อาทิตย์นี้ขอตามรอยภูมิเมืองไปยังนครเชียงใหม่แห่งอาณาจักรล้านนาเก่า ด้วยมีความสนใจถึงการสถาปนาพระพุทธศาสนาลังกาวงศ์ในอดีตโดยเฉพาะวัดอุโมงค์ หรืออุโมงค์เถรจันทร์อันเป็นวัดเก่าที่ต่อมานั้น “พระเจ้ากือนาธรรมิกราช” ทรงสร้างอุโมงค์ถวายแด่พระมหาเถรจันทร์ พระเถระผู้เชี่ยวชาญพระไตรปิฎกได้ใช้ปฏิบัติธรรม ส่วนความเป็นมานั้นมีความเล่าว่าเมื่อครั้งพญามังรายมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์มังราย ตกลงพระทัยสร้างเมืองใหม่ที่ป่าเลาคา (ต้นเลาคา และต้นหญ้าคา)ซึ่งอยู่ระหว่างแม่น้ำปิงกับดอยสุเทพนั้น ได้แต่งตั้งราชบุรุษถือพระราชสาส์นทูลเชิญพระสหายร่วมนํ้าสาบาน คือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช เจ้าผู้ครองนครสุโขทัย และพญางำเมือง เจ้าผู้ครองนครพะเยา มาปรึกษาการสร้างเมืองที่ เวียงเหล็ก คือ บริเวณวัดเชียงมั่น โดยสามกษัตริย์ตกลงกันให้สร้างราชธานีใหม่ กว้าง 800 วา ยาว 1,000 วา เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวจากตะวันออกไปสู่ทิศตะวันตกแล้วทำพิธีฝังเสาหลักเมืองในวันพฤหัสบดี เดือนแปดเหนือ หรือเดือนหกใต้ ปีวอก พ.ศ.1839 แล้วใช้พลเมือง 5 หมื่นคนสร้างพระราชมณเฑียรสถาน ส่วนอีก 4 หมื่นคนช่วยกันขุดคูเมือง และกำแพงเมือง ก่อสร้างอยู่เป็นเวลา 4 เดือนจึงแล้วเสร็จสมประสงค์พร้อมกับจัดฉลองพระนครใหม่ 7 วัน 7 คืน
กษัตริย์ทั้งสามได้พร้อมใจกันตั้งนามเมืองใหม่ว่า “เมืองนพบุรี ศรีนครพิงค์ เชียงใหม่”หลังจากสร้างพระนครใหม่เรียบร้อยแล้ว พญามังรายมหาราชได้สร้างวัดสำคัญทั้งฝ่ายคามวาสีสำหรับพระภิกษุเรียนพุทธวัจนะไว้ประจำเมืองทั้ง 4 ทิศพร้อมทั้งวัดหลวงอยู่ภายในพระราชวัง และฝ่ายอรัญวาสีสำหรับภิกษุที่เรียนพุทธวัจนะแล้ว ออกไปหาความสงบในป่า บำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานอยู่ที่บริเวณชานพระนครขึ้นหลายวัด เช่น วัดเก้าถ้าน เป็นต้น
พญามังรายมหาราช ทรงทำนุบำรุงพระศาสนาและพระภิกษุสามเณร ทั้งฝ่ายคามวาสี และอรัญวาสีด้วยศรัทธาถวายปัจจัยสี่ ให้ศึกษาและปฏิบัติพระธรรมวินัยตามความสามารถแห่งตนอย่างดียิ่งทั้งสองฝ่าย ครั้นเมื่อพระองค์ทรงทราบว่า พ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระสหายผู้ครองนครสุโขทัย ได้ส่งคนไปนิมนต์พระสงฆ์จากเมืองลังกา ที่อยู่เมืองนครศรีธรรมราช มาสั่งสอนเผยแพร่ธรรมแก่ชาวเมืองสุโขทัยและปรากฏเกียรติคุณว่า พระสงฆ์ลังกานั้นแตกฉานพระไตรปิฎกและเคร่งครัดในพระธรรมวินัยยิ่งกว่าพระภิกษุไทยที่มีอยู่เดิม จึงศรัทธาเลื่อมใส ประสงค์จะได้พระลังกามาเป็นหลักพระพุทธศาสนาในเมืองเชียงใหม่บ้าง จึงได้จัดเจ้าหน้าที่ขอพระสงฆ์ลังกา 5 รูป จากพ่อขุนรามคำแหงมหาราชมา โดยมีพระมหากัสสปะเถระ เป็นหัวหน้าคณะ เมื่อคณะสงฆ์จากลังกามาแล้วพระองค์เกิดลังเลพระทัยไม่ถูกว่าจะนิมนต์พระลังกา 5 รูป นี้ไปจำอยู่วัดใดดีด้วยพระภิกษุฝ่ายคามวาสีก็เกรงว่าพระลังกาจะไม่สบายใจด้วยวัตรปฏิบัติอาจจะไม่เหมือนกัน
จำลองภาพที่หายไปให้เห็น
ในที่สุดพระองค์ได้ตกลงพระทัยสร้างวัดฝ่ายอรัญวาสีเฉพาะพระลังกาขึ้นอีกวัดหนึ่งต่างหาก ณ บริเวณป่าไผ่ 11 กอ ด้วยพระองค์ประสงค์สร้างเป็นอนุสรณ์ในการนำพุทธศาสนาแบบลังกาวงศ์มาประดิษฐานในลานนาไทยเป็นครั้งแรกจึงขอให้พระมหากัสสปะเถระเป็นผู้วางแผนผังวัดตามแบบอย่างลังกา ครั้งนั้นพระมหากัสสปะเถระวางผังวัดออกเป็นเขตพุทธาวาสคือสถานที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า เช่น พระเจดีย์ พระอุโบสถ และเขตสังฆาวาส คือสถานที่เกี่ยวกับพระสงฆ์ เช่น สาลาแสดงธรรม กุฏิพระโรงฉัน โดยพญามังรายมหาราชได้ทรงอุปถัมภ์การสร้างวัดนั้นตามแบบเมืองลังกาทั้งหมดโดยเฉพาะพระเจดีย์ใหญ่ก็สร้างแบบทรงเจดีย์ลังกามีลวดลายสวยงามชัดเจน
ต่อมาพระเจ้ากือนาธรรมิกราช รัชกาลที่ 9ราชวงศ์มังรายได้บูรณะขึ้นใหม่ด้วยการพอกปูนทับของเก่า พร้อมกับการสร้างอุโมงค์ให้พระมหาเถรจันทร์ อยู่ระหว่าง พ.ศ.1910-1930 อุโมงค์หรือถํ้ามีทางเข้า 3 ทาง ตั้งอยู่ตลอดแนววัดด้านตะวันตก และมีศาลาตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจากหน้าอุโมงค์ไปประมาณ 1 เส้น ด้านหลังสามารถขึ้นบนฐานพระเจดีย์ทรงลังกาได้ เมื่อสร้างอุโมงค์เสร็จเรียบร้อยจึงได้ทำการฉลอง พร้อมกับทรงตั้งนามวัดว่า วัดเวฬุกัฏฐาราม แปลว่าวัดไผ่ 11 กอ จากนั้นได้นิมนต์คณะสงฆ์จากลังกาเข้าอยู่จำพรรษาเพื่อบำเพ็ญสมณธรรม และเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อไป อุโมงค์แห่งนี้มีการเขียนลวดลายอย่างลังกา นับเป็นภูมิอรัญวาสียุคแรกของพระลังกาวงศ์ที่เกิดขึ้นในอาณาจักรล้านนา
อุโมงค์เถรจันทร์ที่มีภาพเขียนด้านบน
พระเจดีย์ทรงลังกาแห่งแรก
ภาพเขียนภายในอุโมงค์เถรจันทร์
แผ่นอิฐที่สลักภาพสัตว์
เศียรพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่เหลืออยู่
ชิ้นส่วนของพระพุทธรูปจำนวนมาก
เจดีย์วัดอุโมงค์อีกองค์หนึ่ง
ภาพเขียนภายในอุโมงค์ที่เหลืออยู่ ในปัจจุบัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี