สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความผูกพันใกล้ชิดกับคนเป็นอย่างมาก หลายคนถือว่าสุนัขเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว มีการพาสุนัขไปเที่ยวในที่ต่างๆ เช่นเดียวกับพาเด็กเล็กๆ ไปด้วย การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวอาจไม่มีปัญหาอะไร แต่หากต้องใช้บริการสาธารณะแล้วคงต้องมีการจัดเตรียมที่แตกต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็นรถโดยสาร เรือโดยสารหรือแม้กระทั่งเครื่องบินโดยสาร
ในการนำสุนัขเดินทางโดยเครื่องบินนั้น อาจมีข้อกำหนดหรือเงื่อนไขที่แตกต่างจากการโดยสารชนิดด้วยวิธีอื่นๆ ซึ่งแต่ละสายการบินก็มีข้อกำหนดที่แตกต่างกัน ในส่วนของเราในฐานะของเจ้าของเองนั้นจะต้องมีการเตรียมตัวสุนัขและมีหลักเกณฑ์ในการปฏิบัติตัวอย่างไร วันนี้เรามีข้อมูลจากคณะสัตวแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาฝากกันครับ
ในการขนส่งสุนัขและแมวทางอากาศ เรามีข้อควรพิจารณา โดยแบ่งออกเป็น 3 ระยะคือ
1. ก่อนการเดินทาง
1.1 ตัวสัตว์เลี้ยง
- อายุสัตว์ : โดยทั่วไปแล้ว เราไม่ควรขนส่ง หรือให้สัตว์ที่อายุน้อยหรืออายุเกินไปเดินทางเป็นเวลานานๆ เนื่องจากลูกสัตว์ที่ยังเล็กเกินไป ยังมีแข็งแรงต่ำ ที่สำคัญสุนัขเด็กนั้นยังทำวัคซีนป้องกันโรคไม่ครบ และการปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมยังไม่ดีเท่าสัตว์ที่โตเต็มวัยด้วย บางสายการบินจึงกำหนดอายุสัตว์ที่อายุมากกว่า 10 สัปดาห์ หรือการขนส่งระหว่างประเทศนั้น หลายประเทศกำหนดว่า สุนัขต้องได้รับการทำวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้ามาแล้ว และมีระยะพักหลังทำวัคซีนอีกอย่างน้อย 3 สัปดาห์ เพื่อให้สัตว์มีภูมิคุ้มกันสูงเพียงพอ ดังนั้นอายุที่ขนส่งได้ก็ควรจะประมาณ 4 เดือนขึ้นไป ส่วนในสัตว์อายุมากนั้นก็จะมีผลกระทบเรื่องภาวะภูมิคุ้มกันที่ต่ำกว่าสุนัขหนุ่ม-สาว ดังนั้นหากสุนัขมีอายุเกิน 7 ปี ควรได้รับการพิจารณาสุขภาพเป็นพิเศษ
- สุขภาพ : สุนัขควรได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้ว และมีสุขภาพที่แข็งแรงเป็นปกติ หากไม่แน่ใจว่ามีสุขภาพแข็งแรงดีหรือไม่ ก็ควรให้สัตวแพทย์ตรวจทำการร่างกายสัตว์ก่อนเดินทาง สัตว์ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ โรคทางเดินหายใจ ควรตรวจร่างกายให้แน่ใจว่าสามารถเดินทางได้ เนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือดรวมถึงระบบทางเดินหายใจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สุนัขเสียชีวิต โดยเฉพาะสัตว์บางตัวที่มีความผิดปกติของทางเดินหายใจอยู่แล้วเช่น ภาวะหลอดลมตีบ (Tracheal collapse) หรือภาวะเพดานอ่อนของช่องปากยื่นยาว (Elongated soft palate) ซึ่งมักพบในสุนัขพันธุ์หน้าสั้น เช่น ปั๊ก และบูลด็อก ก็จะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อชีวิตได้ หากมีการเดินทางไกลและไม่มีการจัดการดูแลที่เหมาะสมระหว่างการเดินทางครับ
- อารมณ์ : สัตว์บางตัวอาจมีอารมณ์ที่ตื่นเต้นง่าย ขี้กลัว หวาดระแวงง่าย จนทำให้ส่งผลต่อการสูบฉีดเลือดและการหายใจ จะเห็นว่าหอบ เหนื่อยง่าย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเป็นสายพันธุ์หน้าสั้น ก็อาจทำให้หายใจลำบากมากเพิ่มขึ้น สิ่งที่เจ้าของจะทดลองทำได้ หมอก็จะแนะนำให้ลองฝึกสัตว์เลี้ยงดูโดยให้สุนัขหรือแมวอยู่ในกล่องเดินทางของสัตว์ (Transport box) เพื่อให้เกิดความคุ้นเคย และลดอาการตื่นเต้นได้เมื่อถูกขังกรงเป็นเวลานาน
ในกรณีนี้ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อเตรียมยาซึม (ยากล่อมประสาท หรือยาเพื่อลดความเครียด) ให้สัตว์กินก่อนเดินทางเสมอ โดยสัตว์จะมีอาการคล้ายคนง่วงนอน โดยยาที่ให้จะให้ต้องคำนวณตามน้ำหนักตัวสัตว์ซึ่งแต่ละตัวอาจให้ผลแตกต่างกันด้วย จึงแนะนำว่าอาจจะต้องมีการทดลองป้อนยาก่อนเดินทาง 1 อาทิตย์ เพื่อให้ทราบว่าขนาดยาที่เตรียมให้นั้น สามารถทำให้สัตว์ซึมลงภายในกี่นาที และยาซึมออกฤทธิ์นานกี่ชั่วโมง เพื่อจะได้ประมาณการให้เหมาะกับสุนัขที่เราจะพาเดินทาง เนื่องจากขนาดของยาซึมที่ให้โดยการกินอาจออกฤทธิ์แตกต่างกันบ้างในสัตว์แต่ละตัวครับ
สัปดาห์หน้าเรามาติดตามกันต่อนะครับ ว่าควรนอกจากที่ตัวสัตว์ในช่วงก่อนการเดินทางแล้ว เราต้องพิจารณาเรื่องใดกันอีกบ้างครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี