กิจกรรมนั่งรถม้า
ลำปางถูกกล่าวว่าเป็นเมืองผ่าน คือเมืองที่ผู้คนมักจะไม่ค่อยแวะนอนพักค้างคืน หรือแวะท่องเที่ยวอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เพราะ
คนจำนวนมากที่ขึ้นไปเที่ยวภาคเหนือมักจะปักหมุดไว้ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ห่างจากลำปางไปประมาณ 100 กิโลเมตร ลำปางจึงกลายเป็นเมืองผ่านไป ทั้งๆ ที่เมืองนี้มีความน่าสนใจมิใช่น้อย มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย
แต่ก็อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ที่ลำปางกลายเป็นเมืองผ่าน ดังนั้นจึงทำให้ยังคงสามารถเก็บรักษาความเป็นเมืองเก่าที่ยังคงความดั่งเดิมไว้ให้ผู้คนได้ชื่นชม
ลำปางมีชื่อหลายชื่อ เช่น เขลางค์นคร เวียงละกอน อาลัมพางนคร ขึ้นอยู่กับการอ้างอิงหลักฐานทางประวัติศาสตร์แต่ละตำรา แต่ปัจจุบันก็คือลำปาง เมืองที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอู่อารยธรรมล้านนาที่สำคัญแห่งหนึ่ง ลำปางมีศิลปวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์ที่นักโบราณคดีให้การยอมรับ เช่น พระธาตุลำปางหลวง และวัดไหล่หินหลวง (ทั้งสองแห่งนี้อยู่ในอำเภอเกาะคา)
ลำปางยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกอย่างหนึ่งคือ รถม้าเมืองลำปาง ซึ่งเชื่อกันว่ารถม้าเป็นพาหนะของชาวตะวันตกที่แพร่หลายเข้ามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ของกรุงรัตนโกสินทร์ นอกจากนี้ลำปางยังเคยเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าของกรุงสยามในเขตตอนเหนือในยุครัชกาลที่ 5 อีกด้วย และที่ผู้คนต่างมองแล้วต้องยิ้มกันทุกคนก็คือ การได้เห็นว่าในเขตตัวเมืองลำปางมีชามตราไก่ใบมหึมาตั้งประดับไว้ตามมุมถนนสายหลัก ซึ่งเปรียบเสมือนกับเป็นอนุสาวรีย์ของเมือง
วัดพระธาตุลำปางหลวง
เมื่อมาถึงลำปางแล้ว สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกคือต้องไปวัดพระธาตุลำปางหลวง อำเภอเกาะคา วัดนี้สร้างมาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 20 ตอนปลาย เป็นที่อวดศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบสกุลช่างเมืองลำปาง หลายต่อหลายคนตื่นตะลึงกับบันได
หน้าวัดที่ทำเป็นนาคสองชั้น นาคชั้นแรกเป็นมังกร
ส่วนชั้นที่สองเป็นนาคเศียรเดียว บางก็บอกว่าเป็นมังกรคายนาค ดูกี่ครั้งกี่หนก็ฉงนใจ แต่ก็ถือว่ามหัศจรรย์มาก เมื่อเดินขึ้นบันไดนาคไปจนถึงประตูโขงขอให้หยุดพินิจพิเคราะห์ประตูโขงให้ดี แล้วจะพบว่าอลังการมาก ส่วนบนมีลายปูนปั้นเป็นกรองวิมาน ประดับด้วยนาคและหงส์ตามชั้นต่างๆ ไล่ไปจนถึงยอดซุ้มประตู
จากนั้นก็ต้องเข้าไปในวิหารหลวงที่สุดวิจิตรอลังการ ไปกราบนมัสการพระเจ้าล้านทองประดิษฐานอยู่ในกู่สีทองอร่าม แล้วก็ต้องไปกราบนมัสการพระธาตุลำปางหลวง พระธาตุประจำคนเกิดปีฉลู และที่พลาดไม่ได้คือ ต้องไปวิหารพระพุทธ อายุของวิหารประมาณ 700 ปีเศษ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่เกือบเต็มตัววิหารเป็นศิลปะเชียงแสน ณ วิหารแห่งนี้คือที่ซึ่งทุกคนต่างเข้าไปดูความมหัศจรรย์ของเงาพระธาตุลำปางหลวงกลับหัว อันที่จริงต้องบอกว่าในวัดพระธาตุลำปางหลวงนี้ ยังมีโบราณสถานต่างๆ อีกมากมายให้คุณๆ ไปกราบสักการะและชื่นชมความวิจิตร
เมื่อชมและกราบนมัสการวัดพระธาตุลำปางหลวงเสร็จก็ต้องไปวัดไหล่หินหลวง หรือวัดเสลารัตนปัพพะตาราม สร้างในปี พ.ศ. 2226 (อยู่ห่างจากวัดพระธาตุลำปางหลวงไปประมาณ 7-8 กิโลเมตร) ขอย้ำว่าต้องไม่พลาดการชมวัดนี้เป็นอันขาด เพราะสวยงามมากทั้งๆ ที่วิหารมีขนาดเล็กกะทัดรัด แต่สุดวิจิตรเกินบรรยายจริงๆ เป็นงานช่างสกุลลำปางที่ขึ้นชื่อมากที่สุด
กลับเข้าไปในตัวเมืองลำปางกันบ้าง สถานที่หนึ่งที่ต้องขอชวนคุณๆ เที่ยวชมคือ สถานีรถไฟนครลำปาง สิ่งที่ต้องชมคือ
อาคารของสถานีรถไฟที่สุดคลาสสิก ว่ากันว่าก่อสร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ตอนปลาย
วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม
วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม ถนนพระแก้ว ตำบลเวียงเหนือ มีอายุนับพันปี เคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) เป็นเวลาถึง 32 ปี
วัดศรีชุม
วัดศรีชุม ตำบลสวนดอก อำเภอเมือง วัดศิลปะแบบพม่าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย สร้างตั้งแต่พ.ศ.2433 โดยพ่อค้าใหญ่ชาวพม่าชื่ออูโยที่เข้ามาทำป่าไม้ในเขตของสยามในยุคอังกฤษปกครองพม่า วิหารเดิมของวัดสวยงามมาก แต่ถูกไฟไหม้ไป ต้องก่อสร้างขึ้นมาใหม่ แต่ก็ยังคงความวิจิตรงดงาม
วัดเจดีย์ซาว ตำบลต้นธงชัย ถนนสายลำปาง-แจ้ห่ม อยู่ห่างจากสถานปฏิบัติธรรมหลวงพ่อเกษมเขมโก ประมาณ 500 เมตร
คำว่าซาว แปลว่า ยี่สิบ วัดเจดีย์ซาว คือวัดที่มีเจดีย์ 20 องค์ สันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างมานานกว่า 1,000 ปี จุดเด่นของวัดคือ
องค์พระธาตุเจดีย์ซาว ศิลปะล้านนาผสมพม่า ข้างหมู่พระเจดีย์มีวิหารหลังเล็ก ประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดปางสมาธิ ศิลปะเชียงแสน ชาวบ้านเรียก “พระทันใจ” พระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย
วัดเจดีย์ซาวหลัง
บานประตูทั้งสามเป็นของโบราณเขียนลายรดน้ำ เสาซุ้มประตูหน้าต่างประดับลวดลายกระจกสี ที่นี่มีพิพิธภัณฑสถานเขลางค์นคร เมื่อ พ.ศ.2526 ชาวบ้านขุดพบพระพุทธรูปทองคำบริสุทธิ์หนัก 100 บาทสองสลึง แล้วมอบให้วัด พระพุทธรูปองค์นี้ชื่อว่าพระแสนแซ่ทองคำ ปางมารวิชัยศิลปะสมัยล้านนา อายุราวพุทธศตวรรษที่ 21 ขนาดหน้าตักกว้าง 9 นิ้วครึ่ง สูง 15 นิ้ว
บ้านเสานัก ถนนป่าไม้ ชุมชนท่ามะโอ ฝั่งเหนือสะพานข้ามน้ำวัง บ้านนี้เป็นบ้านไม้ทั้งหลัง มีเสารวมทั้งหมด 116 ต้น บ้านนี้สร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2438 โดยหม่องจันโอง
สะพานรัษฎาภิเศก
สะพานรัษฎาภิเศก หรือ สะพานขาว ถนนรัษฎา เจ้าผู้ครองนครลำปางเป็นผู้ที่ตั้งชื่อจากพิธีเฉลิมฉลองรัษฎาภิเษกสมัยรัชกาลที่ 5
เดิมเป็นสะพานไม้เสริมเหล็ก แต่ต่อมาเมื่อ พ.ศ.2460 ได้ทำเป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก จุดเด่นคือเสาหัวสะพานมีสัญลักษณ์
ไก่ขาว และครุฑประดับไว้
ตลาดรัษฎา หรือ ตลาดหัวขัว เป็นตลาดเช้าที่ใหญ่ที่สุดของลำปางตั้งแต่โบราณถึงปัจจุบัน เปิดตั้งแต่ตีสี่จนถึงเก้าโมงเช้า ส่วนช่วงบ่ายเปิดประมาณ 4 โมงเย็นถึงหัวค่ำ เป็นศูนย์รวมสินค้าพื้นเมืองและของฝากสารพัดชนิด เช่น ไส้อั่ว ข้าวแต๋น หมูยอ แคบหมู ขนมผลไม้ และผักพื้นบ้าน
ถนนตลาดเก่า หรือถนนตลาดจีน (กาดกองต้า) ถนนคนเดินคือตลาดตรอกท่าน้ำวังในสมัยรัชกาลที่ 5 เคยเป็นจุดที่มีความรุ่งเรืองมากที่สุด เป็นย่านการค้าสำคัญของเมือง มีชาวอังกฤษ พม่า และจีน เข้ามาทำธุรกิจ โดยเฉพาะชาวจีนเข้ามาทำการค้าขายมากที่สุดจนกลายเป็นชุมชนชาวจีนขนาดใหญ่ในเขตภาคเหนือ จึงมีชื่อถนนตลาดจีน อาคารบ้านเรือนสองฝั่งถนนเป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างยุโรปกับจีน ปัจจุบันทำเป็นถนนคนเดินเปิดขายของทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 18.00-22.00 น.
วัดปงสนุก
วัดปงสนุกเหนือ ตำบลเวียงเหนือ สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยที่พระเจ้าอนันตยศ พ.ศ.1223 วัดนี้มีม่อนดอย เนินเขาพระสุเมรุจำลองที่ตั้งวิหารพระเจ้าพันองค์ สร้างด้วยไม้ลักษณะมณฑปหลังคาซ้อนสามชั้น บนสันหลังคาเหนือมุขทั้งสี่สร้างปราสาทไม้จำลองขนาดเล็กหุ้มด้วยสังกะสีฉลุลาย ซึ่งหมายถึงทวีปทั้งสี่รอบเขาพระสุเมรุ ลักษณะตัวอาคารผสมผสานระหว่างศิลปล้านนา พม่าและจีน ที่มีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ห้องกลางวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปสี่องค์หันพระพักตร์ออกสี่ทิศ
ประทับนั่งใต้โพธิ์พฤกษ์ทำด้วยตะกั่ว ด้านล่างของฐานชุกชีประดับลวดลายรูปช้าง นาค สิงห์ นกอินทรี เชื่อกันว่าวิหารหลังนี้สร้างโดยช่างเชียงแสน เลียนแบบหอคำเมืองเชียงเกี๋ยง (เชียงเจิ๋ง) ในสิบสองปันนา ซึ่งปัจจุบันถูกรื้อถอนไปหมดสิ้นแล้ว วัดปงสนุกได้รับรางวัลการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกหรือ รางวัล Award of Merit จากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์
และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประจำปี พ.ศ.2551
เซรามิค ธนบดี
พิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี เลขที่ 32 ถนนวัดจองคำ ตำบลพระบาท ภายในพิพิธภัณฑ์มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย เช่น นิทรรศการความเป็นมาของชามตราไก่นครลำปางและเซรามิกเพื่อการส่งออก อนุสาวรีย์ผู้ค้นพบแร่ดินขาว มีการสาธิตการผลิตเซรามิคชามไก่แบบดั้งเดิม ชามไก่ที่เล็กที่สุดในโลก เล็กกว่าเมล็ดข้าวเปลือก ชามไก่นี้เก็บรักษาไว้ในตู้กระจกทรงสามเหลี่ยม ต้องมองผ่านแว่นขยายจึงจะเห็นลวดลายของตัวไก่ ชามไก่ทองคำ ที่ทำด้วยทองคำแท้ 100% ด้านในชามเป็นทองคำเงางาม ส่วนด้านนอกใช้น้ำทองวาดเป็นไก่ทองคำบนพื้นสีขาว
ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย
ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อำเภอห้างฉัตร ไปชมการแสดงของช้าง การอาบน้ำให้ช้าง นั่งช้างชมป่าท่องไพร มีโรงเรียนฝึกสอนควาญช้างมีบ้านพักแบบ Home Stay และที่นี่มีโรงพยาบาลช้าง หากคุณต้องการจะไปทำบุญทำทานกับช้างก็สามารถไปได้ที่โรงพยาบาลช้าง
สถานีรถไฟลำปางหลวง
ลำปางยังมีที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย อาทิ อุทยานแห่งชาติดอนขุนตาล เขตเชื่อมต่อระหว่างลำพูนกับลำปาง อุโมงค์รถไฟขุนตาล เริ่มก่อสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เหมืองถ่านหินลิกไนต์แม่เมาะ อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน เมืองปาน แจ้ห่ม น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน น้ำตกแจ้ซ้อน น้ำตกแม่มอญ น้ำตกแม่ขุน ถ้ำผางาม วังเหนือ
อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน
นอกจากเที่ยวแล้วลำปางยังมีสินค้าให้คุณซื้อกลับบ้านอีกมากมาย ทั้งผ้าทอมือทุกกว๋าว เมืองปาน เครื่องไม้แกะสลัก บ้านหลุก แม่ทะ เซรามิคเมืองลำปางที่โด่งดังไปทั่วโลก กระดาษสาบ้านน้ำโท้ง บ้านบ่อแฮ้ว ห้างฉัตร และรถม้าจำลองของประดับบ้าน
หากคุณต้องการรายละเอียดการท่องเที่ยวทั่วเมืองลำปาง โปรดโทร.1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง) โทร.053-248604, 053-248607, 053-241466 E-mail : tatchmai@tat.or.th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี