นพ.นำ ตันธุวนิตย์
ผู้บริหารโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เผยการสร้างมาตรฐานการรักษาและดูแลผู้ป่วยของโรงพยาบาลด้วยการวางแผนการรักษาอย่างเป็นระบบ เน้นความเชี่ยวชาญของบุคลากรทางการแพทย์แบบองค์รวม ผนวกเข้ากับเทคโนโลยีการแพทย์ที่ทันสมัย เพื่อให้เกิดผลการรักษาที่ดียิ่งขึ้น จนได้รับการยอมรับจากนานาชาติให้เป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในเอเชียที่ได้รับรองมาตรฐาน Joint Commission International (JCI) และเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับการประกาศรับรองคุณภาพโรงพยาบาลไทย (Hospital Accreditation-HA) อีกทั้ง เว็บไซต์ www.ontoplists.com ยกย่องให้เป็นโรงพยาบาลอันดับที่ 9 จาก 10 อันดับโรงพยาบาลที่ให้การรักษาดีที่สุดโนโลก (Top 10 Hospitals In The World) เมื่อต้นปี 2558
นพ.นำ ตันธุวนิตย์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร และผู้อำนวยการด้านการแพทย์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่าผู้ป่วยโดยเฉพาะผู้สูงวัยที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งคาดว่าในปี 2583 ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปีถึง 20 ล้านคน และโดยเฉลี่ยแต่ละคนต้องดำรงชีวิตต่ออีก 20-30 ปี หรือ1 ใน 3 ของชีวิต ดังนั้น ควรเลือกรักษากับสถานพยาบาลที่ให้การรักษาแบบครอบคลุมทั้งระบบเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการรักษาที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ให้ความสำคัญ และเปิด “คลินิกสุขภาพผู้สูงอายุนิวไลฟ์” เพื่อรองรับการรักษาในจุดนี้โดยเฉพาะ
คลินิกสุขภาพผู้สูงอายุนิวไลฟ์ของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ให้บริการรักษาแบบองค์รวมแก่ผู้สูงอายุ ตั้งแต่การดูแลสุขภาพทั่วไป ให้คำปรึกษาเฉพาะทางที่เกี่ยวกับโรคเรื้อรังต่างๆ อย่าง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคที่เกี่ยวข้องกับอายุที่เพิ่มขึ้น เช่น โรคพาร์กินสัน สมองเสื่อมกระดูกพรุน ข้อเสื่อม ปัญหาในการควบคุมการขับถ่าย การทรงตัว การเคลื่อนไหว รวมถึงปัญหาทางด้านโภชนาการ เบื่ออาหาร น้ำหนักลดจน ตลอดจนการดูแลเชิงป้องกัน โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ และบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางการบริการ
อีกปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ แตกต่างจากสถานพยาบาลอื่นๆ ในเรื่องการรักษาแบบองค์รวม นพ.นำ ตันธุวนิตย์ ระบุว่าคือสร้างและพัฒนาบุคลากรทุกภาคส่วนของโรงพยาบาล ให้กลายเป็นฟันเฟืองช่วยขับเคลื่อนระบบให้ดำเนินไปอย่างสมบูรณ์ โดยผนวกความรู้ความสามารถของบุคลากรของโรงพยาบาลกับนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อยกระดับการดูแลรักษาผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้น ซึ่ง “ศูนย์ฝึกทักษะการดูแลผู้ป่วยด้วยสถานการณ์เสมือนจริง” หรือ “Simulation Training Center” คือ เครื่องมือช่วยฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์ให้เกิดความชำนาญในการดูแลผู้ป่วย และสามารถปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัยในทุกขั้นตอน
“เชื่อว่าทุกโรงพยาบาลต่างเฟ้นหานวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยและดีที่สุด มาใช้รักษาผู้ป่วยให้กลับมามีคุณภาพชีวิตเหมือนเดิม แต่สิ่งที่สำคัญและเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จ ในการดูแลผู้ป่วยในแบบที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ทำ ก็คือการทำงานสอดประสานกันอย่างลงตัว ระหว่างแพทย์ที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ และบุคลากรที่ทำงานด้วยความทุ่มเท รวมถึงเทคโนโลยีที่คัดสรรอย่างดีที่สุด โดยทั้งหมดทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเพื่อให้การรักษาผู้ป่วยได้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม”
ทั้งนี้ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เปิดบริการในปี พ.ศ.2523 การพัฒนาในทุกด้านอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์กลายโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถให้บริการผู้ป่วยในได้ถึง 580 เตียง มีศูนย์แพทย์เฉพาะทางกว่า 30 ศูนย์ โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกว่า 1,200 คน และบุคลากรจากหลากหลายสาขาวิชาชีพรวมถึงพนักงานฝ่ายต่าง ๆ รวม 4, 800 คนพร้อมให้บริการผู้ป่วยมากกว่า 1.1 ล้านคนในแต่ละปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยชาวต่างชาติราว 520,000 คนจาก 190 ประเทศทั่วโลก และก้าวไปถึงหนึ่งในจุดหมายปลายทาง กับการเป็นสถาบันการแพทย์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก จากรางวัล “โรงพยาบาลนานาชาติยอดเยี่ยม ประจำปี 2558” จัดโดย วารสารการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์นานาชาติ (International Medical Travel Journal: IMT ขณะที่เว็บไซต์ www.ontoplists.com ยกย่องให้โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เป็นโรงพยาบาลอันดับที่ 9 จาก 10 อันดับโรงพยาบาลที่ให้การรักษาดีที่สุดโนโลก (Top 10 Hospitals In The World) เมื่อต้นปี 2558
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี