เมื่อสุนัขเพศเมียที่บ้านเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ก็จะมีการผสมพันธุ์ ในที่สุดก็มีการตั้งท้อง เมื่อเราทราบว่าสุนัขของเรากำลังจะมีลูกน้อย หลายท่าน
ก็มักจะมีข้อสงสัยว่า เราควรดูแลสุนัขตั้งท้องอย่างไร ต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษไหม ต้องให้และต้องงดอาหารอะไรดี วันนี้ เรามาคุยประเด็นนี้กันครับ
● สุนัขตั้งท้องนานเท่าไหร่
หลายคนคงทราบแล้วนะครับว่าสุนัขใช้เวลาในการตั้งท้องประมาณ 2 เดือน คือประมาณ 60 วัน อาจน้อยกว่าหรือมากกว่าได้ แต่ไม่ควรเกิน 7 วัน หากเกินกว่านั้น ถือว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น ซึ่งต้องให้สัตวแพทย์ทำการตรวจวินิจฉัยโดยด่วนครับ
● สุนัขตั้งท้องอาบน้ำได้หรือไม่
หากการอาบน้ำ คือการทำความสะอาด ชำระร่างกาย ชำระสิ่งสกปรกที่ตัวออกแล้วละก็ ขอยืนยันว่า “อาบน้ำได้ตามปกติแน่นอนครับ” เพียงแต่ว่าความรุนแรงในการจัดการ และการตื่นกลัวรวมถึงความยินยอมของสุนัขต่างหากล่ะที่มีผลต่อการตั้งท้อง
ถ้าสุนัขหวาดกลัวระแวงมากๆ จะทำให้สุนัขเครียด มีการหลั่งฮอร์โมนในกลุ่มสเตียรอยด์ ซึ่งมีผลทำให้มดลูกบีบตัว จนอาจเป็นผลให้แท้ง หรือคลอดก่อนกำหนดได้
การอาบน้ำควรใช้น้ำอุณหภูมิปกติ (เพื่อให้เกิดความสดชื่น) หรืออุ่นเล็กน้อย (หากเป็นช่วงอากาศเย็น) และไม่ควรบีบนวด หรือกระตุ้นแรงๆบริเวณท้อง โดยเฉพาะในช่วงปลายของการตั้งท้อง เพราะอาจทำให้มดลูกบีบตัวมากได้ครับ แชมพูที่ใช้ ก็ควรเป็นสูตรอ่อนๆ ที่ไม่มีสารเคมีหรือสารระคายเคืองมากๆ
ดังนั้นขอสรุปว่าสุนัขตั้งท้องสามารถอาบน้ำได้ตามปกติด้วยความระมัดระวังและด้วยความนุ่มนวลครับ
● สุนัขท้องห้ามกินยาหรือห้ามฉีดยาใช่หรือไม่
เรื่องการให้ยาในสุนัข ควรได้รับการพิจารณาและการแนะนำจากสัตวแพทย์อย่างละเอียด เนื่องจากยาบางตัวมีผลทำให้มดลูกบีบตัวซึ่งอาจทำให้เกิดการแท้งได้ ยาบางตัวมีผลทำให้เกิดความผิดปกติในการสร้างอวัยวะของตัวอ่อนได้ และยาบางตัวก็สามารถถ่ายทอดผ่านกระแสเลือดไปตกค้าง
ยังลูกได้ครับ ดังนั้นในกรณีที่จะใช้ยากับสุนัขตั้งท้อง ต้องได้รับความดูแลแนะนำจากสัตวแพทย์เป็นพิเศษครับ
● ควรลดหรือเพิ่มอาหารประเภทใดเป็นพิเศษหรือไม่
ถ้าตอบแบบกลางๆ (แบบกำปั้นทุบดิน) ที่สุด ก็คือ ให้สุนัขกินอาหารที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่พอเหมาะเท่านั้นเองครับ แล้วอาหารที่มีประโยชน์คืออะไรล่ะ?
ถ้าเป็นอาหารสำเร็จรูป (ที่มีคุณภาพ) เราสามารถเลือกได้ว่า ใช้สูตรอาหารสำหรับสุนัขปกติ (สุนัขโต) ได้ครับ
อาหารสูตรปกติ ในปริมาณปกติ (หรือเพิ่มจากเดิมเล็กน้อย)นี้ สามารถใช้ได้ในช่วงหนึ่งเดือนแรกของการตั้งท้อง ทั้งนี้หากให้ปริมาณมากเกินไป อาจทำให้ลูกสุนัขมีน้ำหนักตัวมาก ขนาดตัวใหญ่ และอาจเป็นผลให้คลอดยากตามมาได้ครับ
ส่วนเจ้าของสุนัขที่ใช้อาหารสดหรือเป็นอาหารปรุงเอง สิ่งที่ควรระวังคือ “การปรุงรส” (เพราะกลัวว่าจะไม่อร่อย) เช่นการใส่น้ำปลา ใส่ซอสปรุงรส หรือสารปรุงแต่งต่างๆ ลงไปในอาหาร ซึ่งถือว่าไม่มีความจำเป็นและอาจมีอันตรายต่อลูกสุนัขเสียด้วย ดังนั้นควรเป็นอาหารที่มีรสชาติเป็นธรรมชาติ มีสารอาหารครบถ้วน บางบ้านอาจใช้ การต้มเนื้อสัตว์ ผสมตับ ไข่ และผัก แล้วคลุกข้าวให้กิน ก็ดูง่าย บ้านๆ และเป็นประโยชน์ต่อแม่สุนัขและลูกดีครับ
ส่วนช่วงครึ่งหลังของการตั้งท้อง หรือเมื่อเข้าเริ่มสัปดาห์ที่ 4-5 แล้ว ท้องของแม่สุนัขจะเริ่มใหญ่ขึ้น ลูกสุนัขจะมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีความต้องการสารอาหารในปริมาณที่สูงขึ้น เพื่อการพัฒนาการของระบบต่างๆ ในร่างกายนั่นเอง ช่วงนี้ เจ้าของคงต้องพิจารณาเรื่องอาหารเป็นพิเศษ และต้องเน้นถึงคุณภาพของอาหารเหมือนเดิมครับ
หากกินอาหารสำเร็จรูป แนะนำให้เปลี่ยนอาหารมาเป็นสูตรสำหรับลูกสุนัข (Puppy) เนื่องจากอาหารสูตรลูกสุนัขนี้จะเป็นอาหารที่มีโปรตีน และแคลเซียมในปริมาณสูงกว่าสูตรอาหารสุนัขโตทั่วไป ซึ่งตอบสนองความต้องการของลูกสุนัขได้เป็นอย่างดี แต่จะขอเรียนเน้นว่าปริมาณอาหาร ที่ให้ควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม (อาจเพิ่มขึ้นประมาณ 10-30%) เพื่อไม่ให้ขนาดตัวลูกสุนัขใหญ่จนเกินไป
การเสริมแร่ธาตุและวิตามินบางตัวจึงมีความจำเป็นในช่วงครึ่งหลังของการตั้งท้องครับ ตัวที่ค่อนข้างมีความจำเป็นในสุนัขในช่วงท้ายของการตั้งท้องคือ แร่ธาตุแคลเซียม เนื่องจากต้องใช้เพื่อสร้างกระดูกให้ลูกสุนัข หมอมักพบว่าหลังคลอดแม่สุนัขที่เลี้ยงลูกเก่งๆ และมีลูกหลายตัวอาจมีปัญหาเรื่อง “ไข้น้ำนม หรือ Milk fever” ซึ่งเป็นภาวะแคลเซียมในกระแสเลือดต่ำ แม่สุนัขจะมีอาการตัวร้อน ไข้สูง สั่น เกร็ง และชักได้ครับ ดังนั้นการให้กินแคลเซียมเม็ดหรือให้กินนมจึงมีความจำเป็นในช่วงนี้ครับ (การให้แม่หมากินนมในกรณีที่ไม่เคยกินมาก่อน อาจทำให้เกิดการถ่ายเหลวได้ จึงอาจต้องเริ่มให้กินทีละนิดและค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้นตามลำดับ)
ในช่วงสองถึงสามวันท้ายของการตั้งท้องหรือประมาณวันที่ 55 เป็นต้นไป ควรให้อาหารที่มีกากใยสูง พื่อลดปัญหาการท้องผูกก่อนคลอดครับ
ขอเน้นว่า ในช่วงแรกของการตั้งท้องไม่ควรเพิ่มปริมาณอาหารจนเยอะเกินไป กล่าวโดยสรุปก็คือควรให้อาหารที่มีคุณภาพ ในปริมาณที่เหมาะสม ดูแลเรื่องความสะอาด เป็นสิ่งสำคัญ การอาบน้ำสามารถทำได้โดยเฉพาะช่วงอากาศร้อนแต่ไม่ควรทำความรุนแรงหรือทำให้สุนัขเครียดจนเกินไป การให้ยาต่างๆ ต้องเชื่อฟังคำแนะนำจากสัตวแพทย์ก่อนอย่างเคร่งครัด
หากเจ้าของใจร้อนอยากทราบว่าสุนัขของเราตั้งท้องหรือไม่ สัตวแพทย์ก็อาจแนะนำให้ใช้การอัลตราซาวนด์เพื่อยืนยัน ซึ่งทำได้ตั้งแต่ประมาณสามสัปดาห์ของการตั้งท้องครับ แต่ถ้าจะให้ชัวร์ล่ะก็ การเอกซเรย์เพื่อดูจำนวนลูกสุนัขในมดลูกในช่วง 45-50 วัน ของการตั้งท้อง ก็เป็นการยืนยันได้ดีครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี