การรังวัดศาลาการเปรียญวัดใหญ่สุวรรณาราม
สถาปัตยกรรมพื้นถิ่นนั้นเป็นสถาปัตยกรรมที่เกิดขึ้นจากภูมิปัญญาของชุมชนที่มิได้อยู่ในเมืองหลวง ส่วนใหญ่อยู่ตามชนบทที่ห่างไกลจากความเจริญทางวัตถุธรรมในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งมีสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นแตกต่างรูปแบบกันในภาคเหนือภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคตะวันออกและภาคใต้การสร้างและฝีมือช่างหรือสถาปนิกพื้นบ้านนั้นจึงมีข้อแตกต่างกันตามสภาพสิ่งแวดล้อมของแต่ละท้องถิ่น ด้วยเหตุนี้การบันทึกงานสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุดจิต (เศวตจินดา) สนั่นไหว สถาปนิกและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้นำวิธี VERNADOC มาขยายผลในสังคมไทยจึงถือว่าเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง ด้วยแนวคิดนี้เรียกชื่อย่อเป็นสากลว่า VERNADOC ย่อมาจาก Vernacular Documentation มีวิธีการทำงานที่เรียบง่าย ข้อมูลทุกอย่างที่ได้จากการรังวัดจะถูกวาดลงบนกระดาษแผ่นเดียวในทันที โดยไม่ต้องจดบันทึกก่อนในกระดาษร่าง ส่วนเครื่องมือที่ใช้นั้นเป็นอุปกรณ์พื้นๆ เช่น กระดาษ ดินสอ ไม้บรรทัดตลับเมตร และเครื่องวัดระดับน้ำเท่านั้น เรียกว่าเป็นวิธี VERNADOC ซึ่ง มาระกุ มัตติลา (Marakku Mattila) สถาปนิกชาวฟินแลนด์ได้จัดค่ายอาสาสมัครนานาชาติครั้งแรกที่ฟินแลนด์ในปี พ.ศ.2548 และ ผศ.สุดจิต สนั่นไหว ได้นำ VERNADOC มาเผยแพร่ในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 โดยผ่านทางสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ในนามโครงการ ASA VERNADOC เพื่ออบรมเทคนิคดังกล่าวให้แก่อาสาสมัครที่สนใจและจัดแสดงผลการสำรวจรังวัดในรูปแบบนิทรรศการภาพลายเส้นต้นฉบับที่งดงามและสร้างคุณค่าอย่างประทับใจเป็นประจำมาทุกปี
การสำรวจรังวัดมรดกสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นด้วยวิธี VERNADOC นี้ แตกต่างกันจากภาพวาดหรือสเกตช์ภาพที่พบเห็นโดยทั่วไป เป็นการทำงานที่มีการเก็บข้อมูลจริงในพื้นที่ด้วยเทคนิคพื้นฐานแต่ได้คุณภาพของผลงานระดับสูง รูปแบบการทำงานนั้นมีความคาดหวังว่าผลการสำรวจรังวัดเป็นแรงบันดาลใจให้เจ้าของอาคารหรือผู้คนในชุมชนได้เห็นคุณค่าเช่นเดียวกับบุคคลภายนอกที่สนใจมองเห็นและร่วมใจกันอนุรักษ์อาคารเหล่านั้นให้ดำรงอยู่ต่อไป และคณะกรรมการวิชาการนานาชาติว่าด้วยสถาปัตยกรรมพื้นที่ (CIAV) นั้น มุ่งหวังว่าโครงการนานาชาตินี้เป็นกิจกรรมคู่ไปกับการจัดประชุมวิชาการทุกครั้ง เพื่อส่งผ่านความช่วยเหลือจากสากลสู่มรดกท้องถิ่น และสร้างผู้เชี่ยวชาญรุ่นใหม่เพื่อสานต่องานของคณะกรรมการนี้ต่อไปด้วย
สถาปนิกอาสาสมัครออกภาคสนาม
จากข้อมูลที่วัดได้ตามขนาดจริงทั้งหมดนั้นได้ถูกเขียนด้วยเส้นหมึกทำให้เป็นภาพวาดที่น่าสนใจ อันเป็นวิธีถ่ายทอดที่ทำให้ผู้คนในท้องถิ่นนั้นสามารถระลึกถึงรูปแบบอาคารจนรู้สึกสนใจและเห็นคุณค่าที่อาคารเหล่านี้เคยมีในอดีต การศึกษาสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นด้วยวิธี VERNADOC แต่ละครั้งจากมีการสำรวจภาคสนามและการเข้าค่ายในรูปงานอาสาสมัครที่ผู้ร่วมงานอาสานี้เป็นผู้จ่ายค่าเดินทางเองไปยังพื้นที่ทำงาน นอกนั้นผู้จัดการการงานจะเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายในการทำงานที่ใช้เวลา ประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งผลงานการสำรวจภาคสนามและงานรังวัดวาดภาพนั้นเสร็จพร้อมกับจัดแสดงให้คนในพื้นที่ได้ชมผลงาน ก่อนที่ผลงานนั้นจะถูกนำเสนอในการประชุมวิชาการในระดับนานาชาติต่อไป อาสาสมัครและการทำงานวิธี VERNADOC นั้นได้ทำงานกันในหลายพื้นที่เช่น ได้สำรวจรังวัดมรดกสถาปัตยกรรมหอพระไตรปิฎกวัดอัปสรสวรรค์ สำรวจรังวัดมรดกสถาปัตยกรรมสถานีรถไฟ และอาคารเก่าในตลาดของจังหวัดต่างๆ ผลงานนี้ผู้คนในท้องถิ่นได้เห็นก่อนคนอื่นรับรู้ตั้งแต่เริ่มงานภาคสนามและการทำงานรังวัดวาดภาพ สุดท้ายได้จัดนิทรรศการให้คนในท้องถิ่นรับรู้ดูแล้วรู้สึกนึกรักถึงคุณค่าในอดีต กิจกรรมนี้ทำให้เกิดมิติของผลงานและสร้างอาสาสมัครออกทำงานเพื่อสังคมให้เกิดขึ้นด้วย
ผลงานแสดงให้ชุมชนได้รับรู้
ภาพวาดผลงานหอไตรวัดอัปสรสวรรค์
ภาพโบสถ์ซางตาครู้ส
การเขียนด้วยเส้นหมึก
หนังสือรวมผลงานนานาชาติ
มาระกุ มัตติลา กับ ผศ.สุดจิต สนั่นไหว
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทอดพระเนตรผลงาน
ผศ.สุดจิต สนั่นไหวออกงานของเครือข่าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี