วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568
จากรายงานของ The European Bioinformatics Institute ระบุว่า กำลังการผลิตพลาสติกชีวภาพทั่วโลกมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 350% ภายในปี 2019 โดยในปี 2014 อุตสาหกรรมหลักที่ใช้พลาสติกชีวภาพมากที่สุด คือ อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ รองลงมาคือเส้นใย และสินค้าอุปโภค-บริโภคตามลำดับ ซึ่งภาพรวมกำลังการผลิตพลาสติกชีวภาพปี 2014 คิดเป็น 1.7 ล้านตัน และประมาณการว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 7.85 ล้านตัน ในปี 2019 โดยส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ในแถบเอเชียทั้งในปี 2014 และปี 2019 คิดเป็น 58.1% และ 80.6% ตามลำดับ ตัวเลขเหล่านี้ พิสูจน์ให้เห็นว่า พลาสติกชีวภาพหรือที่เรียกกันอย่างแพร่หลายว่า “ไบโอพลาสติก” จัดเป็นนวัตกรรมคลื่นลูกใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจจากทั่วโลก เป็นทางเลือกในการรักษาสิ่งแวดล้อมและเข้ามามีบทบาทสำหรับในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลก ก่อให้เกิดการพัฒนาไปสู่เศรษฐกิจสีเขียวได้
เมื่อย้อนกลับมามองประเทศไทย แม้ยังมีการใช้พลาสติกชีวภาพไม่มากนัก แต่การส่งเสริมให้ผู้บริโภคและผู้ประกอบการมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง จะช่วยส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ และเกิดตลาดรองรับภายในประเทศ สอดคล้องกับการเติบโตอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพและแนวโน้มการรักษาสิ่งแวดล้อมของโลก เพราะเล็งเห็นความสำคัญเหล่านี้เมื่อเร็วๆ นี้ พิธีลงนามบันทึกข้อตกลง “โครงการความร่วมมือเพื่อสร้างโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติก” จึงได้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ 3 องค์กรชั้นนำ ได้แก่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC), สถาบันพลาสติก และสมาคมอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพไทย (TBIA) ที่มุ่งจัดกระบวนการเรียนรู้และพัฒนานักออกแบบให้เข้าใจกระบวนการผลิตพลาสติก หวังลดการใช้พลาสติกสู่การใช้วัสดุทดแทนให้ผู้ประกอบการโรงงานพลาสติกที่ต้องการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ตอบรับกระแสโลกธุรกิจสีเขียว
.jpg)
อภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้และผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์
งานออกแบบ (TCDC) เผยว่า เป็นที่ทราบดีว่าพลาสติกเป็นวัสดุสำคัญในการผลิตสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน หากแต่ก็เป็นวัสดุที่สร้างปัญหาให้กับสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการลดปริมาณการใช้พลาสติกและการใช้พลาสติกชีวภาพทดแทนพลาสติกทั่วไปนั้น จำต้องมีการปรับกระบวนการคิดและการผลิตแบบใหม่ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานและความต้องการของตลาด ซึ่งกระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการก่อให้เกิดการทำงานร่วมกันของนักออกแบบและนักวิจัยในสาขาต่างๆ เพื่อค้นหาไอเดีย/วิจัยผู้บริโภคและการหาความเป็นไปได้ในการผลิตจากต้นแบบและวัสดุต่างๆ ด้วยปัจจัยเหล่านี้จึงเป็นที่มาของการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้
.jpg)
“นวัตกรรมไบโอพลาสติก ถือเป็นเรื่องใหม่ ทุกคนในโลกจึงถือว่าเริ่มต้นพร้อมกัน ต่างจากยุคริเริ่มปิโตรเลียม ยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น ถือว่าพัฒนาไปไกลแล้ว แต่สำหรับไบโอพลาสติก ประเทศเหล่านี้นำไปไม่ถึงก้าวจึงเป็นโอกาสให้ไทยพัฒนาศักยภาพทัดเทียมไปสู่นานาชาติได้ซึ่งในเร็ววันนี้ไทยกำลังก้าวไปสู่การเป็นไบโอพลาสติกฮับ (Bioplastic Hub) แห่งที่ 2 ของโลก รองจากอเมริกามีไบโอพลาสติกคอมเพล็กซ์ และไบโอเคมีคัล อินดัสทรีใหญ่ที่สุดในโลก” ดร.เกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันพลาสติก ฉายให้เห็นศักยภาพของไทยในการเป็นไบโอพลาสติกฮับของโลก
.jpg)
เช่นเดียวกับ กิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ ผู้อำนวยการสมาคมอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพไทย (TBIA) ยอมรับว่ากระแสเศรษฐกิจสีเขียวมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกิดไบโอพลาสติก ซึ่งประเทศไทยมีความพร้อมอย่างมากในการเป็นผู้ผลิตไบโอโปรดักส์ แต่สิ่งที่ขาดคือ “การตลาด”เพราะตลาดไบโอพลาสติกมีต้นทุนสูง ด้วยอุปสรรคด้านเทคโนโลยีการผลิตของตัวมันเอง แต่สิ่งที่น่าสนใจคือตลาดไบโอโปรดักส์มีดีมานด์มากขึ้นเรื่อยๆ หนทางหนึ่งที่จะกระตุ้นให้เกิดกำลังการผลิตไบโอโปรดักส์ นั่นคือการนำแนวทางการออกแบบและสร้างสรรค์มาใช้
.jpg)
.jpg)
ทั้งนี้ สมาคมอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพไทย รายงานว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมชีวภาพของไทยในปัจจุบัน แบ่งได้เป็น 4 ประเภทหลัก ได้แก่ เชื้อเพลิงชีวภาพพลังงานชีวภาพ เคมีชีวภาพ และพลาสติกชีวภาพ โดยวัตถุดิบหลัก
มาจากสินค้าเกษตรที่ผลิตได้ในประเทศ เช่น อ้อยมันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี