วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
Attraction (1874)
นอกจาก Gaetano Previati แล้วใน ModernArt Gallery ยังมีผลงานของศิลปินที่สำคัญอีกผู้หนึ่ง นั่นคือ Tranquillo Cremona ทั้งนี้คงเป็นเพราะเขาย้ายมาอยู่มิลานและเป็นศิลปินร่วมก่อตั้งศิลปะแนวใหม่เฉกเช่นเดียวกันกับ Gaetano Previati เขาเป็นศิลปินที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อแนวทางศิลปะแบบ Scapigliatura หรือ Bohemian ซึ่งต่อต้านวิชาการและอนาธิปไตย แนวทางศิลปะนี้มีส่วนสำคัญยิ่งต่อวัฒนธรรมของอิตาลีและยังเป็นต้นกำเนิดของแนวทางศิลปะแบบ Decedentism และ Symbolism ในเวลาต่อมาด้วย ไม่เพียงงานด้านทัศนศิลป์เท่านั้น แนวทางศิลปะที่พยายามปรับเอาอิทธิพลของต่างประเทศมาผสมผสานกับวัฒนธรรมอิตาลีนี้ยังมีส่วนในงานคีตกวี และสังคีตศิลป์ด้วย ยิ่งกว่านั้นศิลปินกลุ่ม Scapigliatura นี้ยังมีวิถีชีวิตที่แปลกไปจากศิลปินแนวเดิมๆ นั่นคือ พยายามที่จะใช้ชีวิตต่อต้านระเบียบทุกรูปแบบ และเน้นการมีวิถีชีวิตตามใจปรารถนา ไม่ยึดติดจนบางคนเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อยจากโรคพิษสุราเรื้อรัง หรือฆ่าตัวตายเพราะหลงรักวัยรุ่นหญิง เป็นต้น
Cremona เกิดที่ปาเวียโดยเป็นน้องของ Luigi นักคณิตศาสตร์ที่มีชื่อเสียง เขาเป็นผู้ที่มีความสามารถทางด้านศิลปะตั้งแต่เด็กจนได้เป็นสมาชิกของโรงเรียนสอนเขียนภาพที่ปาเวียอันเป็นสถานที่ที่ทำให้เขาได้พบกับ Giovanni Carnovali ศิลปินชื่อดังแห่งแคว้น Lombardy ในปี 1852 เขาย้ายไปอยู่เวนิสและได้เข้าเรียนใน Academy of Fine Arts ซึ่งเขาชนะการแข่งขันหลายครั้งจนได้รับเงินเดือนจากออสเตรียถึง3 ปี ต่อมาในปี 1859 เขาย้ายไปอยู่กับพี่สาวเพื่อเลี่ยงการเป็นทหาร และได้จัดแสดงผลงาน The Falconerที่ Brera Academy ภาพซึ่งปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่ Modern Art Gallery มิลานนี้เป็นตัวอย่างอันดีที่แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของ Hayez ต่อผลงานของ Cremona โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้แสงน้อย ๆ ฉาบไปที่ใบหน้าและการลงสีเหลือง แม้เขาจะเรียนศิลปะมาจากเวนิสก็ตาม แต่กลับไม่ได้เขียนภาพตามแนวทางศิลปะแบบ Venetian แต่อย่างใด ส่วน A Visit to the Tomb of Juliet and Romeo (1862) ซึ่งถูกจ้างวาดโดย Giovanni Puricelli Guerra นักสะสมภาพนั้น แม้จะเป็นผลงานในช่วงเดียวกัน แต่เขากลับเขียนภาพตามแนวทางศิลปะแบบ Symbolism ที่ใช้ความมืดเป็นสัญลักษณ์ของความหมองเศร้ามากกว่าการเขียนภาพตามแนวทางของ Hayez
.jpg)
Maternal Love (1875)
หลังจากนั้นเขาก็ไม่มีผลงานชิ้นใดที่โดดเด่นอีกเลย จวบจนกระทั่งหลังปี 1870 เขาได้พัฒนาแนวทางการเขียนภาพใหม่ที่ผสมผสานระหว่าง Chiaroscuro และการใช้สีทึมๆ ดิบๆ เขียนลงบนผ้าใบโดยไม่เห็นรอยฝีแปรงที่เด่นชัดเลย ผู้ชมจะเห็นว่าตัวละครที่ดูมีชีวิตชีวาของเขาแทบทุกภาพเสมือนหนึ่งผุดออกมาจากมุมมืด เช่น Portrait of Luigi Luvoni (1872), Portrait of Mary Marozzi (1873), Attraction (1874), Portrait of lady Deschamps (1875) และMaternal Love (1875) ผู้ชมจะสังเกตเห็นว่าฝีแปรงของเขามีลักษณะอ่อนนุ่มดูคลุมเครือเหมือนสายลมซึ่งถอยห่างจากแนวทางศิลปะก่อนหน้าทั้ง Venetian School และ Titian ที่เขาร่ำเรียนมาแล้วอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ดี แม้ในช่วงหลังชีวิตของเขาจะรุ่งเรืองขึ้น แต่เขากลับมีโอกาสเสพสุขได้ไม่นาน เขาเสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเยาว์อันเป็นผลมาจากการได้รับพิษจากสีที่เขาชอบใช้มือผสมนั่นเอง
.jpg)
A Visit to the Tomb of Juliet and Romeo
.jpg)
The Falconer
.jpg)
Portrait of lady Deschamps
.jpg)
Portrait of Mary Marozzi (1873)
.jpg)
Portrait of Luigi Luvoni (1872)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี