นิว-อุกฤษณ์ ทวีเกื้อกูลกิจ และ ฤทธิ์-ฤทธิพงษ์ พูลศักดิ์วรสาร
'...ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนกันหรือไม่เป็นเพื่อนกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจคือการสื่อสาร และต้องเป็นการสื่อสาร 2 ทางด้วย ไม่ใช่แค่พูดอยู่คนเดียว ใครจะว่าอย่างไรไม่สนใจ ถ้าเป็นอย่างนั้นเจ๊งแน่นอน...'
เป็นเพราะคนชอบกินเหมือนกันจึงทำให้สองหนุ่ม นิว-อุกฤษณ์ ทวีเกื้อกูลกิจ และ ฤทธิ์-ฤทธิพงษ์ พูลศักดิ์วรสารโคจรมาพบกันและกลายเป็นเพื่อนสนิท จนถึงขั้นลงขันทำธุรกิจร้านอาหารร่วมกันมานานกว่า 10 ปี สร้างแบรนด์ร้านอาหารที่แตกต่างกันถึง 3 แบรนด์ ได้แก่ Chilling House, Checkmate Bar & Bistro และน้องใหม่ล่าสุดที่กำลังมาแรง Hungry Nerd นอกจากความชอบในด้านอาหารเหมือนกันแล้วอะไรที่ทำเขาสองคนสามารถเดินทางร่วมกันในถนนธุรกิจสายอาหารมาได้ยาวนานขนาดนี้คงต้องไปฟังจากปากสองเพื่อนซี้สุดเนิร์ด
ฤทธิ์-ฤทธิพงษ์ พูลศักดิ์วรสาร เปิดฉากเล่าว่า เขาทั้งสองคนพบกันโดยคำแนะนำของรุ่นพี่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง จากการพูดคุยทำให้รู้ว่าต่างคนต่างเป็นคนชอบกิน ตระเวนสรรหาของอร่อยๆ อยู่เสมอ และยังมีเพื่อนๆ อีกหลายคนที่นิสัยคล้ายๆ กัน และมีความคิดว่าอยากทำร้านสักร้านไว้เป็นที่สังสรรค์ของกลุ่มเพื่อน Chilling House จึงเกิดขึ้นเป็นร้านแฮงค์เอ้าท์ชิลๆ เปิดให้บริการอยู่ที่ โคโค่สตรีท บีทีเอส ราชเทวี
“โดยส่วนตัว ผมคิดว่าก่อนที่เราจะทำงานร่วมกับใครได้ มันต้องเป็นคนที่มีลักษณะเดียวกัน มีแนวความคิดหรือทัศนคติที่คล้ายกัน พอเคมีมันตรงกันบางทีเราไม่ต้องปรับอะไรมาก สามารถเดินไปด้วยกัน พอไปทิศทางเดียวกันมันยิ่งทำให้งานเดินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ขัดกัน พอมาทำร้าน Chilling House พวกเราเริ่มทำกันแบบใจรักที่อยากจะทำ เป็นการเรียนรู้ซึ่งกันและกันระหว่างหุ้นส่วน และเรียนรู้ในธุรกิจร้านอาหาร เพราะว่าหุ้นส่วนทุกคนไม่เคยทำร้านอาหารมาก่อนเหมือนกัน เรียกว่า Chilling House เป็นโรงเรียนของพวกเราด้วย เราก็ได้ประสบการณ์และค่อยๆ พัฒนาธุรกิจมาเรื่อยๆ จนเข้าปีที่ 11 ที่เราทำธุรกิจด้วยกัน”
“เพื่อนกันไม่ควรทำธุรกิจด้วยกัน” คือคำกล่าวที่หลายๆ คนมักได้ยินบ่อยๆ แต่สำหรับ นิว-อุกฤษณ์ บอกว่า ถึงแม้เราะจะเป็นเพื่อน แต่เมื่อทำธุรกิจก็ต้องมีความชัดเจน มีอะไรที่เห็นต่างได้ ก็ต้องหาจุดที่เรายอมรับร่วมกัน เพื่อให้ธุรกิจเดินต่อไปได้อย่างไม่ติดขัด
“ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนกันหรือไม่เป็นเพื่อนกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจคือการสื่อสาร และต้องเป็นการสื่อสาร 2 ทางด้วย ไม่ใช่แค่พูดอยู่คนเดียว ใครจะว่าอย่างไรไม่สนใจ ถ้าเป็นอย่างนั้นเจ๊งแน่นอน การสื่อสาร 2 ทาง ก็คือการรับฟังซึ่งกันและกัน เราจะได้รู้ด้วยว่าแต่ละคนคิดแบบไหน ถ้าเห็นต่างกันแต่ทุกความเห็นมันมีข้อดี ข้อด้อย เราก็ต้องมาประชุมพูดคุยกัน เพื่อหาข้อสรุปที่ทุกฝ่ายพอใจ ให้เข้ากัน มีทิศทางเดียวกัน คุยกันตรงๆ คุยกันให้เคลียร์ แล้วให้จบ มีปัญหาก็ช่วยกันแก้ จะลงทุนเพิ่มหรืออะไรก็ตามต้องชี้แจงมีเหตุมีผล และที่สำคัญต้องเชื่อใจกันและกันด้วย ไม่คิดเล็กคิดน้อย”
ฤทธิ์และนิว สองผู้บริหาร บอกว่า เขาทั้งคู่ร่วมถึงหุ้นส่วนคนอื่นๆ ต่างไม่คิดว่าจะอยู่ในธุรกิจมาได้นานกว่า 10 ปี จึงทำให้วันนี้พวกเขามั่นใจที่จะสร้างความเติบโตให้กับธุรกิจ และประสบการณ์การกินที่แปลกใหม่ให้กับบรรดานักชิม อย่างน้องใหม่ล่าสุด Hungry Nerd ที่พวกเขาตั้งใจจะทำให้แบรนด์นี้ขยายสาขาได้ไม่ต่างกับแบรนด์ใหญ่ในตลาด โดย ฤทธิ์ อธิบายถึงคอนเซ็ปต์ของร้านนี้ว่า…
“Hungry Nerd เราตั้งใจทำมาสำหรับลูกค้าทุกเพศทุกวัย เป็นร้านอาหารของครอบครัว เมนูจะเป็นอเมริกันสไตล์ ได้แรงบันดาลใจมาจากกลุ่มเพื่อนๆ ที่ชอบทานสเต๊ก แต่เราก็จะมีการปรับเมนูทุกๆ สองเดือน แล้วคำว่าเนิร์ด ความหมายคือ กลุ่มคนที่ให้ความสนใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นพิเศษ เราก็ชอบสเต๊กเป็นพิเศษ เหมือนเป็นเนิร์ดดี้เกี่ยวกับทางด้านสเต๊กพ้องกับชื่อเกมส์ที่ทุกคนชื่นชอบอย่าง Angry Bird เราก็ปรับมาเป็น Hungry Nerd เพื่อสื่อว่าถ้าหิวเมื่อไรอยากกินของอร่อยต้องมาหาเนิร์ดอย่างเราที่ถนัดเรื่องความอร่อย ส่วนพนักงานของเราก็เนิร์ดเหมือนกัน เนิร์ดในเรื่องการบริการ แต่งตัวเหมือนกันแล้วใส่แว่นให้เป็นกิมมิกของร้าน”
จุดเด่นของ Hungry Nerd ไม่เพียงแต่รสชาติอร่อยเท่านั้น แต่ราคายังโดนใจเมื่อเทียบกับปริมาณและวัตถุดิบที่ใช้ต้องบอกว่าของอร่อยแต่ราคาเบาๆ ยังหาทานได้สภาพเศรษฐกิจที่ค่าครองชีพแพงแสนแพง แถมยังมีให้เลือกทั้งแบบ จานเดียวคนเดียว หรือจานเดียวอิ่มยกแก๊งในราคาเริ่มต้นหลักสิบไปจนถึงหลักร้อย แถมการตกแต่งร้านก็เอาใจคนชอบแชะ แชร์ไม่น้อย เพราะมีจุดให้เซลฟี่กันสนุกทีเดียว
นิว-อุกฤษณ์ ทวีเกื้อกูลกิจ บอกว่า “ร้านเพิ่งเปิดมาได้ 9 เดือนแล้ว ก็ได้รับผลตอบรับดีทีเดียวครับ เพราะร้านเราเปิดตั้งแต่สิบเอ็ดโมงครึ่งถึงเที่ยงคืน มี เชฟวัฒนศักดิ์ ช่างเก็บ หรือ เชฟบาส เป็นหุ้นส่วนอีกคนดูแลเรื่องเมนู ซึ่งมีอยู่ประมาณ 30 เมนู มีทั้งซุป สลัด สเต๊ก สปาเกตตี เราพยายามที่จะออกเมนูใหม่ๆ ทุกสองเดือน อย่างเมนู Giant Grill Combo จานนี้จะมี ไก่สไปซี่ สเต๊กเนื้อสัน พอร์คลอย สเต๊กปลาทอด สโมคเบคอน สลัด ขนมปังชีส และเฟรนช์ฟรายส์ จานนี้ 339 บาท สำหรับ 4 ที่ทาน หรืออย่างเมนู พอร์คช็อพ อันนี้ถือเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน ราคา 159 บาท ส่วนราคาเราไม่ต้องการขายแพง เพราะอยากให้ลูกค้าที่มาทานรู้สึกว่า มาทานอาหารที่ Hungry Nerd แล้วได้อะไรมากกว่าเงินเขาจ่ายไป คือคุ้มค่าและอยากกลับมาอีก คือเด็กนักเรียนก็มาทานได้ คนทำงานทานได้ มาเป็นครอบครัวก็ได้ เพราะว่าไม่แพงจนเกินไป”
สำหรับ Hungry Nerd ทั้งฤทธิ์และนิวบอกว่า ปลายปีนี้เขามีแผนที่จะเปิดสาขาที่สองในห้างสรรพสินค้า และจะเปิดเพิ่มให้ได้อย่างน้อยปีละ 2 สาขา ในทำเลที่ใกล้สถานศึกษา ย่านช็อปปิ้ง และย่านธุรกิจ แต่ตอนนี้ถ้าอยากรู้ว่าอาหารจะรสเด็ดโดนใจแค่ไหน ไปพิสูจน์กันได้ที่ Hungry Nerd ร้านหาง่ายมากเพราะอยู่ติดกับบันไดทางขึ้นที่ 3 บีทีเอส ราชเทวี หรือเข้าไปดูความเคลื่อนไหวของร้านได้ที่ Facebook : hungrynerdbangkok
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี