม่ดี มันแล้วแต่แบบคนกลุ่มที่อยู่ด้วย
ตั้งแต่ร้านแรกจนตอนนี้ก็ 5 ปีแล้วค่ะมี 60 สาขาทั่วประเทศไทย ตอนแรกก็คือมีเฟรนไชส์ส่วนอรเอง ก็คือจะไปดูแลโรงงานเป็นหลัก ขนมทุกชิ้นที่มาจากโรงงานอร ก็จะเป็นขนมที่มีคุณภาพเดียวกัน ขนาดโรงงานของอรก็ไม่ได้ใหญ่มาก เป็นโรงงานขนาดกลางที่เราทำกันเอง แต่คนงานตอนนี้ก็มีทั้งหมดเกือบ 100 คน
ส่วนที่มาที่ไปของชื่อ April’s Bakery นั้นก็คืออรเกิดเดือนเมษายน แล้วคือตอนนั้นอรเป็นแอร์โฮสเตส แล้วทางบริษัทเขามีกฎว่าพนักงานไทย จะต้องมีชื่อภาษาอังกฤษเพื่อให้ลูกค้าเรียกง่ายๆ พอดีเราเกิดเดือนเมษายนก็เลยชื่อ April ไปเลยง่ายๆ ค่ะ ทุกคนก็เลยเรียกอรว่า April หมดเลย
กลับมาที่ขนมกันต่อ เนื่องจากว่าขนมอรทำใหม่ๆ สดๆ จะเก็บได้ 3 วัน เราทำสดใหม่ทุกวัน แล้วไม่ใส่สารกันบูดด้วยค่ะ เป็นคอนเซ็ปต์
ถามว่าวางแพลนในอนาคตเชิงธุรกิจไว้อย่างไรบ้าง ก็คือตอนนี้อรมีแบรนด์ใหม่เป็น เค้กสับปะรด ตัวนี้เรากำลังจะส่งออกไปต่างประเทศ และตอนนี้กำลังดิวกับพาร์ตเนอร์ที่จะไปเปิดในฮ่องกง ก็คือไปเปิดร้าน April ที่ฮ่องกง เป็นแพลนที่เราคุยอยู่ อาจจะเป็นปีหน้าที่จะได้เริ่มเห็น
เรื่องข้อคิดในการดำเนินธุรกิจก็คือ เราหยุดนิ่งไม่ได้ การทำธุรกิจตอนแรกอรคิดว่าจะทำแค่ไซส์นี้แล้วก็พอ แค่นี้อยู่ได้พอ แต่คือเหมือนพอเรามีพนักงานมากขึ้น เราต้องดูแลเขา อรดูแลเหมือนคนในครอบครัวค่ะ เรารักเขา เขาก็รักเราแล้วอีกอย่างอรจะคิดว่าทำปัจจุบันให้ดีที่สุด จะไม่คิดว่าพรุ่งนี้ค่อยทำใหม่ เพราะการที่อรคิดว่าพรุ่งนี้ค่อยทำใหม่ อรอาจจะช้ากว่าคนอื่นไปแล้วก้าวหนึ่งก็ได้
เคล็ดลับและหลักการในการบริหารเวลาของอร คืออรจะตื่นเช้าและออกกำลังกายทุกวัน จะสลับกันไปเป็นโยคะบ้าง เป็นแอโรบิกเป็นฟิตเนสบ้าง แล้วก็จะใช้เวลาช่วงเช้าเข้าออฟฟิศทำงาน แล้วช่วงบ่ายก็จะดูแลลูกเต็มเวลา”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี