เป็นสาวเก่งที่มากความสามารถอีกคน สำหรับ “มุก-เพลินจันทร์ วิญญรัตน์” Co Founder & Design Director นักออกแบบผลิตภัณฑ์สิ่งทอที่ขึ้นชื่ออันดับต้นๆ ของเมืองไทย ทางรายการ “ผู้หญิงแนวหน้ากับคุณแหน” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. โดยพิธีกร “ขิม-ทิพย์ลดา พูนศิริวงศ์” ได้ตามไปพูดคุยกับเธอ
มุก-เพลินจันทร์ เล่าว่า “ตอนนี้มีบริษัทของตัวเอง ซึ่งก็เปิดมาได้ 10 ปีแล้ว จริงๆ แล้วสิ่งทอทุกคนจะคุ้นตาอยู่ เนื่องจากเราทำมาหลายปี และเริ่มมีการขยายให้กว้างขึ้น สมมุติถ้าเรามองโรงแรมเป็นเกาะ แล้วเราคว่ำเกาะ อะไรที่ตกลงมาเราทำหมด คือเราทำเกือบจะวันสต็อปเซอร์วิส ของตกแต่ง วอลล์อาร์ต ของใช้ในโรงแรม ถังขยะ ที่เขี่ยบุหรี่ แจกัน อะไรจุกจิกทุกอย่าง ทำหมด แม้กระทั่งออกแบบเฉพาะแต่ละโรงแรม บางครั้งเราออกแบบเป็นต้นแบบแล้วเขาเอาไปผลิตเป็นจำนวนเอง บางครั้งเขาให้เราทั้งออกแบบและผลิต มีหลายรูปแบบ
ที่มาที่ไปที่มาจับงานดีไซน์ จริงๆ ดีไซเนอร์มีเยอะมาก และเก่งๆ กันเยอะมาก ก็มีการเนตเวิร์กกิ้งกัน ที่มุกทำทุกวันนี้ได้ เราไม่มีความรู้เรื่องเฟอร์นิเจอร์ แต่เราสามารถปรึกษารุ่นพี่รุ่นน้อง อันนี้อย่างไร เริ่มต้นก็คือถูกส่งไปเรียน เด็กๆ ก็จะถูกพี่ชายล้อบ่อยๆ ว่า พ่อแม่ส่งไปเรียนประเทศอังกฤษ มุกขึ้นเครื่องบินผิดไปโผล่ประเทศเพื่อนบ้าน เลยจบทอผ้ามา คนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเรียนทอผ้า
ตอนนั้นยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจริงๆ เราไปเรียนตั้งแต่เด็ก ต้องเรียนตามระบบระเบียบเขา แต่ระบบที่อังกฤษเขาเลือกวิชาให้แคบลง เพราะฉะนั้นเราต้องรู้ว่าเราชอบอะไรตั้งแต่เด็กๆ พอเรียนลึกไปเรื่อยๆ เราก็รู้แล้วว่าฉันไม่ได้เป็นคนชอบแฟชั่น ฉันชอบการทำทุกอย่างด้วยมือ ก็เลยเลือกเรียนผ้า ทีนี้ผ้าเขาก็แบ่งลึกไปอีกว่าจะทอผ้า จะนิตติ้ง หรือจะพิมพ์ผ้า เราเป็นคนชอบทำอะไรจากอะไรที่เล็กๆ มาเป็นผืน เราก็เลยมองว่า งั้นเราเรียนทอผ้าดีกว่า มันต้องร้อยเส้นด้ายเอง ทำกี่เอง ย้อมผ้าเอง มันเหมือนเลี้ยงลูก ค่อยๆ ทำตั้งแต่ปุยฝ้ายมาเป็นผืนผ้า มันก็เป็นความสนุกความภูมิใจอย่างหนึ่ง
เรื่องทอผ้ากับประเทศไทย ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยและวัสดุที่เรามี ถามว่ามันแตกต่างจากที่เรียนมาหรือเห็นของฝรั่งเขาอย่างไรบ้าง คือสิ่งทอในโรงงานทอผ้าใหญ่ๆ มันก็แยกเป็นทอเพื่อใช้ในบ้าน หรือที่พักอาศัย หรือทอผ้าเพื่อแฟชั่น
อย่างที่มุกเรียนมา เราค่อนข้างเรียนมาลึก และสิ่งที่เราใช้ก็เป็นกี่ที่ค่อนข้างทันสมัย มุกกลับมาใหม่ๆ มุกก็ทำงานกับชาวบ้าน มันก็จะเป็นกี่คนละแบบกันเลย ก็ดีมาก เราได้นำสิ่งที่เราเรียนมา มาปรับใช้กับสิ่งที่ชาวบ้านมีอยู่ มุกทำงานกับชาวบ้านเยอะ มุกจะรู้หมดเลย โอท็อปหมู่บ้านไหน จังหวัดไหน ใครทำอะไร กว่าเราจะเริ่มต้นกับบริษัทนี้ได้ เราต้องซ้อนมอเตอร์ไซค์ นั่งรถกระบะเข้าไปดูว่า จังหวัดนี้ ชัยนาท หรือชื่อจังหวัดบางทีเรายังไม่คุ้นเลยเราก็เปิดหนังสือดูว่าใครทำงานฝีมืออะไรเขาถนัดอะไร แล้วเราก็นำสิ่งที่เรารู้ เราเรียนมามาปรับใช้กับเขา
จนกระทั่งเรามาตั้งโรงงานของเราเอง ก็โรงงานเล็กๆ ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ที่โรงงานนี้เราออกแบบกี่กันเอง จ้างคนมาสร้างกี่เองก็ปรับระหว่างชาวบ้านกับสิ่งที่เราเรียนมาเพื่อมาพบกันตรงกลาง เพื่อให้ได้ผลงานเหล่านี้ทำสิ่งที่เราต้องการได้
กับเรื่องที่ว่าเราเป็นดีไซเนอร์ อะไรคือแรงบันดาลใจให้มุกได้ออกผลงานต่างๆ มาได้ ไม่ว่าจะเป็นลายผ้าหรือผลงานต่างๆ ที่ทำมามากมาย และประสบความสำเร็จนั้นแรงบันดาลใจหลักในชีวิต คือลูกแฝด 3 เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีแรงในการทำทุกอย่าง ในการคิดทำอย่างมีจุดมุ่งหมาย ว่าทำเพื่อใคร ทำเพื่ออะไร อยากทำสิ่งที่ดีๆ ให้ลูกได้เห็นผลงานของเราทำอะไรที่ดีพอจะทำได้ เพื่อให้ลูกได้ภูมิใจในตัวแม่ นั่นคือแรงบันดาลใจหลักในการทำทุกอย่างของชีวิต
ส่วนเรื่องผลงานในต่างประเทศ ก็มีโรงแรมต่างๆ หลายที่เหมือนกันที่เขามาจ้างเราทำ ก็จะมีที่ ภูฏาน ที่เมืองจีน ที่มัลดีฟส์ส่วนใหญ่จะเป็นพวกรีสอร์ท ที่เรามีโอกาสได้ทำเยอะ ก็จะมี ดับเบิลยูโฮเต็ล และเชอราตัน เราทำตั้งแต่โรงแรม 5 ดาว 4 ดาว 3 ดาวเราก็ทำ เราทำหมดขอให้บอกงบประมาณมาว่าความต้องการคืออะไร อยากได้แบบไหน เราก็รับทำหมด ตรงนี้กระจายไปถึงสวนสนุกก็มี เราก็ทำของเล่นเด็กที่ทำจากแรงงานชาวบ้าน โดยการถักการทอเหมือนเปลทำเปลยักษ์ให้เด็กวิ่งเล่นได้ ที่สวนสนุกที่เอ็มโพเรียม เราก็ทำ
นอกจากโปรเจกท์ต่างๆ แล้ว ก็มีการจัดนิทรรศการที่ต่างประเทศด้วย คือไปร่วมงานแสดงสินค้าที่ฝรั่งเศส ก็คือเป็นโปรเจกท์ที่เราเหมือนเป็นมือปืนรับจ้าง เป็นดีไซเนอร์ที่ถูกจ้างให้ออกแบบและสอนชาวบ้านให้ทำงาน ผลิตต้นแบบ เป็นงานฝีมือที่ทำด้วยมือของชาวบ้านล้วนๆ แต่ว่าชาวบ้านเขาอาจจะมีฝีมือแต่เขาอาจจะไม่มีโอกาสอย่างเราที่ได้เดินทางบ่อยได้เห็นอะไรเยอะ เราก็นำเอาโอกาสเหล่านี้เอาความรู้เหล่านี้ไปสอนเขาทำ
ก็จะมีไปจัดนิทรรศการที่ต่างประเทศ หรือที่โรงงานมุกเอง ก็จะแบ่งเป็น 2 ความถนัดอันหนึ่งเป็นโรงทอ อันหนึ่งเป็นโรงปัก โรงทอเราจะสร้างเป็นโรงงานเล็กๆ ติดป้ายหน้าโรงงานว่าสาวคนไหนตกงาน เขาก็จะขี่จักรยานมาสมัครงาน ก็ไม่ต้องมีความรู้เรื่องทอมาก่อน เราก็จะสอนให้ทุกอย่าง
ส่วนโรงปัก ก็จะเป็นคนอาวุโสหน่อย อายุ 50-60-70 ปี อย่างที่เรียนไปตอนต้นว่า ก่อนที่จะเริ่มต้นโรงงานนี้ ก็ไปศึกษาว่าชุมชนนี้เขาถนัดทำอะไร หมู่บ้านจังหวัดนี้ใครมีความถนัดในการทำอะไร ก็ไปเจอชุมชนหนึ่งซึ่งเขาถนัดการปัก ปักสวยมาก อย่างงานที่เห็นนี้ก็ทำงานกันมาเป็น 10 ปีแล้วนะ ทีแรกก็เริ่มส่งเป็นชิ้นๆ ให้ ก็อยู่กันมานานและช่วยเขาดีกว่าเขาก็ไม่อยากจะออกไปไหน ก็เลยต่อบ้านเขาเลยเป็นแบบโรงปักงานย่อมๆ เริ่มจาก 5 คนทุกเช้าเขาก็เดินมาทำงานกัน ส่งงานปักใหจนตอนนี้ 25 คนแล้ว ใช้บ้านเขานี่แหละเป็นโรงปัก เราก็จ่ายค่าน้ำค่าไฟ เราให้ค่าเช่าด้วยนะแล้วคนเหล่านี้เขาได้เงินเดือน ได้ประกันสังคม ได้ทุกอย่างจากเราหมด จากที่เริ่มเป็นรายวันตอนนี้เริ่มรับเป็นประจำ
สำหรับโปรเจกท์ที่เรานั่งกันอยู่นี้ อันนี้เป็นแบบโซโลเอ็กซิบิชั่น เป็นเอ็กซิบิชั่นเดี่ยวครั้งแรกของมุก ซึ่งก็ทำจากความรู้สึก ความรักตั้งชื่อว่า MOOKV หรือที่เรียกว่ามดลูกนั่นเอง งานนี้แรงบันดาลใจมาจากฟิล์มอัลตราซาวนด์ที่ได้จากตอนที่หมอถ่ายระหว่าง 13-14 วีคที่ท้อง พอรู้ว่ามีลูกแฝด 3 ก็มันค่อนข้างจะเป็นอะไรที่ยากลำบากมากในการท้องหรืออุ้มแฝด ก็เอาฟิล์มทั้งหมดกลับมาดู แล้วก็มาทำเป็นแรงบันดาลใจในการทำผลงานทั้งหมด ทำจากฝีมือคนงานชาวบ้านนี้เอง ทั้งปัก ทั้งทอ ทั้งถัก ทั้งหมดมี 20 ชิ้น แต่ตอนนี้เหลือแค่ 4 ชิ้น ก็ได้ถูกซื้อไปแล้ว ใน 20 ชิ้นนี้ใช้เวลาจากวันที่เริ่มคุยตกลงว่าจะทำเอ็กซิบิชั่น หาแรงบันดาลใจ รวบรวมข้อมูล จนออกมาเป็นงาน ประมาณเกือบสองปี
ถามว่ามุกแบ่งเวลาในการบริหารงานและชีวิตส่วนตัวอย่างไร คือชีวิตมุกค่อนข้างยุ่งมาก ซึ่งดีอย่าง มันจะทำให้เราที่ผู้หญิงเนี่ยจะมีโมเม้นท์ดราม่า บางทีเราฟูมฟายร้องไห้มุกเนี่ยนอยด์มาก คือมันไม่มีเวลาให้นั่งแล้วเศร้าคือบางทีทำธุรกิจ มันมีปัญหาทั้งนั้น เศรษฐกิจไม่ดี ขึ้นๆ ลงๆ 3 ปีดี 3 ปีลง มันจะเป็นเคิร์ฟมันมีต้องเครียดแน่นอน แต่ความที่ชีวิตเรายุ่งมาก เราก็จะเหมือนเปิดลิ้นชักเอาความเครียดเก็บไปก่อน กลับบ้านไปเล่นกับลูก เช้าตื่น 6 โมงเช้า ดูลูกกินข้าวไปโรงเรียนให้เรียบร้อย สามีไปส่งไปโรงเรียน ระหว่างที่สามีไปส่งลูกไปโรงเรียน เราเล่นกีฬาทุกวัน สัปดาห์ละ 5 วัน
เล่นกีฬานี่ดี ทำให้จิตใจสดใส ไม่เครียดเล่นกีฬาเสร็จไปทำงาน ทำงานเสร็จตกบ่ายก็ไปรับลูก เพราะโรงเรียนอยู่ใกล้ออฟฟิศรับลูกเสร็จ กลับบ้าน เรากลับมาทำงานต่อ บางทีก็นั่งรถไฟฟ้าไปเจอลูก รถไฟฟ้านี่ช่วยชีวิตมาก สามารถไปเจอลูกตามที่ลูกทำกิจกรรมต่างๆ เสร็จกลับบ้าน ดูลูกกินข้าว บางทีก็แว่บออกไปงานบ้าง เพราะมันต้องทำ เขาเรียกเนตเวิร์กกิ้ง การเจอคนที่งานได้คุยเรื่องงาน คุณทำอะไรอยู่ตอนนี้ มุกทำอย่างโน้นอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งมุกถือเป็นการทำงานอย่างหนึ่ง”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี