สำหรับคนที่รักสุขภภาพ อยากที่จะเริ่มออกกำลังกาย คุณรู้หรือไม่ว่า อาหารที่ควรกินก่อนออกกำลังกายนั้น ไม่ควรทานเป็นอาหารมื้อหนัก แต่ก่อนออกกำลังกายก็ควรกินอาหารเพื่อให้อาหารเหล่านั้นเข้าไปเสริมสร้างกล้ามเนื้อ หนุ่มสาวรักสุขภาพลองมาดูกันว่า ก่อนออกไปฟิตเฟิร์มสุขภาพ เราควรกินอะไรถึงจะดี
1. ดื่มน้ำให้พอ
เพื่อป้องกันภาวะร่างกายขาดน้ำจากการเสียเหงื่อ อย่างน้อยควรดื่มน้ำให้ได้ประมาณ 300 มิลลิลิตร และควรเป็นการดื่มน้ำในลักษณะค่อยๆ จิบ เพื่อป้องกันอาการจุก
2. โฮลเกรน โฮลวีต
คาร์โบไฮเดรตเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกาย โดยเฉพาะผู้ที่ออกกำลังกายควรได้รับพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตเพื่อให้มีแรงออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาร์โบไฮเดรตเหล่านั้นก็ควรเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนอย่างธัญพืชไม่ขัดสี โฮลเกรน หรือขนมปังโฮลวีทสัก 2 แผ่น เป็นต้น
3. นมไขมันต่ำ โยเกิร์ต หรือซีเรียล
อาหารทั้งหมดนี้อุดมไปด้วยโปรตีนและกรดอะมิโนที่สำคัญ ซึ่งจะช่วยเติมพลังงานให้ร่างกายมีแรงออกกำลังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ทั้งนี้ก็ควรเลือกกินนมสดไขมันต่ำ โยเกิร์ตไขมันต่ำ น้ำตาลน้อย และซีเรียลที่ให้พลังงานต่ำกว่า 200 กิโลแคลอรี เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับพลังงานมากเกินไปจนเบิร์นไม่หมด
4. ไข่
ไข่เป็นแหล่งโปรตีนที่ร่างกายย่อยง่าย กินอร่อย และช่วยสร้างกล้ามเนื้อได้อีกต่างหาก โดยก่อนออกกำลังกายสัก 2 ชั่วโมงควรรับประทานไข่ต้ม 1 ฟอง หรือจะเลือกกินแต่ไข่ขาวสัก 2 ฟองก็เลือกเอาที่สบายใจ
5. กาแฟ
คาเฟอีนเป็นตัวสำคัญในการปลุกความสดชื่นให้ร่างกาย อีกทั้งคาเฟอีนในกาแฟยังช่วยลดความปวดล้าของกล้ามเนื้อไปพร้อมกัน แต่เมนูนี้ควรกินก่อนออกกำลังกายตอนเช้าเท่านั้น เพราะหากดื่มกาแฟก่อนออกกำลังกายตอนเย็นคงตาค้างทั้งคืนแน่ๆ
6. กล้วย
กล้วยเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม อีกทั้งยังมีคาร์โบไฮเดรตกลุ่มดูดซึมช้า จึงเป็นผลไม้ที่เหมาะจะรับประทานก่อนออกกำลังกาย เพราะคาร์โบไฮเดรตในกล้วยจะช่วยให้ร่างกายมีแรง ส่วนโพแทสเซียมก็จะเข้าไปเสริมให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้า
7. ข้าวโพดต้ม
คาร์โบไฮเดรตชนิดดีและย่อยง่ายอีกตัวหนึ่งสามารถหาได้จากข้าวโพดต้มถ้วยเล็กๆ โดยคาร์โบไฮเดรตในข้าวโพดต้มจะเปลี่ยนตัวเองเป็นพลังงานและน้ำตาลเพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ขณะออกกำลังกายนั่นเอง
8. แซลมอน
แซลมอนอุดมไปด้วยโปรตีน และกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่เป็นพลังงานชั้นยอดของร่างกาย อีกทั้งสารอาหารในแซลมอนยังมีส่วนกระตุ้นให้ระบบเผาผลาญทำงานได้เต็มสูบมากขึ้น ดังนั้นแซลมอนจึงจัดเป็นอาหารที่ควรกินก่อนออกกำลังกายอย่างยิ่ง
9. ข้าวโอ๊ต
ข้าวโอ๊ตอุดมไปทั้งคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน โปรตีน และวิตามินอีกสารพัด ทำให้กล้ามเนื้อมีแรงในการออกกำลังกาย แถมข้าวโอ๊ตยังมีไฟเบอร์สูง ช่วยชะลอการดูดซึมไขมันที่จะมาพอกพูนตรงหน้าท้องได้อีกด้วย
10. แตงโม
แตงโมเหมาะจะกินก่อนออกกำลังกายประมาณ 30-60 นาที โดยเฉพาะหากวันไหนไม่ได้กินอาหารประเภทแป้งก่อนออกกำลังกายราว 2-3 ชั่วโมง เนื่องจากแตงโมมีน้ำตาลฟรุกโตสที่จะเข้าไปทำหน้าที่แทนไกลโคเจนในตับซึ่งถูกร่างกายดึงไปใช้งานในระหว่างวันจนเหลืออยู่น้อย ไม่เพียงพอต่อการสร้างโปรตีนเลี้ยงกล้ามเนื้อ อีกทั้งเมื่อร่างกายได้รับน้ำตาลฟรุกโตสจากแตงโมก่อนออกกำลังกาย เราเองก็จะรู้สึกสดชื่น กล้ามเนื้อเองก็จะมีความอึดมากขึ้น ไม่รู้สึกเหนื่อยล้าง่ายๆ
11. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี
ไม่ว่าจะเป็นสตรอว์เบอร์รี ราสป์เบอร์รี เชอร์รี หรือบลูเบอร์รี ต่างก็เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีและน้ำตาลฟรุกโตสปริมาณสูง ซึ่งทั้ง 2 ส่วนประกอบนี้ในผลไม้ตระกูลเบอร์รี เหมาะที่จะถูกนำเข้าไปเติมเต็มเซลล์ในร่างกายและกล้ามเนื้อที่เหนื่อยล้าจากการออกแรงหลังออกกำลังกายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะส่วนไกลโคเจนในตับ หากได้รับน้ำตาลฟรุกโตสจากผลไม้เข้าไป ปริมาณไกลโคเจนในตับก็จะได้รับการเติมเต็ม หลังจากที่ถูกดึงไปใช้งานในช่วงที่ออกกำลังกาย ทำให้รู้สึกเหนื่อยน้อยลง
12. หมากฝรั่งหรือลูกกวาดรสหวานสดชื่น
เทรนเนอร์แนะนำให้กินหมากฝรั่งรสมินต์หรือลูกกวาดรสหวานสดชื่นสักประมาณ 25 กรัมก่อนออกกำลังกาย โดยเฉพาะในวันที่กินอาหารก่อนออกกำลังกายมาน้อยเหลือเกิน หรือวันที่รู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลียมากกว่าปกติ น้ำตาลในหมากฝรั่งและลูกกวาดจะเข้าไปช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น เพราะร่างกายสามารถดูดซึมน้ำตาลเหล่านี้ไปเปลี่ยนเป็นพลังงานและดึงไปใช้ในระหว่างออกกำลังกายได้ทันที
ขอบคุณ : health.kapook
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี