วันเสาร์ ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระมารดาแห่งการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระมารดาแห่งการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ

วันศุกร์ ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
Tag : พระมารดา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
  •  

คณะรัฐมนตรี ได้ลงมติเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2553 เห็นชอบการถวายพระราชสมัญญา “พระมารดาแห่งการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ” แด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในปีสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ ค.ศ.2010 เนื่องด้วยพระองค์ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศมาอย่างต่อเนื่องยาวนานจนเป็นที่ประจักษ์ชัดในดวงใจของปวงชนชาวไทย ตลอดจนสาธารณชนทั้งในและต่างประเทศ มีผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม จากการดำเนินงานของหน่วยงานที่รับสนองพระราชดำริ อาทิการอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล การสร้างปะการังเทียมเพื่อเป็นแหล่งอาศัยและเพิ่มประชากรสัตว์น้ำ และความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล การฟื้นคืนความหลากหลายทางชีวภาพด้วยป่าไม้ของประเทศให้กลับมีความอุดมสมบูรณ์ เป็นฐานทรัพยากรให้แก่ประชากรของพระองค์ได้ใช้ในการดำรงชีวิต

จากรายงานผลการวิจัยเรื่องสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ : พระมารดาแห่งการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ ของ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ปิยนาถบุนนาค ได้กล่าวถึงความทรงพยายามปลูกจิตสำนึกในการ “รู้รักษ์” ความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศไทยของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่ง แนวหน้า ขอนำเพียงบางส่วนจากรายงานผลการวิจัยดังกล่าวมานำเสนอ เพื่อให้ปวงชนชาวไทยได้ร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ ดังนี้

ปัจจุบันความหลากหลายทางชีวภาพในแทบทุกประเทศรวมทั้งกลุ่มประชาคมอาเซียนกำลังเป็นปัญหาที่คุกคามชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนทุกภูมิภาคจากปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากการเสียดุลทางธรรมชาติด้วย “ฝีมือการทำลาย” ของมนุษย์เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งถ้าปล่อยให้ปัญหานี้คงอยู่ต่อไป ก็จะส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อประเทศชาติและประชาชนในภาวการณ์เช่นนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงพยายามทุกวิถีทางเพื่อปลูกจิตสำนึกในการ “รู้รักษ์” ความหลากหลายทางชีวภาพ

ท่ามกลางปัญหาที่น่าวิตกกังวลสำหรับอนาคตของความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศไทย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงพยายามแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยพระราชกรณียกิจที่สะท้อนการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทยให้คงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน พระราชดำริเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพ บุคคลสำคัญยิ่งที่ทำให้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเห็นคุณค่าและตระหนักถึงความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยผ่าน“คำสอน” และโดยการทรงปฏิบัติพระองค์ให้ทอดพระเนตรในเชิงประจักษ์ ดังทรงเล่าไว้หลายตอนว่า...

...เมื่อข้าพเจ้าแต่งงานนั่นก็อายุ17 กว่า เกือบใกล้ 18 ก็พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นี่ทรงเป็นครูสอน ทรงย้ำให้ข้าพเจ้าเห็นความสำคัญของป่า ให้เห็นความสำคัญของป่าชายเลน แต่ก่อนข้าพเจ้าก็ไม่รู้จักป่าชายเลนนี่อะไร พระเจ้าอยู่หัวท่านรับสั่งว่า ป่าชายเลนเนี่ยต้องคอยดูแลอย่าให้คนทำลายไป เพราะว่าเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์ สัตว์นํ้าวัยอ่อนตามธรรมชาติ ช่วยให้กุ้ง หอย ปู ปลา มีที่หลบภัย และได้เจริญเติบโตขึ้นมาเป็นอาหารของมนุษย์ เดี๋ยวนี้มีการทำลายทั้งป่าใหญ่ ทั้งป่าชายเลน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็รับสั่งกับข้าพเจ้าว่า เวลาไปเยี่ยมราษฎรก็อธิบายให้ฟัง ว่าป่าชายเลนเนี่ยมีความสำคัญอย่างไร ที่เรามีปลา มีกุ้ง มีปู มีหอยอะไรในแม่น้ำต่างๆ เนี่ย ก็เพราะว่าเรามีป่าชายเลน ที่มัน สัตว์นํ้าวัยอ่อนสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นประโยชน์ เป็นอาหารของมนุษย์ เพราะฉะนั้นขอให้ตระหนักถึงความสำคัญของป่าชายเลน อย่าไปทำลาย...


และ...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สอนข้าพเจ้าเสมอว่า ป่าชายเลนให้ช่วยกันระวังรักษา เพราะว่าป่าชายเลนเหมือนสถานอนุบาลของสัตว์นํ้าเล็กๆ ตอนที่เขายังเล็กๆ เขายังไม่สามารถเลี้ยงตัวได้ การที่มีป่าชายเลน ก็ทำให้เขาเลี้ยงตัวได้ และรอดชีวิตเป็นปลาใหญ่ขึ้นมา เป็นกุ้งใหญ่ ปูใหญ่ เจริญเติบโต เป็นอาหารของมนุษย์ต่อไป แต่ถ้าไม่มีป่าชายเลนแล้ว พันธุ์ปลา พันธุ์กุ้ง พันธุ์ปูก็คงจะค่อยๆ สูญไป เพราะเท่ากับเป็นสถานอนุบาล นี่เป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสอนข้าพเจ้าไว้ก็เลยตั้งหน้าตั้งตาสนับสนุนป่าชายเลนและป่าต่างๆ...

อีกตอนหนึ่งว่า...ทุกครั้งที่ได้ทราบข่าวว่ามีการลักลอบตัดป่า ทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และข้าพเจ้า จะรู้สึกไม่สบายใจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสอนแนะนำข้าพเจ้ามาโดยตลอดถึงความสำคัญของป่าไม้ ว่าป่าไม้ของไทยมีความสำคัญหลายประการ คือ เป็นต้นนํ้าลำธารของแม่นํ้าทุกสายในประเทศ และช่วยดูดซับนํ้าไว้ในรากและใต้ดิน กลายเป็นนํ้าใต้ดินให้เราใช้ ช่วยสร้างความชุ่มชื้น ดึงดูดให้มีฝนมาตกในพื้นที่ และช่วยต้านความแรงของนํ้าป่าเวลาฝนตกหนัก อย่างเมื่อคราวที่แล้วไม่นานมานี่ที่แถวทางภาคเหนือ ที่บนป่าทางเหนือก็ขาดต้นไม้มาก แต่ก็ยังไม่หยุดการตัดป่า เพราะฉะนั้นเวลาที่เกิดมีพายุฝนรุนแรงก็ นํ้าป่าก็ถล่มลงมา เอาดินลงมาอย่างแรง แล้วก็มาเป็นอันตรายแก่หมู่บ้านของประชาชน อันนี้ก็น่าจะเป็นตัวอย่างที่เห็นแล้วเศร้า เศร้าใจ ที่เราไม่รู้จนทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ พวกทางเหนือมันมีป่าไม้บนเขาแล้วไปลักลอบตัดซะหมด เวลาเกิดพายุร้ายแรงนี่เป็นภัยอันตรายมาก ดินถล่ม ชีวิตคนแย่

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงน้อมนำความรู้ความเข้าใจดังกล่าวมาปฏิบัติในโครงการต่างๆ ของพระองค์ในลักษณะ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ตามพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังพระราชดำรัสความตอนหนึ่งว่า...

ภารกิจด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติที่ข้าพเจ้าปฏิบัติทุกโครงการ ล้วนเป็นผลมาจากการเรียนรู้จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี ที่ตามเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงใส่พระทัยอย่างลึกซึ้ง ต่อปัญหาการทำลายป่าไม้ที่มีความรุนแรงและทรงอธิบาย ให้ข้าพเจ้าเข้าใจในความสำคัญของป่าไม้ ข้าพเจ้าจึงนำความรู้ความเข้าใจดังกล่าวนี้มาปฏิบัติภายใต้โครงการต่างๆ ให้ชาวบ้านรู้จักการดำรงชีวิต โดยสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของป่า เพื่อให้เขารู้จักปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตจากเดิม ที่เคยทำลายป่าไม้ให้กลับเป็นผู้ปกป้องดูแลป่า และสามารถอาศัยอยู่ร่วมกับป่าได้ชั่วลูกชั่วหลาน

การที่ทรงได้รับ “การสอน” จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของบ้านเมืองที่ถูกทำลายลงอย่างมาก จนก่อให้เกิดปัญหาความเดือดร้อนด้วยภัยพิบัติทางธรรมชาติแก่ประชาชน ดังพระราชดำรัสความตอนหนึ่งว่า...

...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านสอนข้าพเจ้าอย่างนี้ บอกเนี่ยเป็นอย่างนี้ พูดเท่าไรไม่ฟังก็ต้องตายซะก่อน เห็นซะก่อนถึงจะเชื่อฟัง เพราะว่ามันก็ต้องถล่มแน่ เพราะพื้นที่มันเป็นพื้นที่สูงอย่างนี้ มันเป็นป่า เมื่อฝนแรงมากตกลงมาดินมันก็ต้องถล่มลงมาทับตัวเอง และไม้ที่ตัวเองขึ้นไปตัวต่างๆ ก็ถล่มมากับนํ้ามาทับหมดเลย ข้าพเจ้าว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงมาทำลายหมู่บ้านต่างๆ เป็นอย่างมากก็ด้วยเหตุนี้ ทีนี้หน้าที่ของพวกเราก็คือว่า จะต้องกระจายข่าวไปว่า อันนี้ที่จะตายไม่ตายแหล่ ก็เรื่องที่ปล่อยให้คนที่เห็นแก่ตัวไปเที่ยวตัด ไปถล่มป่าไม้ ไม่ดูภูมิประเทศ ไม่ดูถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นแก่คนยากคนจนที่อยู่ชายเขาริมเขา...หวังจะได้รับความร่วมมือจากทุกท่านว่า ตั้งต้นเสียทีเถิด...

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำริเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพ คือ ทรงเน้นคุณค่าและความสำคัญของธรรมชาติและสภาพแวดล้อม ซึ่งเป็นแหล่งของความหลากหลายทางชีวภาพ พระราชดำริมีลักษณะเสริมและสนับสนุนพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้แก่1.น้ำ เปรียบเสมือน “ชีวิต” ของทุกชีวิตไม่ว่าจะเป็นพืช สัตว์ และคนดังพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ว่านํ้าคือชีวิต ชีวิตจะขาดนํ้าไม่ได้ โดยเฉพาะนํ้าจืดที่ใช้ในการบริโภคและอุปโภค 2.ป่า ประกอบด้วยป่าไม้และป่าชายเลน ซึ่งเป็นแหล่งต้นนํ้าลำธาร แหล่งอาหาร คลังยารักษาโรค กอปรด้วยสมุนไพรต่างๆ และเป็นแหล่งอนุรักษ์และขยายพันธุ์พืชและสัตว์ป่า3.พืชและสัตว์ แบ่งเป็น 2 ประเภท(1) พืชและสัตว์ป่า โดยเฉพาะประเภทที่หายากและกำลังจะหมดไปจากแผ่นดินไทย จึงมีพระราชดำริส่งเสริมให้มีการอนุรักษ์และพัฒนาสายพันธุ์เพื่อให้พืชพรรณและสัตว์ป่าเหล่านั้นยังคงอยู่ต่อไปเพื่อความอุดมสมบูรณ์ของป่าและระบบนิเวศน์ของประเทศ (2) พืชและสัตว์เศรษฐกิจทั้งบนบกและในนํ้า มีความสำคัญต่อชีวิตความเป็นอยู่ “ปากท้อง” ของประชาชน จึงมีพระราชดำริส่งเสริมให้มีการศึกษาค้นคว้าวิจัยพัฒนาเพื่อให้เป็น “ธนาคารอาหาร” ของประชาชน 4.ระบบนิเวศน์ทรงให้ความสำคัญต่อระบบนิเวศน์ของทุกภูมิภาคในประเทศไทย จึงทรงมีพระราชดำริเน้นความสำคัญและคุณค่าของการรักษาดุลยภาพของความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อเป็นผลดีต่อระบบนิเวศน์ของบ้านเมืองเพื่อประโยชน์ในการดำเนินชีวิตอย่างมีสุขอนามัยที่ดีของปวงชนชาวไทย

พระราชกรณียกิจเกี่ยวกับการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ

พระราชดำริในการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพดังกล่าวนำไปสู่พระราชกรณียกิจในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นด้านต่างๆ ดังนี้ด้านการอนุรักษ์และพัฒนาพันธุกรรมพืชประกอบด้วยโครงการที่สำคัญคือ โครงการคืนชีวิตกล้วยไม้ไทยสู่ไพรพฤกษ์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการอนุรักษ์กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ สวนป่าสิริกิติ์โครงการพัฒนาป่าไม้อันเนื่องมาจากพระราชดำริและโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติสะเมิง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

ด้านการอนุรักษ์และพัฒนาพันธุกรรมสัตว์ โครงการที่สำคัญคือโครงการคืนช้างสู่ธรรมชาติ โครงการศึกษาความหลากหลายของนิเวศวิทยาหิ่งห้อยในประเทศไทยในพระราชดำริ โครงการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าคืนสู่ธรรมชาติตามแนวพระราชดำริ โครงการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าหายากของโลกตามพระราชเสาวนีย์และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา78 พรรษา 12 สิงหาคม พ.ศ.2553ซึ่งประกอบด้วย โครงการเพาะเลี้ยงชะมดเช็ดในโครงการฟาร์มตัวอย่างบ้านดงเย็น จังหวัดเชียงใหม่ โครงการอนุรักษ์ละมั่งสายพันธุ์ไทยโดยใช้ละมั่งสายพันธุ์พม่า การขยายพันธุ์นกกระเรียนไทยโครงการการเพิ่มประสิทธิภาพทางการสืบพันธุ์ และการเก็บรักษาพันธุกรรมสัตว์ป่าตระกูลแมว รวมทั้งโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย นอกจากนี้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ยังโปรดเกล้าฯ ให้ดำเนินงานโครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์สัตว์ป่าอื่นๆ ด้วย เช่น สวนสัตว์ตามโครงการพระราชดำริแห่งบ้านกะลุบี จังหวัดนราธิวาส โครงการ

สวนป่าและอนุรักษ์ป่าเขาสำนัก จังหวัดนราธิวาส และสวนสัตว์ป่าเปิดเขาค้อจังหวัดเพชรบูรณ์ นอกจากสัตว์ป่าแล้วยังทรงอนุรักษ์ส่งเสริมและพัฒนาสัตว์ทะเล ได้แก่ โครงการสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล โครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการฟื้นฟูทรัพยากรพันธุ์ปลาและสัตว์นํ้าจืดของไทย โครงการฟาร์มทะเลตัวอย่าง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี ศูนย์ผลิตพันธุ์ปลา โครงการศูนย์พัฒนาเกษตรภูสิงห์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กรมประมง) จังหวัดศรีสะเกษ และโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาและอนุรักษ์พันธุ์ปลาทะเลอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดกระบี่

ด้านการคุ้มครองระบบนิเวศน์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโครงการหลายโครงการที่มีบทบาทสำคัญยิ่งในการคุ้มครองระบบนิเวศน์ของประเทศไทย ได้แก่ โครงการป่ารักนํ้า โครงการปลูกป่ารอบพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์:พระราชดำริแห่งการเริ่มฟื้นฟูป่าภาคอีสานโครงการพัฒนาบ้านแม่ตํ๋า จังหวัดลำปาง โครงการสวนป่าเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถจังหวัดราชบุรี โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด (ภาคตะวันออก) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการสวนพฤกษศาสตร์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัดนราธิวาส และโครงการบำรุงรักษาต้นสักใหญ่ตามพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นอกจากการอนุรักษ์ พัฒนา และบำรุงรักษาแล้ว ยังทรงมีพระราชวิสัยทัศน์ให้จัดตั้งโครงการฝึกอบรมอาสาสมัครพิทักษ์ป่า และโครงการธง “พิทักษ์ป่าเพื่อรักษาชีวิต” อันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อปลูกฝังให้คนในพื้นที่ตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญและประโยชน์ของป่าแก่ตนเอง ครอบครัว สังคมและประเทศชาติ อันจะนำไปสู่การเกิด “จิตอาสา” เพื่อช่วยกันพิทักษ์ป่าให้เป็นมรดกทางธรรมชาติที่สำคัญยิ่งแก่ลูกหลานและประเทศชาติตลอดไป กับทั้งยังทรงเห็นความสำคัญของการป้องกันไฟป่า ซึ่งเป็นมหันตภัยอีกอย่างหนึ่งของป่าและสิ่งมีชีวิตที่พึ่งพาอาศัยป่า จึงทรงมีพระราชดำริให้หามาตรการป้องกันด้วยความรอบคอบไม่ประมาทอันแสดงถึงพระราชวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลประกอบด้วยพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณต่อผู้ทำหน้าที่ป้องกันไฟป่า ซึ่งยอมเสียสละตนเอง แม้กระทั่งชีวิตเพื่อปกป้องป่าและสรรพสิ่งในป่าจากมหันตภัยนี้พระองค์เองได้เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานขวัญและกำลังใจให้แก่คนเหล่านั้นหลายครั้งและได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวนมาก เพื่อก่อตั้งโครงการ “จัดตั้งกองทุนไฟป่า” สำหรับบุคคลผู้เสียสละเหล่านั้น

จะเห็นได้ว่าในการประกอบพระราชกรณียกิจทั้งด้านการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช การอนุรักษ์พันธุกรรมสัตว์ และการคุ้มครองระบบนิเวศน์ด้วยการดำเนินการของโครงการต่างๆ อันเนื่องมาจากพระราชดำริดังกล่าว เป็นเรื่องที่มีความสัมพันธ์โดยพื้นฐานกับนํ้า ป่า สัตว์และพืช ดังโครงการที่สำคัญเกี่ยวกับนํ้าเช่น โครงการรักนํ้าเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน ประกอบด้วย โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งนํ้าลุ่มนํ้าแม่ละมาดห้วยหมาก-ลาง บ้านหนองเขียว บ้านทุ่งมะขามป้อม จังหวัดแม่ฮ่องสอน โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งนํ้าลุ่มนํ้าแม่คำบ้านมโนสุจริต บ้านป่าแอ๋ จังหวัดเชียงราย โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งนํ้าลุ่มนํ้าของบ้านดอยคู บ้านซอแบะ จังหวัดแม่ฮ่องสอน โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งนํ้าลุ่มนํ้าปาย บ้านห้วยเสือเฒ่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งนํ้าลุ่มนํ้าแม่สะงา บ้านมะเขือส้มจังหวัดแม่ฮ่องสอน และโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งนํ้าลุ่มนํ้าแม่ละมาด ห้วยหมาก-ลาง บ้านนํ้าโค้ง จังหวัดแม่ฮ่องสอน นอกจากนี้ ได้แก่ โครงการ “เยาวชนร่วมใจ ลดนํ้าเสีย คืนนํ้าใสให้เจ้าพระยา” เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มนํ้าปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ระบบบำบัดนํ้าเสียเฉพาะจุด เทศบาลเมืองปากพนังและเทศบาลตำบลหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช

โครงการเกี่ยวกับป่าแบ่งได้เป็นป่าไม้และป่าชายเลน โครงการเกี่ยวกับป่าไม้ประกอบด้วย โครงการ “ตามรอยแม่ของแผ่นดิน” การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์โครงการส่งเสริมและพัฒนาการมีส่วนร่วมของชุมชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ (สสอ.) พื้นที่ป่าสิริกิติ์หรือพื้นที่ป่าฮาลา-บาลาจังหวัดยะลา กับการรักษาพื้นที่ป่า โครงการศูนย์พัฒนาการเกษตรภูสิงห์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กรมป่าไม้) จังหวัดศรีสะเกษ สำหรับป่าชายเลนประกอบด้วยโครงการพัฒนาป่าไม้ปากนํ้าปราณบุรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการปลูกป่าชายเลนถาวรเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในโอกาสทรงพระชนมพรรษา 72 พรรษา

ส่วนโครงการเกี่ยวกับพืชและสัตว์นั้น นอกจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะทรงให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์พืชป่าและสัตว์ป่ารวมทั้งสัตว์ทะเลที่หายากและแทบจะหมดไปจากผืนแผ่นดินไทยแล้ว ยังทรงสนพระราชหฤทัยเรื่องเกี่ยวกับพืชและสัตว์เศรษฐกิจด้วย ทั้งนี้เนื่องจากทรงมีพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณที่จะให้ประชาชนทุกคนบนผืนแผ่นดินนี้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยเฉพาะ “การกินอยู่” อย่างยั่งยืนและพอเพียง ได้ทรงส่งเสริมให้มีการศึกษาวิจัยเพื่อให้มีการค้นคว้าวิธีการบำรุงและพัฒนาสายพันธุ์สัตว์และสายพันธุ์พืชให้มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ยิ่งขึ้นแก่มนุษย์ โครงการเกี่ยวกับสัตว์เศรษฐกิจ เช่น โครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ โดยกรมปศุสัตว์ ประกอบด้วย ศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์เชียงใหม่ และสถานีทดสอบพันธุ์สัตว์ แม่ฮ่องสอน และโครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งอยู่ในแทบทุกภูมิภาคของประเทศไทย เริ่มต้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาคือจังหวัดราชบุรีจังหวัดพัทลุง จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดสงขลา จังหวัดปัตตานี จนถึงจังหวัดอ่างทองตามลำดับ ทั้งนี้ ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะให้ประชาชนมีธนาคารอาหาร (Food Bank) ไว้เพื่อการบริโภคได้แม้ในยามเกิดทุกขภิกขภัย ภาวะข้าวยากหมากแพงหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆ รวมทั้งการให้คนในพื้นที่ได้เรียนรู้ฝึกฝนการประกอบอาชีพเกษตรกรรมและปศุสัตว์เพื่อจะได้มีอาชีพที่จะใช้ในการดำเนินชีวิตต่อไปอย่างยั่งยืนและพอเพียงดังกล่าวมาแล้วในขณะเดียวกันก็เป็นการช่วยกันรักษาระบบนิเวศน์ให้แก่พื้นที่ของตนโดยทางอ้อมด้วย

ส่วนในเรื่องพืชเศรษฐกิจ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงดำเนินการในเรื่องนี้ด้วยสายพระเนตรที่ยาวไกลว่าพืชบางประเภทจะสามารถกลายเป็นพืชเศรษฐกิจ ให้อาชีพแก่ประชาชนได้อย่างยั่งยืนและไม่ทำลายระบบนิเวศน์ในพื้นที่ ดังจะเห็นได้อย่างชัดเจนในการส่งเสริมให้มีการศึกษาค้นคว้าวิจัยพืชกัญชงทั้งในด้านข้อดีและข้อเสีย ในที่สุดก็พบว่าพืชกัญชงมีคุณประโยชน์ทั้งในด้านเศรษฐกิจและในด้านระบบนิเวศน์ โดยใช้เวลาและการลงทุนไม่มาก เมื่อได้ข้อสรุปจากการศึกษาวิจัยดังกล่าว จึงโปรดเกล้าฯ ให้รัฐบาลนำไปขยายผลคือส่งเสริมสนับสนุนให้ราษฎรปลูกพืชชนิดนี้เพื่อประโยชน์ทั้งแก่ตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติต่อไป

นับตั้งแต่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมราชินีนาถแห่งพระราชอาณาจักรไทย เมื่อ พ.ศ.2493 ตราบถึงปัจจุบัน ทรงมีพระราชปณิธานอันแน่วแน่มั่นคง ที่จะทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจทำนุบำรุงพระราชอาณาจักรและพสกนิกรชาวไทย สนองพระราชประสงค์แห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะสมเด็จพระอัครมเหสีคู่พระบารมี อันเป็นเครื่องเฉลิมพระเกียรติคุณแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

เช็กเส้นทางหนีรถติด! บายพาสโคราชหนาแน่น หลังคนเริ่มทยอยกลับปีใหม่

ดูได้ที่นี่ รายชื่อพร้อมเบอร์ ผู้สมัคร พปชร สส กทม ครบทุกเขต

ถึงมือหมอแล้ว! กำลังพลขาขาดรายที่10 เหยียบPMN-2 พื้นที่เขาสัตตะโสม

บุน รานี ภริยาฮุน เซน ปาดน้ำตาไม่หยุด เยี่ยมทหารเขมรบาดเจ็บ มอบเงิน 40 ล้านเรียล

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved