ภาพสลักนาคที่สวยงามของหน้าบัน
ทุกปีนั้นกระทรวงวัฒนธรรมได้นำคณะฑูตานุฑูตเข้าร่วมโครงการวัฒนธรรมสัญจร เพื่อนำชมแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นแหล่งที่มีศักยภาพเพื่อการเสนอชื่อขึ้นบัญชีเป็นแหล่งมรดกโลกในอนาคตให้เป็นที่รับรู้ในสังคมโลก อาทิตย์นี้ ได้ตามรอยไปกับนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม หลังจากที่โครงการนี้ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมา ๘ ครั้งแล้วคือ เมื่อปีพ.ศ.๒๕๕๑นั้นได้จัดชมแหล่งมรดกโลกสุโขทัย ศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ๒ครั้ง พ.ศ.๒๕๕๓จัดชมแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงและอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จ.อุดรธานี พ.ศ.๒๕๕๔จัดชมเส้นทางวัฒนธรรมปราสาทพิมาย ปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และแหล่งมรดกโลกเขาใหญ่ จ.นครราชสีมาและจ.บุรีรัมย์ พ.ศ.๒๕๕๕จัดชมนครประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ศ.๒๕๕๖ จัดชมโบราณสถานของนครศรีธรรมราช พ.ศ.๒๕๕๗ จัดชมโบราณสถานที่จ.น่าน และพ.ศ.๒๕๕๘จัดชมโบราณสถานที่ จ.อุดรธานีและนครหลวงเวียงจันทร์ และครั้งนี้โครงการวัฒนธรรมสัญจรสำหรับคณะทูตานุทูตเป็นครั้งที่๙โดยนำคณะทูตานุทูตสัญจร ที่ จ.สระแก้ว และ จ.บันเตียเมียนเจย กัมพูชา วันที่ ๖-๗ พฤศจิกายน ซึ่งมีคณะทูตานุทูตเข้าร่วมกิจกรรม ๑๙ประเทศ ได้แก่ อาร์เจนตินา เบลเยี่ยม กัมพูชา ชิลี เช็ก เฮลเลนิก (กรีซ) อินโดนีเซีย อิสราเอล คูเวต ลาว ลิเบีย โอมาน ปานามา สเปน ศรีลังกา สวิส ติมอร์-เลสเต อินเดีย บังคลาเทศและเวียดนาม
คณะฑูตชื่นชมบรรยากาศทางวัฒนธรรม
แหล่งโบราณคดีที่น่าสนใจของมรดกทางวัฒนธรรมครั้งนี้ เนื่องจากจ.สระแก้วมีพื้นที่ชายแดนที่ติดต่อกับจังหวัดบันเตียนเมียนเจย ของกัมพูชา ซึ่งเป็นแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมร่วมสมัยกัน คือมีปราสาทบันทายฉมาร์ และปราสาทบันทายทัพอยู่ในกัมพูชาและมีปราสาทสด๊กก๊อกธม อยู่ในจังหวัดสระแก้ว ซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างสองประเทศ จึงเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก ดังนั้นการส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจในด้านความเชื่อมโยงทางประวัติศาสตร์มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ระดับภูมิภาคร่วมกันนั้น จึงแป็นหนทางที่นำไปสู่ความร่วมมือและการสนับสนุนงานด้านต่างๆ ทำให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือด้านวัฒนธรรมกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่วัฒนธรรมเดียวกันในประชาคมอาเซียนได้
ช่องประตูหลังปราสาทสด๊กก๊อกธม
สำหรับปราสาทสด๊กก๊อกธม นั้นตั้งอยู่ในเขตพื้นที่บ้านหนองเสม็ด หมู่ที่ ๙ ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว อยู่ห่างจากอำเภออรัญประเทศไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ ๓๕ กิโลเมตร อยู่ห่างจากอำเภอตาพระยามาทางทิศใต้ประมาณ ๑๕ กิโลเมตร จัดเป็นปราสาทหินขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกของประเทศไทย สร้างด้วยหินและศิลาแลง ตามลักษณะศิลปะขอมแบบคลัง-บาปวน ในคริสต์ศตวรรษที่ ๑๑สมัยพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ ๒ (Udayadityavarman II) บริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือของปราสาทนั้นพบคำจารึกเป็นภาษาสันสกฤต ความยาว ๓๔๐ บรรทัด ระบุความเป็นมาของการก่อสร้างปราสาทแห่งนี้ การพบศิลาจารึกสด๊กก๊อกธมหลักที่๒ นั้นถือว่าเป็นบันทึกสำคัญที่ทำให้รู้เรื่องราว ประวัติศาสตร์ของขอมโบราณ นับจากสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๒ (พ.ศ. ๑๓๔๕-๑๓๙๓) ซึ่งเป็นกษัตริย์ผู้สถาปนาอาณาจักรเมืองพระนคร และการสถาปนาการปกครองเป็นแบบเทวราช ซึ่งได้กล่าวถึงกษัตริย์ขอมอีกหลายพระองค์ จนถึงสมัยพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ ๒ ซึ่งกล่าวถึงพราหมณ์สทาศิวะหรือศรีชเยนทรวรมัน พราหมณ์ผู้สร้างเทวสถานเมื่อมหาศักราช๙๗๔หรือพ.ศ.๑๕๙๕เพื่อฟื้นฟูดินแดนภัทรปัตนะที่ถูกทำลายลง เทวสถานนี้ชื่อ ภัทรนิเกตน ที่มาเรียกภายหลังจนติดปากว่า”ปราสาทสด๊กก๊อกธม “ปัจจุบันนักโบราณคดีของกรมศิลปากรได้ทำการบูรณะบริเวณปรางค์ประธานจากสภาพที่พังยับเยินจนเป็นโบราณสถานอันงดงามตามแบบอนัสติโลซิส(ANASTYLOSIS)ที่ใช้เวลาถึง๑๔ปี และปรับบริเวณโดยรอบให้เห็นบารายขนาดใหญ่ ตลอดจนร่องรอยโบราณสถานที่ถือว่ามีบริเวณกว้างใหญ่ที่สุด
หน้าบันภาพศิวะคชาสูรล่างเป็นลายทับหลัง
ฐานโยนีตั้้งศิวลึงค์ที่เหลืออยู่
ทางเข้าปราสาทองค์ประธาน
บรรณาลัยในปราสาทสด๊กก๊อกธม
บารายหน้าปรา่สาทสด๊กก๊อกธม
ปรางค์ประธานของปราสาทสด๊กก๊อกธม
ปราสาทสด๊กก๊อกธมที่ได้รับการบูรณะใหม่
ระบำอักสราต้อนรับคณะฑูตที่สด๊กก๊อกธม
วิทยากรสำนักโบราณคดีกรมศิลปากรให้ข้อมูล
สระน้ำรอบปราสาทสด๊กก๊อกธมทั้้งสี่มุม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี