วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
โบราณวัตถุจากประเทศเพื่อนบ้าน
วิถีชีวิตของมนุษย์นั้นมีพฤติกรรมร่วมกันไม่ว่าชาติไหน ที่เหมือนกันก็คือทุกคนต้อง กิน ขี้ ปี้ นอน และพึ่งพาปัจจัยสี่เช่นเดียวกัน ดังนั้นความจำเป็นที่ต้องมีการสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัย หาอาหารกิน รู้จักแต่งกาย และการเอาตัวรอดด้วยยารักษาโรค แม้จะมีความต้องการเหมือนกันแต่ก็มีความแตกต่างตามภูมิประเทศและสิ่งแวดล้อม ต่อเมื่อกลุ่มชาติพันธุ์อยู่ใกล้เคียงกันและสัมพันธ์ติดต่อกันแล้ว การมีวัฒนธรรมร่วมกันในอาเซียนจึงเกิดขึ้น แม้ว่าวัฒนธรรมหมายจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน และคนกับธรรมชาติ ซึ่งเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่หยุดนิ่งนั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกันในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จากการจัดนิทรรศการถาวรเรื่อง “รากแห่งวัฒนธรรมอาเซียน” ณ อาคารมหาสุรสิงหนาท ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร จึงเป็นความพยายามที่จะส่งเสริมความรู้ และทำให้เข้าใจของความเหมือนและแตกต่างผ่านงานปฏิมากรรมโบราณที่มีคุณค่าโดยเฉพาะประติมากรรมที่ได้รับมอบจากประเทศต่างๆ ในกลุ่มประเทศอาเซียน ทำให้เกิดการเรียนรู้ได้ชัดเจนว่า ประติมากรรมของแต่ละประเทศนั้นได้ถูกถ่ายทอดและสร้างสรรค์ใหม่ ให้มีรูปแบบและสร้างศิลปะเหมือนกัน กับการคิดรูปแบบใหม่จนแตกต่างตามฝีมือช่างพื้นถิ่นของแต่ละประเทศ วัฒนธรรมและศิลปกรรมต้นแบบนั้นเป็นที่เข้าใจได้ว่ามาจากอินเดีย
ดังนั้นจึงต้องเข้าใจก่อนว่าก่อนที่แต่ละพื้นที่ในแต่ละประเทศจะรับอารยธรรมจากอินเดียนั้น ช่วงเวลาหลายพันปีมาจนถึง พ.ศ.1000 ปีนั้น คนพื้นเมืองดั้งเดิมดึกดำบรรพ์ในอาเซียน มีวัฒนธรรมร่วมกันหลายเรื่องอยู่แล้วเช่น การนับถือผี ซึ่งมีการเรียกชื่อผี เหมือนกันในชื่อที่ต่างกัน เช่น ผีมด (เขมร) ผีเม็ง (มอญ) ผีฟ้าหรือผีแถน (ลาว) การนับถือสิ่งลึกลับที่สมมุติขึ้น เช่น นางนาค พญานาคา นกอินทรี พญาครุฑ โดยเฉพาะสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เช่น กบ, คางคก, งู, จระเข้, ตะกวด(เหี้ย) เป็นต้น ที่ทำให้เชื่อในเรื่องมีอำนาจบันดาลฝนฟ้าให้ตก จากการที่มักพบสัตว์เหล่านี้ทุกครั้งที่ฝนตก จึงมีการเขียนภาพเขียนบนผนังถ้ำไว้เซ่นไหว้ และสลักรูปเป็นลายเส้นบนเครื่องมือสำริด ซึ่งเป็นผลงานที่มนุษย์ได้สร้างขึ้นจากความเชื่อก่อนในคติความเชื่อที่เกิดขึ้นก่อนนั้น ต่อเมื่อประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้รับหรือถูกอิทธิพลจากอารยธรรมอินเดียมีบทบาทมากขึ้นแล้ว ก็มีการประสมประสานวัฒนธรรมดั้งเดิมจนเกิดวัฒนธรรมใหม่ที่มีทั้งคล้ายคลึงกันและแตกต่างกัน กล่าวคือ แต่ละประเทศได้รับเอาศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู-พุทธศาสนา-ศาสนาอิสลาม มานับถือและใช้เป็นหลักธรรมสร้างอำนาจ พร้อมกับการเป็นอาณานิคมในความเชื่ออย่างใหม่ ซึ่งหลัง พ.ศ. 1000 แล้วการรับศาสนาพราหมณ์-พุทธศาสนานั้นจึงเกิดการสร้างงานศิลปกรรมเพื่อรับใช้ศาสนาตามอย่างอินเดีย พร้อมกับรับประเพณีพิธีกรรมอื่นๆ พร้อมกันแต่ก็ยังมีพิธีกรรมเกี่ยวกับผีอยู่ เช่น การไหว้ผีบรรพบุรุษ,ผีปู่ย่าตายาย, การตั้งศาลพระภูมิ, ศาลอื่นๆ, มีพิธีทำขวัญนาค,มีพิธีไหว้ครู, ครอบครู ฯลฯ
.jpg)
รองนายกรัฐมนตรีเปิดนิทรรศการ
โบราณวัตถุที่ได้รับมาจากประเทศต่างๆ เช่น อินเดียกัมพูชา เนปาล ญี่ปุ่น พม่าหรือเมียนมา อินโดนีเซีย เป็นต้นนั้น เป็นประติมากรรมชิ้นสำคัญที่สะท้อนภาพความงดงามให้เห็นถึงวัฒนธรรมร่วมของประเทศในอาเซียนโดยผ่านโบราณวัตถุที่พบในประเทศไทยแต่ละภูมิภาค ซึ่งพบว่ามีรูปแบบและลักษณะใกล้เคียงหรือเหมือนกันกับโบราณวัตถุจากประเทศอื่นๆ อีกทั้งยังมีความแตกต่างอยู่จากฝีมือศิลปกรรมแต่ละประเทศ ดังเห็นได้จาก พระพิมพ์ดินเผา ภาพปูนปั้น พระพุทธรูป เทวรูป รูปแบบลวดลาย เครื่องประดับ ธรรมจักร เป็นต้น ที่นำมาจัดแสดงเปรียบเทียบกัน มองภาพการบูรณาการงานประติมากรรมต้นแบบจากอินเดียมาสู่ศิลปะพื้นถิ่นในภูมิภาคของอาเซียน แม้จะถูกศิลปกรรมชาติอื่นผสมผสานอยู่บ้างก็ตาม ภาพของวัฒนธรรมร่วมในนิทรรศการนี้จะเป็นประตูที่เปิดเพื่อสร้างความเข้าใจอันดีและเรียนรู้การสร้างสรรค์ของบรรพบุรุษและรู้จักต้นแบบที่มาจากอินเดีย ซึ่งเป็นแหล่งอารยธรรมของโลกอยู่ในภูมิภาคนี้
.jpg)
ห้องแสดงรากแห่งวัฒนธรรมอาเซียน
.jpg)
เศียรพระพุทธรูป
.jpg)
พระพุทธรูปจากอินเดีย
.jpg)
ภาพปูนปั้้น
.jpg)
ธรรมจักรกับกวางหมอบ
.jpg)
ภาพจำหลักจากอินโดนีเซีย
.jpg)
จารึกเขาน้อย
.jpg)
ห้องแสดงนิทรรศการ
.jpg)
ห้องเทวรูปจากเมืองโบราณ
.jpg)
ตะเกียงโรมันพบในไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี