ครูพี่แนน-อริสรา ธนาปกิจ (กลาง) พร้อมเด็กไทยระดับหัวกะทิ วิวัฒน์ เที่ยงธรรม, ณัฐณิชา สุขประวิทย์, นภนาง เอกอัครและ พลอยพิณ ชื่นธีระวงศ์
ครูพี่แนน-อริสรา ธนาปกิจ ผู้อำนวยการโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษเอ็นคอนเส็ปท์ กล่าวว่า “เชื่อว่าจะสร้างชาติได้ ต้องสร้างคนเราอยากเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนการศึกษาไทย และอยากจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาซึ่งเกิดขึ้นในระบบการศึกษา โดยจากประสบการณ์การทำงานร่วมกับนักเรียนไทยที่ประสบความสำเร็จมากว่า 20 ปี นั้นสังเกตได้ว่า จุดร่วมที่เด็กเก่งระดับหัวกะทิมีร่วมกัน คือ กล้า แกร่ง เก่ง และมีต้นแบบที่ดี กล้า คือ กล้าที่จะแตกต่างไม่ทำอะไรเพียงเพราะตามเพื่อนหรือทำเพราะคำชี้นำคนรอบข้าง แต่เขาจะมีเป้าหมาย มีความฝันที่ชัดเจน แกร่ง คือ หมายถึง อดทน มีวินัยและรับผิดชอบที่จะทำตามความฝันของตัวเองอย่างไม่กลัวอุปสรรคและความล้มเหลว เก่ง คือ ไม่กลัวสิ่งที่ยาก แต่กลับมองว่าสิ่งที่ยากเป็นสิ่งท้าทาย และจะฝึกฝนตนเองในเรื่องนั้นซ้ำๆ จนคุ้นเคยและเก่งในที่สุด และสุดท้ายคือ เด็กเก่งมักจะมีต้นแบบที่ดีเป็น Role Model จะนำมาสู่พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตัวเองได้เป็นอย่างดี”
ด้าน พลอย-พลอยพิณ ชื่นธีระวงศ์ ศิษย์เก่าจาก University of The Arts London อาจารย์สอนอยู่ที่คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าวเสริมว่า “สิ่งหนึ่งที่คิดว่าจะทำให้เด็กไทยประสบความสำเร็จทางด้านการศึกษา คือ การมีความมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำและต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน แม้ว่าจะพบกับความล้มเหลวบ้าง เราก็ต้องพยายามที่จะทำมันต่อไปจนกว่าจะสำเร็จ เพราะความล้มเหลวที่เกิดขึ้นนั้น จะเป็นเส้นทางสู่ความสำเร็จของเรา”
ในปัจจุบัน ปัญหาในระบบการศึกษาของไทยกำลังได้รับความสนใจและนำมาซึ่งการปฏิรูปในหลายๆ ทาง ซึ่งนโยบายที่เห็นได้
ชัดเจนและกำลังอยู่ในระหว่างการบังคับใช้คือ นโยบายลดเวลาเรียน อันเนื่องมาจากผลการสำรวจที่พบว่าเด็กไทยมีชั่วโมงเรียนที่เยอะที่สุดติด 1 ใน 10 ของโลก แต่ทว่าผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษากลับไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร
ส่วน โฟร์ท-ณัฐณิชา สุขประวิทย์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เจ้าของตำแหน่งผู้สอบเข้าได้อันดับ 1 สาย ศิลป์-คำนวณ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้ให้ความเห็นว่า “สิ่งหนึ่งซึ่งทำให้การศึกษาของเด็กไทยมีปัญหา คือความไม่ชัดเจนในตัวเองของเด็กแต่ละคนว่าอยากจะเรียนอะไร แต่ในอีกทาง คือระบบการศึกษาของไทยมีการสอบที่เยอะมาก จนก่อให้เกิดค่านิยมที่จะต้องได้คะแนนสูงๆ ในการสอบ ทำให้เด็กเกิดความรู้สึกกดดันที่จะต้องทำข้อสอบให้ได้คะแนนเยอะๆ เรื่องของการลดเวลาเรียนจึงเป็นเหมือนกับดาบ 2 คม สำหรับเด็กไทย คือ ถ้าเด็กคนไหนมีความตั้งใจดี เวลาว่างที่เพิ่มขึ้นก็จะถูกใช้ไปกับการทบทวนบทเรียน แต่ถ้าเด็กคนไหนที่ไม่รู้สึกว่าอยากจะเรียน อาจจะใช้เวลาที่ว่างนี้ไปกับการเที่ยวเล่น การเล่นเกมส์ ที่สุดแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ว่าจะใช้เวลาไปกับอะไร”
ซึ่งอีกหนึ่งปัญหาของการศึกษาไทยที่จะต้องเร่งแก้ไข คือการใช้ภาษาอังกฤษของเด็กไทย โดยจากการสำรวจพบว่าระดับภาษาอังกฤษของเด็กไทยอยู่ในอันดับรั้งท้ายของกลุ่มประเทศอาเซียน ครูพี่แนน-อริสรา ธนาปกิจได้ให้ความเห็นว่า “คนไทยกลัวภาษาอังกฤษเอ็นคอนเส็ปท์จึงอยากให้คนไทยพัฒนาภาษาอังกฤษ โดยเริ่มต้นจากการสร้างแรงจูงใจให้ทดลองเรียนฟรี โดยเนื้อหาการเรียนแบ่งตามระดับความรู้ ได้แก่ ประถม ม.ต้น ม.ปลาย มหาวิทยาลัย ไปจนถึงวัยทำงาน”
จึงได้จัดโครงการพัฒนาภาษาอังกฤษของเด็กไทยขึ้น 2 โครงการคือ โครงการเรียนภาษาอังกฤษ สำหรับผู้ที่สนใจ โดยคอร์สการเรียนจะมีระดับ ประถม มัธยมต้น มัธยมปลาย มหาวิทยาลัย ไปจนถึงวัยทำงาน เพราะเราอยากให้คนไทยเปิดใจกับการเรียนภาษาอังกฤษว่าไม่ยากและไม่ได้ไกล ตัวอย่างที่คิด จะเป็นเนื้อหาภาษาอังกฤษที่ใช้ในแต่ละช่วงวัย ความยาวของบทเรียนรวม 12-16 ชั่วโมง ผู้ที่สนใจเรียนจะเสียค่าใช้จ่ายเพียง 100 บาท ซึ่งเราจะนำเงินจำนวนนี้มาทำโครงการที่เกี่ยวกับการศึกษาโครงการที่ 2 คือ การส่งมอบระบบการฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษ ให้กับโรงเรียนด้อยโอกาสในเขตชนบท โดยระบบจะทำหน้าที่วิเคราะห์การออกเสียงที่ถูกต้องตามแบบเจ้าของภาษา เพราะปัญหาที่นักเรียนส่วนใหญ่เป็นคือ ออกเสียงไม่ถูกต้อง จนทำให้คำเปลี่ยนความหมาย และการเรียนกับครูต่างชาตินั้นมีค่าใช้จ่ายต่อหัวค่อนข้างสูง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี