จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วันที่ 25 พฤศจิกายน ที่จะถึงนี้เป็นวันคล้ายวันเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ผู้ทรงวางรากฐานการปกครองท้องถิ่นในระบอบประชาธิปไตย อาทิตย์นี้ขอน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในพระองค์ พระผู้ทรงวางแนวทางการพัฒนาประชาธิปไตยให้คนไทยและสร้างความรักชาติบ้านเมือง เป็นการสานต่อพระราชกรณียกิจแห่งพระบรมราชชนก คือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ได้ทรงเลิกทาสเป็นไทและวางระบบการศึกษาสำหรับราษฎรโดยใช้วัดเป็นโรงเรียนไว้ก่อนแล้ว
ด้วยเหตุที่พระองค์ทรงสำเร็จการศึกษาจากประเทศอังกฤษที่มีความเจริญในทวีปยุโรป พระราชกรณียกิจแรกเมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์ใน พ.ศ.2453 นั้นคือ การทรงงานพระราชนิพนธ์หนังสือต่างๆ ทั้งร้อยแก้ว ร้อยกรอง บทกวี และบทละคร ไว้มากมากยจนเรียกว่าเป็นยุคทองของละครพูดและการปลุกใจให้รักชาติ โดยเฉพาะการจัดการศึกษาของประชาชน พระองค์ทรงตั้งโรงเรียนมหาดเล็กหลวง คือ วชิราวุธวิทยาลัย เพื่อเป็นต้นแบบการศึกษา ตั้งกองเสือป่า กองลูกเสือ เพื่อสร้างอุดมการณ์แห่งพลเมืองให้มีความรู้และรักชาติบ้านเมือง ด้วยคำขวัญ คำปฏิญาณจนเป็นที่มาของคำปฏิญาณของลูกเสือ ของทหารรักษาดินแดนและเหล่าทหารหาญจนทุกวันนี้ การศึกษาที่ให้ประชาชนมีความรู้นั้น ทรงตั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันอุดมศึกษาแห่งแรกเมื่อ พ.ศ.2456 ต่อมาพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดฯให้ตราพระราชบัญญัติ ประถมศึกษาฉบับแรกขึ้นเมื่อ พ.ศ.2464 ทำให้มีการตั้งโรงเรียนประถมขึ้นทั่วประเทศ
สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า
ในการวางรากฐานการปกครองแบบประชาธิปไตยนั้นต้องถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับขุนนางในสมัยนั้น พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองจำลองประชาธิปไตย “ดุสิตธานี” เมื่อเดือนกรกฎาคมพ.ศ.2461 ที่ริมอ่างหยกภายในพระราชวังดุสิต ต่อมา พ.ศ.2462 พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองจำลองนี้ไปตั้งที่สนามด้านหลังพระที่นั่งพิมานจักรี ในพระราชวังพญาไท ซึ่งปัจจุบันคือโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ เมืองจำลอง “ดุสิตธานี” นี้ในอดีตตั้งอยู่บนเนื้อที่ 2 ไร่ครึ่ง ประกอบด้วยสถาปัตยกรรมหลากหลายกว่า 300 หลัง ได้แก่พระราชวัง วัด โรงเรียน โรงพยาบาล โรงแรม โรงทหาร ธนาคาร สถานีตำรวจ สวนสาธารณะ และบ้านเรือนของ ทวยนาคร ซึ่งหมายถึง พลเมือง ของ “ดุสิตธานี” อันล้วนเป็นข้าราชการกระทรวงมหาดไทย โดยพระองค์นั้นทรงเป็นทวยนาครคนหนึ่ง ทรงพระนามว่า “นายราม ณ กรุงเทพ” มีอาชีพทนายความ และเป็นผู้นำพรรคแพรแถบสีน้ำเงิน โดยมีพรรคแพรแถบสีแดงเป็นคู่แข่งขัน โดยมีธรรมนูญลักษณะการปกครองคณะนคราภิบาล ซึ่งถือว่าเป็นต้นแบบรัฐธรรมนูญที่ต้องมีการเลือกตั้งและประชุมร่วมแสดงความคิดเห็นร่วมกัน เป็นการสร้างวิถีประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาให้ขุนนางได้เข้าใจ ต่อมาภายหลังพระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดให้ตราข้อบังคับลักษณะการปกครองหัวเมืองชั่วคราวขึ้น
ในเรื่องเสรีภาพของสื่อและประชาชนนั้น พระองค์ทรงเปิดโอกาสให้มีการแสดงความคิดเห็นโดยให้สิทธิเสรีภาพในการเขียน การประพันธ์แบบเดียวกับประเทศประชาธิปไตย ทรงออกหนังสือพิมพ์ “พิมพ์ไทย” นิตยสารต่างๆ เช่น “ดุสิตสมิต ดุสิตสมัย สมุทรสาร ทวีปัญญา วิทยาจารย์ เป็นต้น ทรงใช้นามปากกาหรือนามแฝง (PEN NAME) ตามแบบวิชาการหนังสือพิมพ์ตะวันตก โดยพระองค์จะทรงฝึกหัดให้มีการวิพากษ์ วิจารณ์ แสดงความคิดเห็น ล้อเลียนอย่างกว้างขวาง แม้จะมีการโต้ตอบจนเป็นคดีหมิ่นประมาทก็ทรงอภัยโทษ เป็นการสร้างพื้นฐานแห่งเสรีภาพในวิถีประชาธิปไตย ภายหลังพระองค์ทรงวางแนวทางกิจการของหนังสือพิมพ์โดยให้ตราพระราชบัญญัติสมุดเอกสารและหนังสือพิมพ์ขึ้น เพื่อให้เจ้าของและบรรณาธิการมีความรับผิดชอบในวิชาชีพและให้สิทธิอันควรแก่วิสัยของหนังสือพิมพ์ในการแสดงความคิดเห็นตามสมัยของบ้านเมืองต่อไปถือเป็นพ.ร.บ.หนังสือพิมพ์ฉบับแรก พระองค์จึงทรงเป็น “บิดาแห่งการหนังสือพิมพ์ไทย” และสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าผู้ทรงวางต้นแบบวิถีประชาธิปไตยแบบไทยของแผ่นดิน สืบจนทุกวันนี้
วชิราวุธวิทยาลัยสมัย ร.6
ดุสิตธานีมีโรงแรมเมโตรโปล ใช้เลือกตั้ง
ดุสิตธานี-เมืองจำลองประชาธิปไตย
ละครพูดเรื่องพระร่วง
ร.6 กับนายกองเสือป่า
ร.6 กับผู้บังคับบัญชากองเสือป่า
ดุสิตสมิต
พระราชนิพนธ์เทศนาเสือป่า เล่ม 1
ร.6 กับกองเสือป่า
ลายพระหัตถ์ ร.6 ต่อเยาวชนสยาม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี