อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันออกพรรษา (ปีนี้ตรงกับวันที่ 27 ตุลาคม) ในวันออกพรรษาจะมีประเพณีและพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาหลายประการ อาทิ การทำบุญวันออกพรรษา ตักบาตรเทโว การใส่บาตรข้าวต้มหาง หรือข้าวต้มลูกโยน แล้วตามมาด้วยประเพณีการทอดกฐิน (ซึ่งจะกระทำกันตั้งแต่หลังออกพรรษาจนถึงก่อนวันลอยกระทง) รวมถึงประเพณีการไหลเรือไฟ หรือล่องเรือไฟ ในจังหวัดต่างๆ ตามริมแม่น้ำโขง ชี และมูล
สำหรับสัปดาห์นี้ Mr.Flower ขอเชิญชวนคุณๆ ไปชมขบวนไหลเรือไฟ และชมบั้งไฟพญานาคด้วยกันที่จังหวัดนครพนมและหนองคาย และหลังจากนั้นจะชวนไปซื้อของฝากซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พื้นเมืองจากจังหวัดทั้งสองติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย
ประเพณีไหลเรือไฟ คือ พิธีกรรมทางพุทธศาสนาที่ชาวบ้านริมลำน้ำโขงจัดในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือ วันออกพรรษา โดยมีฐานความคิดความเชื่อเกี่ยวกับการบูชารอยพระพุทธบาท และการถวายพุทธบูชาพระธาตุจุฬามณีบนสวรรค์ ผนวกกับการขอขมาและระลึกถึงบุญคุญของพระแม่คงคา ขณะเดียวกันก็ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับการขอฝน และการใช้ไฟเผาทำลายความทุกข์และความโชคร้ายให้หมดสิ้นไป ความเชื่อในเรื่องไฟนี้ได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาพราหมณ์ ดังจะพบว่ามีพิธีกรรมเกี่ยวกับไฟหลายอย่าง เช่น แห่เทียนพรรษา บุญบั้งไฟ และไหลเรือไฟ เนื่องจากมีความเชื่อว่าไฟหรืออัคคีเทพ คือเทพเจ้าองค์หนึ่งในศาสนาพราหมณ์ ทรงมีฤทธิ์ผลาญทำลายสิ่งชั่วร้าย และช่วยขจัดความทุกข์ความยากให้สิ้นสลายไป
ในสมัยก่อน เรือไฟจัดทำด้วยวัสดุธรรมชาติ อาทิ ไม้ไผ่และต้นกล้วยประกอบเป็นเรือหรือทุ่นลอยน้ำ ผูกตะเกียงน้ำมัน โคมไฟ คบไฟ ขี้ไต้และน้ำมันยางจุดไฟติดไว้กับลำเรือ แล้วนำอาหารคาวหวาน ขนมนมเนย หมากพูล บุหรี่ยาสูบ เสื้อผ้าและเส้นฝ้าย เสื่อผืนใส่ในลำเรือ ประดับประดาด้วยดอกไม้ให้มีสีสัน แล้วปักธูปปักเทียนลงไป ครั้นถึงเวลาประมาณ 5 โมงเย็นก็เริ่มพิธีนิมนต์พระไปสวดมนต์ รับศีล ฟังเทศน์ เมื่อเสร็จพิธีสงฆ์แล้วชาวบ้านเรือที่ตกแต่งเรียบร้อยแล้วไปลอยกลางลำน้ำโขง แล้วจุดตะเกียง โคมไฟ ปล่อยให้เรือไหลล่องไปตามลำน้ำ ไฟจากเรือก็จะส่งแสงระยิบตาน่าชมเป็นอย่างมาก แต่ในปัจจุบันเรือไฟได้ถูกจัดทำขึ้นอย่างอลังการใหญ่โตมาก มีความวิจิตรบรรจง ประดับประดาด้วยไฟฟ้าสารพัดสีสันโดยทำเป็นรูปต่าง ๆ อาทิ ภาพพุทธประวัติ พระธาตุพนม พญานาค พญาช้าง พญาครุฑ พญาหงส์ และรูปอื่นๆ โดยแต่ละชุมชนจะนำเรือของตนไปประกวดประขันเพื่อชิงรางวัลกัน เมื่อปล่อยเรือไฟให้ล่องไปตามลำโขง จึงเป็นภาพที่ละลานตา สวยงามสุดบรรยาย
ส่วนบางความเชื่อก็ว่า การไหลเรือไฟเป็นการบูชาพระพุทธเจ้า ในวันที่พระองค์เสด็จลงมาจากเทวโลก หลังเสด็จขึ้นไปเทศนาโปรดพระมารดาบนดาวดึงส์พิภพ เมื่อถึงวันออกพรรษา พระพุทธเจ้าเสด็จลงมาสู่โลกมนุษย์ ทรงแสดงโลกวิวรณปาฏิหาริย์คือ เปิดโลก โดยทอดพระเนตรไปเบื้องบนถึงพรหม และไปยังโลกเบื้องต่ำสุดถึงนรกอเวจี และไปทิศต่างๆ ทั้งแปดทิศ โลกธาตุแห่งหมื่นจักรวาลเห็นเป็นลานกว้าง แผ่นเดียวกัน ทำให้สวรรค์ มนุษย์ นรกแลเห็นกันและกัน จึงเรียกว่า วันพระพุทธเจ้าโปรดโลก
การจัดงานงานประเพณีไหลเรือไฟ จัดขึ้นในช่วงเทศกาลออกพรรษา ระหว่างขึ้น 15 ค่ำ ถึงแรม 1 ค่ำ เดือน 11
อันที่จริงแล้ว หลายจังหวัดในภาคอีสานก็จัดประเพณีไหลเรือไฟด้วย เช่น ศรีสะเกษ เลย และอุบลราชธานี แต่ประเพณีไหลเรือไฟที่นครพนมและหนองคาย มีความยิ่งใหญ่มากเป็นพิเศษ เพราะอยู่ริมน้ำโขง และที่สำคัญคือผู้คนยังติดตามไปดูบั้งไฟพญานาคที่ริมน้ำโขงในเขตจังหวัดนครพนม และหนองคายอีกด้วย
เมื่อพูดถึงบั้งไฟพญานาค ก็ต้องกล่าวถึงพุทธประวัติ ครั้งที่พญานาคทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าไปทรงแสดงธรรมในเมืองบาดาล เมื่อพระพุทธองค์จะเสด็จกลับโลกมนุษย์ พญานาคได้ทูลขอให้ทรงประทับรอยพระพุทธบาท ณ ริมฝั่งมัมทานที ซึ่งพระพุทธองค์ทรงประทับไว้ให้ ณ หาดทรายริมน้ำ ปวงพญานาคทั้งหลายจึงเคารพบูชามาโดยตลอด และทุกวันออกพรรษา พญานาคก็จะถวายพุทธบูชาด้วยการยิงบั้งไฟบูชารอยพระพุทธบาทนั้น
บั้งไฟพญานาคหรือบั้งไฟผี คือดวงไฟกลมเรืองแสงขนาดต่างๆ ตั้งแต่เท่าหัวแม่มือจนถึงขนาดไข่ห่าน มีสีส้ม แดงอมชมพู บานเย็น แดงทับทิม ไม่มีควัน ไม่มีเขม่า ไม่มีเปลวไฟ ไม่มีกลิ่น และไม่มีเสียง ซึ่งเกิดขึ้นกลางลำน้ำโขงลอยขึ้นสู่อากาศสูงตั้งแต่1 ถึง 100 เมตรเศษ ดวงไฟจะสว่างเป็นเวลา 5-10 วินาทีแล้วดับไป แต่จะดับไปโดยทันที ไม่ใช่ค่อยๆ หรี่แสดงแล้วดับลง จะเกิดในช่วงวันออกพรรษาทุกปี เวลาตั้งแต่พลบค่ำถึงประมาณ 5 ทุ่ม ยังไม่มีใครสามารถอธิบายปรากฏการณ์นี้ได้อย่างชัดเจนว่าเกิดจากอะไร ส่วนมากจะพบเห็นบั้งไฟพญานาคในเขตริมน้ำโขงจังหวัดหนองคาย โดยเฉพาะที่อำเภอสังคม และที่วัดหินหมากเป้ง อำเภอศรีเชียงใหม่
เมื่อได้เที่ยวแล้ว ก็อย่าลืมการซื้อของพื้นเมืองติดมือกลับไปฝากคนที่บ้านนะครับ เพื่อจะได้ช่วยกระจายรายได้ให้ท้องถิ่น สินค้า
ขึ้นชื่อของเมืองหนองคายก็มีหลากหลาย อาทิ กระเป๋าสานด้วยไม้ไผ่ฝีมือละเอียดมาก ของชุมชนวัดธาตุ อำเภอเมือง ผ้าฝ้ายและเสื้อผ้าทำจากฝ้าย รวมถึงเครื่องปั้นดินเผาสำหรับตกแต่งบ้าน จากชุมชนค่ายบกหวาน อำเภอเมือง
ส่วนสินค้าขึ้นชื่อของนครพนมก็มีหลากหลาย เช่น ผ้าทอมัดหมี่บ้านขามเปี้ยใหญ่ ตำบลบ้านข่า อำเภอศรีสงคราม ผ้าฝ้ายยกมุก เสื้อกก เสื้อทอพื้นเมืองภูไท และผ้าข้าวม้า เป็นต้น
ไทยเที่ยวไทย ซื้อของไทย ใช้ของไทย กินของไทย เศรษฐกิจไทยจะรุ่งเรือง หากคุณผู้อ่านต้องการรายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดหนองคายและนครพนมเพิ่มเติม โปรดโทร.1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี