เมื่อสัปดาห์ก่อน เราได้รู้จักสาเหตุและช่องทางการติดต่อของโรคไข้หัดสุนัขกันไปแล้วนะครับ สัปดาห์นี้เรามารู้จักอาการ การรักษา และการป้องกัน โรคไข้หัดสุนัข กันต่อครับ
อาการ
สุนัขที่ป่วยด้วยโรคไข้หัดสุนัข มักจะมีอาการเหมือนสุนัขป่วยทั่วไป คือ มีไข้ ซึม เบื่ออาหาร แต่จะแสดงอาการหลักๆ 4 ระบบของร่างกาย คือ
1.ระบบทางเดินหายใจ คือ จะพบว่า สุนัขมีขี้มูกขี้ตาเกรอะกรัง เยื่อบุตาขาวอักเสบ และช่วงท้ายจะมีอาการปอดติดเชื้อแทรกซ้อน
2.ระบบทางเดินอาหาร ในสุนัขหลายๆ ราย มักมีอาการอาเจียน และท้องเสียร่วมด้วย
3.ระบบปกคลุมร่างกาย จะพบตุ่มหนองตามใต้ท้อง (คล้ายอีสุกอีใสในคน) และเกิดการหนาตัวของฝ่าเท้า (hard pad) รวมถึงจมูกด้วย
4.ระบบประสาท เมื่อเชื้อไวรัสไข้หัดกระจายเข้าร่างกายและแพร่ไปสู่สมองแล้ว สุนัขจะแสดงอาการทางประสาท เช่น ชัก เกร็ง กระตุก มีอาการคล้ายการเคี้ยวหมากฝรั่ง (จะเห็นน้ำลายเป็นฟอง) มีการตะกุย หรือร้องคราง หากสุนัขแสดงอาการทางระบบประสาทแล้ว ส่วนใหญ่มักเสียชีวิต
และที่สำคัญ โรคไข้หัดสุนัขนี้จะไปกดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรคต่ำลง จึงมีการติดเชื้อแทรกซ้อนง่าย และทำให้อาการเลวร้ายขึ้นส่วนในรายที่มีการติดเชื้อไข้หัดสุนัขแล้วรอดชีวิต จะพบว่าสุนัขตัวนั้นจะยังคงมีเชื้อไวรัสอยู่ในร่างกาย และสามารถแพร่เชื้อต่อได้นานหลายเดือนหลังจากหายป่วยแล้ว
การรักษา
เนื่องจากไข้หัดสุนัขเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส จึงไม่มียาที่รักษาโดยเฉพาะ การรักษาที่ให้มักเป็นการป้องกันโรคแทรกซ้อนโดยการให้ยาปฏิชีวนะ การรักษาตามอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น เช่นการให้ยาลดน้ำมูก ลดไข้ ลดอาเจียน แก้ท้องเสีย รวมถึงให้ยาระงับการชัก การให้ยาเพื่อบำรุงร่างกาย เช่น ให้ยาบำรุงประสาท การให้สารน้ำและสารอาหารรวมถึงวิตามินต่างๆ ตลอดจนการใช้ยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน สารต้านไวรัส และ interferon เพื่อเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และเพื่อช่วยยับยั้งการแพร่ของเชื้อไวรัสไม่ให้กระจายไปสู่อวัยวะอื่นๆ ในร่างกาย
การป้องกัน
ไข้หัดสุนัขจะเป็นโรคที่น่ากลัว โอกาสเสียชีวิตสูง ไม่มีวิธีรักษาเฉพาะ สิ่งที่ดีที่สุดคือการป้องกันโรค ซึ่งผู้เลี้ยงสุนัขควรให้ความสำคัญ นั่นคือการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หัดสุนัข เพราะให้ผลในการป้องกันโรคได้ค่อนข้างดี เราสามารถเริ่มทำวัคซีนครั้งแรกเมื่อลูกสุนัขอายุ 6-8 สัปดาห์ขึ้นไป
กรณีที่เราสัมผัสสัตว์ป่วย หรือสงสัยว่าจะป่วยแล้ว ก่อนที่จะไปเล่นกับสุนัขในบ้าน เราควรล้างมือให้สะอาดและถ้าเป็นไปได้ ควรเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยครับ เพราะเชื้อสามารถติดอยู่ตามเสื้อผ้าที่เราใส่ได้
ส่วนในกรณีเพิ่งรับลูกสุนัขใหม่เข้ามา ควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย คุณหมออาจยังไม่ฉีดวัคซีนให้ทันที เนื่องจากลูกสุนัขที่เปลี่ยนสถานที่อยู่ใหม่ อาจมีความเครียด ซึ่งจะทำให้ระดับภูมิคุ้มกันตกลงและไวต่อการติดโรคได้ คุณหมออาจแนะนำให้แยกเลี้ยงออกจากสุนัขตัวเดิมในบ้าน และให้กินวิตามินบำรุงร่างกาย และเพื่อสังเกตอาการก่อนอย่างน้อย 1 สัปดาห์ หากแข็งแรงดีแล้ว จึงค่อยเริ่มทำวัคซีนป้องกันโรคนี้กันครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี