ผู้อำนวยการหอศิลป์สิงคโปร์ต้อนรับคณะ
ความร่วมมือในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนนั้นผลงานศิลปะเป็นสื่อหนึ่งสำหรับการเชื่อมสายสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดีทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศสิงคโปร์นั้นเป็นประเทศหนึ่งน่าสนใจ ด้วยชาวสิงคโปร์ได้หันมารักงานศิลป์ และสนับสนุนจนเป็นกิจกรรมที่สร้างความภาคภูมิใจโดยวางเป้าหมายให้เป็นศูนย์กลางด้านศิลปะของอาเซียนรวมทั้งเป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกเข้ามาชมเป็นจำนวนมาก ซึ่งเรื่องศิลปะนั้นไทยได้ให้ความสำคัญเรื่องหอศิลป์มานานแต่ก็อยู่ในขอบเขตจำกัด ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมได้นำคณะเดินทางไปเยี่ยมชมและหารือกับผู้บริหารหอศิลป์แห่งชาติสิงคโปร์ ได้มีข้อมูลว่าหอศิลป์แห่งชาติสิงคโปร์สร้างขึ้นจากการนำอาคารเก่าที่เป็นมรดกสำคัญ จำนวน 2 หลัง คือ ศาลฎีกา และศาลาว่าการเมือง มาปรับพื้นที่ให้เชื่อมต่อเข้าหากัน โดยนำมิติด้านศิลปะ วัฒนธรรม มาใส่ลงในอาคาร เพื่อให้เป็นสถานที่ขับเคลื่อนให้เกิดความเชื่อมโยงถึงกันระหว่างเอเชียกับยุโรป ซึ่งได้เปิดหอศิลป์แห่งชาติเป็นทางการเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2558 โดอาคารสองหลังนี้มีพื้นที่ 64,000 ตารางเมตร เป็นพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีเจ้าหน้าที่เกือบ 300 คน หอศิลป์แห่งนี้มีผลงานทั้งในด้านจิตกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ ภาพถ่าย และภาพยนตร์ โดยเป็นผลงานที่ยืมจากประเทศต่างๆ มาจัดแสดงชั่วคราว ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือเป็นผลงานที่จัดแสดงถาวร ผลงานถาวรในส่วนนี้ได้ใช้เวลารวบรวมกว่า 10 ปี โดยรัฐบาลสิงคโปร์ให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง หอศิลป์แห่งชาติสิงคโปร์นี้ถือเป็นตัวอย่างในการบริหารจัดการ ถึงแม้ว่าประเทศสิงคโปร์อาจจะไม่มีศิลปินที่มีชื่อเสียงมากนักแต่ก็สามารถชักจูงให้ศิลปินที่มีชื่อจากหลายประเทศมาร่วมกิจกรรมในประเทศนี้ได้
ในโอกาสที่ไทยได้มีโครงการสร้างหอศิลป์ร่วมสมัยขึ้นในไทย การบริหารจัดการสำหรับหอศิลป์ร่วมสมัยให้มีประสิทธิภาพและความร่วมมือเป็นอย่างดีนั้น จำเป็นต้องศึกษาหาความรู้จากแหล่งที่มีหอศิลป์อยู่ในลำดับต้นๆ กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งมีสำนักงานศิลปร่วมสมัยและกิจกรรมส่งเสริมศิลปร่วมสมัยนั้น จึงได้นำแนวทางการบริหารของหอศิลป์แห่งชาติสิงคโปร์มาปรับใช้ให้เป็นประโยชน์กับหอศิลป์ร่วมสมัยของไทยที่มีการหารือถึงแนวทางของการตลาด การหาทุนองค์ความรู้ การปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน รวมทั้งการดึงเอาภาคเอกชนเข้าไปมีส่วนร่วม โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากรที่ยังขาดอีกเป็นจำนวนมาก หอศิลป์แห่งชาติสิงคโปร์นั้นได้เชิญไทยเข้าร่วมปฏิบัติงานและอบรมให้มีประสบการณ์ตรงจากการทำงาน หอศิลป์ร่วมสมัยของไทยในอนาคตนั้นจะได้รับการพัฒนาการจัดการที่ต้องสร้างเครือข่ายและให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมด้วยเช่นเดียวกับหอศิลป์แห่งชาติสิงคโปร์ ซึ่งเป็นตัวอย่างการบริหารจัดการ ถึงแม้ว่าประเทศสิงคโปร์อาจจะไม่มีศิลปินที่ดังๆ มากนัก แต่ก็สามารถนำผลงานของศิลปินที่มีชื่อเสียงของอาเซียนมาจัดแสดงผสมผสานได้อย่างลงตัว เพื่อให้เป็นศูนย์กลางด้านศิลปะของอาเซียน รวมทั้งเป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยว ทั่วโลกเข้ามาชมเป็นจำนวนมาก ดังปรากฏว่าหอศิลป์สิงคโปร์แห่งนี้ เป็นที่เก็บรวบรวมงานศิลป์สมัยใหม่จากทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วยงานศิลป์ 8,000 ชิ้น จากศตวรรษที่ 19-20 รวมถึงภาพวาด, รูปปั้น, ศิลปะการพิมพ์, ภาพถ่าย และวีดีโอ โดยเป็นการรวมผลงานของศิลปินต่างๆ ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่าง รูเดน ซาเลห์ แห่งอินโดนีเซีย, เฟอร์นันโด อามอร์โซโล กับอีเมลด้า คาจิเป้-อันดาย่าของฟิลิปปินส์, บา เนียน แห่งเมียนมา, เหงียน เกีย ทริจากเวียดนาม, ลาทิฟ โมฮิดิน ของมาเลเซีย, มณเฑียร บุญมา จากไทย และสเวย์ เคน แห่งกัมพูชาเป็นต้น หอศิลป์ยังได้จากสื่อศิลปะเป็นความพยายามของสิงคโปร์ ที่ต้องการเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม และศิลปะ เพื่อลบภาพเก่าที่รู้จักมานานว่าสิงคโปร์เป็นดินแดนแห่งการค้าและการเงินของภูมิภาคนี้ เพื่อสร้างให้หอศิลป์แห่งชาตินั่นเป็นภูมิศิลปร่วมสมัยที่ทุกคนสามารถเข้าถึงตามความสนใจและรสนิยมที่แตกต่างกันได้จากสื่อศิลปะที่ศิลปินสร้างสรรค์ผลงานขึ้น
ภาพเขียนพงศาวดารจากไทย
ห้องศิลปะสำหรับเด็ก
ภายในห้องมีภาพเขียนขนาดใหญ่
ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมนำคณะดูงานหอศิลป์
อาคารศาลฎีกา
ภาพจากเอกสารเก่า
ภายในศาลที่จัดแสดงเอกสารเก่า
อาคารว่าการเมืองสิงคโปร์
บรรยากาศเดิมของศาลฎีกา
ส่วนบนของหลังคาอาคาร
หอศิลป์แห่งชาติสิงคโปร์ (2)
การเชื่อมอาคารเพื่อจัดเป็นหอศิลป์
ผังการเชื่อมอาคารว่าการเมืองกับศาลฎีกา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี