นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสไปอิตาลีโดยสายการบินไทย มีทางเลือกในการเข้าเมืองสองทางคือ โรม และมิลาน การเดินทางในอิตาลีไม่เหมือนประเทศอื่น เพราะแผนที่อิตาลีเป็นรูปรองเท้าบู๊ททำให้การเดินทางที่ดีคือการเลือกเข้าเมืองโรมออกมิลานหรือเข้ามิลานออกโรม ไม่ควรเลือกเดินทางเข้าออกทางเดียว หากต้องการเที่ยวเมืองหลักๆ ให้ทั่ว ไม่เช่นนั้นจะเสียเวลาในการเดินทางมาก แต่หากนักท่องเที่ยวต้องการเที่ยวภาคเหนืออย่างเดียวการเข้าและออกทางมิลานก็น่าจะสะดวก หรือเที่ยวภาคใต้อย่างเดียว การเลือกเข้า-ออกกรุงโรมก็เป็นทางเลือกที่ดี
ส่วนการเดินทางโดยรถไฟของอิตาลีโดยใช้ Italy Pass จะเหมือนกับฝรั่งเศสคือต้องจองก่อนหากใช้รถเร็ว แต่เนื่องจากค่ารถไฟแบบเที่ยวเดียวของอิตาลีไม่ค่อยแพงมาก นักท่องเที่ยวอาจจำเป็นต้องคำนวณค่าตั๋วทีละเที่ยวบวกกันก่อนซื้อ Pass อย่างไรก็ดี การเดินทางโดยรถไฟในอิตาลีแนะนำให้ใช้ first class แม้การใช้ first class จะไม่ได้ทำให้นักท่องเที่ยวไปถึงเร็วกว่า ไม่มีคนขนกระเป๋าให้ แต่นักท่องเที่ยวจะปลอดภัยจากการถูกขโมยของมากกว่าแน่นอน ยิ่งกว่านั้นตั๋ว first class ยังได้เครื่องดื่มและของขบเคี้ยวฟรีทุก stop ด้วย ถึงกระนั้นก็ตาม รถไฟทุกขบวนกลับไม่ได้มีที่นั่งfirst class จึงไม่ได้มีบริการเครื่องดื่มทุกเที่ยว ยิ่งกว่านั้นนักท่องเที่ยวที่เข้าอิตาลีทางมิลานและต้องการเดินทางต่อจากสนามบินไปเมืองอื่นอาจรู้สึกขัดใจเล็กน้อย เพราะไม่มีรถไฟออกจากสนามบินมิลานไปเมืองใดๆ เลย นักท่องเที่ยวจึงต้องเข้าเมืองไปเปลี่ยนรถที่สถานี Milan Centrale ก่อน แต่การเดินทางเข้าเมืองมิลานจากสนามบินมิลานก็ทำได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องซื้อตั๋ว milan express เพิ่มเพราะไม่รวมอยู่ใน Italy Pass และลงที่ Milan Centrale นักท่องเที่ยวยังต้องดูขบวนจากสถานีที่สนามบินให้ดี เพราะรถไฟที่วิ่งผ่านบางขบวนไม่เข้า Milan Centrale แต่ไปเข้าMilan Cordona ซึ่งอยู่คนละมุมเมืองอันจะทำให้นักท่องเที่ยวต้องเสียค่าตั๋วรถใต้ดินอีกครั้งเพื่อเดินทางไปสถานี Milan Centrale
หากนักท่องเที่ยวจะเดินทางต่อไปเมืองอื่นในตอนเย็น นักท่องเที่ยวก็ต้องฝากกระเป๋าเดินทางก่อนโดยฝากได้เฉพาะที่สถานี Milan Centrale เท่านั้น วิธีการฝากจะไม่ค่อยเหมือนประเทศอื่นตรงที่ต้องฝากกับเจ้าหน้าที่โดยป้ายที่ติดจะคิดค่าใช้จ่ายเป็นชิ้นไม่เกินใบละ 25 กิโลกรัม สนนราคาใบละ 5-6 เหรียญ ตามด้วยชั่วโมงละ 90 เซนต์ แต่เอาเข้าจริงการนับกระเป๋าจะนับเป็นคนไม่นับชิ้นกระเป๋า และไม่ชั่งกระเป๋าเลย สรุปแล้วค่าฝากกระเป๋าก็ค่อนข้างแพง ทั้งวันประมาณคนละสิบกว่าเหรียญขึ้นซึ่งมากกว่าประเทศอื่นค่อนข้างมาก แต่วิธีฝากกระเป๋าแบบนี้น่าจะเหมาะกับอิตาลีเพราะปลอดภัยกว่าฝากตู้
หลังจากเลือกสายการบิน เลือกเส้นทางการเดินทาง เข้าเมือง ฝากกระเป๋าเรียบร้อยก็ถึงเวลาช็อปปิ้งเมืองมิลาน สถานที่ช็อปปิ้งของแบรนด์เนมที่สำคัญที่สุดของเมืองก็คือ Galleria Vittorio Emanuel II หรือที่เรียกกันย่อๆ ว่า Emanuel กลางเมืองมิลานใกล้กับ Duomo นั่นเอง Emanuel หรือช็อปปิ้งมอลล์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ที่มีทั้งหมด 4 ชั้นนี้ถูกตั้งชื่อตาม Vittorio Emanuele II กษัตริย์พระองค์แรกของอิตาลี
ห้างที่ชาวมิลานเรียกกันว่า Milan’s Drawing Room นี้ถูกออกแบบโดย Giuseppe Mengoni สถาปนิกชาวอิตาลีผู้ชนะการออกแบบและเป็นผู้ออกแบบตลาดกลางในฟลอเรนซ์ในปี 1861 อาคารที่ประกอบด้วยหลังโดมโค้งขนาด 36 เมตรทำด้วยกระจกสองข้างตัดกับรูปแปดเหลี่ยมนี้ตั้งอยู่ระหว่างจัตุรัส Duomo และจัตุรัส La Scala การที่อาคารถูกก่อสร้างขึ้นในช่วงเวลาอันเจ็บปวดในการรวมชาติอิตาลี รัฐบาลจึงต้องการให้ที่นี่เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นหนึ่งเดียวของอิตาลี สถาปนิกจึงตอบสนองความต้องการยของรัฐบาลด้วยการตกแต่งที่เน้นไปยังสัญลักษณ์ของความรักชาติ เช่น ให้มีรูปเสื้อเกราะของซาวอย ส่วนที่พื้นโมเสกก็มีสัญลักษณ์ของเมืองต่างๆ เช่น หมาป่าสัญลักษณ์ของกรุงโรม วัวสัญลักษณ์ของตูริน ธงขาวแดงสัญลักษณ์ของมิลาน และดอกลิลลี่สัญลักษณ์ของฟลอเรนซ์ สำหรับนักท่องเที่ยวที่เชื่อเรื่องโชคนั้น ชาวอิตาเลียนเชื่อว่าหากใครเอาส้นเท้าขวาไปวนรอบอัณฑะของวัวตูรินซึ่งอยู่ใต้โดมจะโชคดี แต่ความเชื่อนี้อาจเกิดจากชาวมิลานที่อาจต้องการแหย่เพื่อนบ้านของตัวก็เป็นได้ นอกจากนี้บนหลังคายังมีภาพเขียนปูนเปียกของทวีปต่างๆเช่น เอเชีย แอฟริกา ยุโรป และอเมริกา ตกแต่งเป็นของแถมด้วย ยิ่งกว่านั้นเพื่อแสดงให้เห็นความยิ่งใหญ่ของอิตาลี สถาปนิกจึงออกแบบให้ Emanuel เป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดจนกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการออกแบบช็อปปิ้งมอลล์ทั่วทั้งยุโรปนับจากนั้นมา หากนักท่องเที่ยวต้องการถ่ายรูปสถาปัตยกรรมและงานตกแต่งที่เลิศหรูอลังการอย่างจุใจคงต้องมาในตอนเช้าก่อนความวุ่นวายโกลาหลจะเริ่มขึ้น
หากนักท่องเที่ยวต้องการมาแค่ช็อปปิ้งอย่างเดียว ก็รับรองได้ว่านักท่องเที่ยวจะถูกใจเพราะที่นี่มีร้านแบรนด์เนมทุกยี่ห้อโดยเฉพาะแบรนด์อิตาลี ไม่ว่าจะเป็น Prada, Gucci หลังช็อปปิ้งจนจุใจแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถที่จะชิมกาแฟและเค้กได้ที่ร้าน Savini ร้านเด็ดประจำเมืองได้ และยังสามารถเดินถ่ายรูปสถาปัตยกรรมสำคัญที่สุดของเมืองรอบห้างได้ เช่น Duomo, La Scala นักท่องเที่ยวที่มีโอกาสมาเยือนห้างแห่งนี้รับรองได้ว่านักท่องเที่ยวจะประทับใจกับการช็อปปิ้งอย่างไม่รู้ลืมสมกับเป็นเมืองแฟชั่นอย่างแท้จริง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี