เดือนเมษายนจัดเป็นเดือนที่ร้อนสุดๆ สำหรับบ้านเรา การที่แดดจัด ร่วมกับอากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้ สิ่งที่ควรระวังสำหรับทั้งตัวเจ้าของเองและสัตว์เลี้ยง ก็คือการ “ช็อก” หมดสติเนื่องจากภาวะที่อุณหภูมิในร่างกายสูงผิดปกติ หรือที่เราคุ้นเคยกับคำว่า “โรคลมแดด” ครับ
Heatstroke อาจเรียกกันได้หลายชื่อไม่ว่าจะเป็น โรคลมแดด โรคลมร้อน โรคลมเหตุร้อน มาจากคำว่า Heat หมายถึง ความร้อน อุณหภูมิร้อน Stroke คือการเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน หรือการอุดตันหรืออุดกลั้นการไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ในวงการแพทย์และวงการสัตวแพทย์ มักจะหมายถึง “การหมดสติที่มีสาเหตุมาจากอากาศ หรืออุณหภูมิภายนอกที่สูงขึ้น”
เป็นสภาวะที่อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการได้รับความร้อนมากเกินไป จนทำให้ร่างกายระบายความร้อนออกไปไม่ทัน มีผลทำให้อวัยวะภายในถูกทำลายและหยุดทำงาน โดยเฉพาะ ตับ ไต สมอง และลำไส้ เป็นเหตุให้สัตว์เสียชีวิตได้ในที่สุด
● โรคลมแดดเกิดในสัตว์เลี้ยงได้ด้วยหรือ?
สัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสุนัขและแมวนั้น มีโอกาสเป็นโรคลมแดดได้ง่ายกว่าในคนเสียอีก เนื่องจากผิวหนังของสุนัขนั้นถูกปกคลุมด้วยขนที่หนา อีกทั้งไม่มีต่อมเหงื่อที่จะช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายโดยเหงื่อเหมือนในคนอีกด้วย (พบต่อมเหงื่อได้เฉพาะที่อุ้งเท้า รอบปาก และรอบก้นของสุนัขเท่านั้น) ดังนั้นกลไกการระบายความร้อนออกจากร่างกายของสุนัขจึงไม่ดีเท่าของคน
โดยปกติ สุนัขจะมีอุณหภูมิของร่างกายประมาณ 102 องศาฟาเรนไฮต์ แต่ถ้าร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นถึง 106 องศาฟาเรนไฮต์ จะทำให้สมองเกิดความเสียหาย อวัยวะต่างๆ ล้มเหลว จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้
ปัจจัยที่ทำให้สัตว์มีอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นอย่างเร็วนั้น ได้แก่ อากาศที่ร้อนจัด การถูกล่ามหรือถูกขังตากแดดเป็นเวลานาน รวมถึงการออกกำลังกายอย่างหนักกลางแจ้ง เป็นต้น
● อาการที่พบ
เมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ร่างกายสัตว์จะพยายามปรับตัวโดยอ้าปากหายใจถี่ๆ หอบ เพื่อขับความร้อนออกจากร่างกาย ดังนั้นการหอบจึงเป็นทางระบายความร้อนที่ดีและเร็วที่สุดสำหรับสุนัข ลิ้นและเหงือกแดงเข้มกว่าปกติ กระวนกระวาย ตัวร้อน ตาเหลือก น้ำลายไหล ลุกไม่ไหว ม่านตาขยาย มองไม่เห็น อาเจียน ถ่ายเหลว ช็อก และหมดสติในที่สุด
อันตรายที่เกิดจะทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในสุนัขอ้วน สุนัขพันธุ์ขนยาว และสุนัขพันธุ์หน้าสั้น เช่น Pug และ Bulldog เป็นต้น
● เมื่อเกิดแล้ว เราควรปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างไร?
1.รีบนำสุนัขออกจากบริเวณที่ร้อนนั้น นำเข้าที่ร่ม หรือที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เปิดพัดลมหรือแอร์เพื่อระบายความร้อน ถอดเสื้อและปลอกคอออก แล้วรีบนำส่งสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด
2.ระหว่างนั้นให้พยายามลดอุณหภูมิของร่างกายของสุนัข โดยเช็ดตัวด้วยน้ำเย็น อาบน้ำ หรือใช้ Cold Pack ประคบตามข้อพับ ท้อง ศีรษะ และขาหนีบ ควรวัดอุณหภูมิทุกๆ 5-10 นาที เพื่อตรวจว่าอุณหภูมิของร่างกายลดลงแล้วหรือยัง
3.ถ้าสุนัขยังมีสติอยู่ สามารถให้สุนัขกินน้ำได้ เพื่อช่วยลดอุณหภูมิร่างกายและลดภาวะแห้งน้ำ (Dehydration) แต่หากสุนัขไม่รู้สึกตัวห้ามบังคับป้อนน้ำเด็ดขาด เพราะอาจทำให้สุนัขสำลักและเสียชีวิตได้เร็วขึ้น
4.สิ่งที่สำคัญ ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
● เราสามารถป้องกันการเกิดโรคลมแดดได้อย่างไร
1.จัดที่อยู่ของสัตว์ให้อยู่ในสถานที่ที่เย็นสบาย มีร่มเงาตลอดทั้งวัน เลี่ยงการล่ามสุนัขในบริเวณที่มีความร้อนสูง เช่น พื้นคอนกรีต หิน หรือทราย
2.ในช่วงอากาศร้อนจัด ต้องระมัดระวังเรื่องการออกกำลังโดยเฉพาะสุนัขที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เป็นโรคหัวใจ อ้วน อายุมาก หรือมีปัญหาระบบทางเดินหายใจ
3.ควรมีภาชนะบรรจุน้ำสะอาดให้สัตว์กินอย่างเพียงพอตลอดเวลา
4. “ห้าม” ปล่อยสุนัขทิ้งไว้ในรถ แม้จอดไว้ในร่ม เพราะอุณหภูมิภายในรถสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว อย่าชะล่าใจหรือ คิดว่าไม่เป็นไร แม้จะเป็นเวลาไม่นานก็ตาม
5.ควรพิจารณาและระวังเป็นพิเศษในการใส่ Muzzle หรืออุปกรณ์ที่ใช้ปิดปากในช่วงอากาศร้อน เพราะจะทำให้สุนัขหายใจเพื่อระบายความร้อนได้ลำบากยิ่งขึ้น
6.ในวันที่อากาศร้อนจัด ควรอาบน้ำให้สุนัขเพื่อลดอุณหภูมิของร่างกาย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี