วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ตัวอย่างบ้าน
นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสเยือน Torun ได้ถ่ายรูปในบริเวณเมืองเก่าและเข้า The Living Museum ofGingerbread แล้ว นักท่องเที่ยวชื่นชอบมิวเซียม และวัฒนธรรมอาจเจียดเวลามาเข้า Ethnographic Museum Torun ด้วยก็ได้ ที่นี่เป็นมิวเซียมเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งแต่ 1959 แล้ว ผู้จัดการมิวเซียมที่ดูแลมิวเซียมแห่งนี้อย่างยาวนานคือ ศาสตราจารย์ Maria Znamierowska-Prüfferowa ศาสตราจารย์ด้านมานุษยวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย NicolausCopernicus เธอได้ยกระดับมิวเซียมแห่งนี้ให้เป็นมิวเซียมระดับชาติ และเป็นหนึ่งในสามของมิวเซียมชาติพันธุ์ของโปแลนด์ มิวเซียมแห่งนี้มีหน้าที่เก็บของสะสม ปกป้อง และรักษาของสะสมเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมของชาวโปแลนด์โดยมีของสะสมทั้งเอกสารและวัตถุต่างๆ เกี่ยวกับมานุษยวิทยาเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้มิวเซียมแห่งนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องเกี่ยวกับมานุษยวิทยาของเมืองกับชาวเมือง ชาวโปแลนด์และนักท่องเที่ยวทั่วโลกอีกต่างหากด้วย
มิวเซียมแห่งนี้ไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองแต่ไม่ได้ห่างไกลจนต้องใช้รถบัส นักท่องเที่ยวต้องเดินออกจากบริเวณเมืองเก่าไปทางทิศเหนือ 450 เมตร ค่าใช้จ่ายในการเข้าส่วนจัดแสดงถาวรที่เรียกว่า Secret of Everyday Life สนนราคา 5 เหรียญแต่ผู้สูงอายุสามารถเข้าฟรี และส่วนนิทรรศการที่เรียกว่า Ethnographic Park 9 เหรียญ นักท่องเที่ยวที่ไม่สนใจจะชมงาน outdoor สามารถเลือกดูเฉพาะภายในได้ หรือหากสนใจจะชมภายหลัง ค่าใช้จ่ายไม่ต่างกันเพราะไม่มีส่วนลดหากเลือกชมทั้งส่วนจัดแสดงถาวรและส่วนนิทรรศการเหมือนอย่างมิวเซียมแห่งอื่น
ส่วน Secret of Everyday Life เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมรอบทะเลบอลติกระหว่างปี 1850-1950 ภายในจะมีการจัดแสดงเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของผู้คนแถบ Kujawsko-Pomorski ซึ่งประกอบไปด้วยเมือง Kujawy, Bory Tucholskie,Kociewie, Paluki, Krajna ในเรื่องการทำมาหากินของชาวนาชาวไร่ และการทำงาน แม้ชีวิตในช่วงเวลานั้นจะไม่ได้น่ารื่นรมย์ แต่ชาวบ้านกลับสามารถตีความ และดัดแปลงวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ให้พวกเขาสามารถที่จะผ่านความทุกข์ยากไปได้อย่างน่ารื่นรมย์ ของจัดแสดงยังเน้นย้ำถึงเส้นกั้นระหว่างอิทธิพลในเรื่องวัฒนธรรมของผู้มั่งคั่งและคนชั้นกลางที่แตกต่างจากชาวบ้านทั่วไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารยธรรม
แม้ชาวบ้านแถบนี้จะเป็นชาวโปลที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกเป็นส่วนใหญ่ แต่เนื่องจากที่นี่เป็นเมืองท่าและเมืองการค้าสำคัญ วัฒนธรรมต่างชาติต่างศาสนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวเยอรมัน ชาวดัตช์ชาวรัสเซีย ชาวโปแตสแตนท์ ยิปซีและชาวยิว จึงมีอิทธิพลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนไม่น้อย นักท่องเที่ยวจะได้ทราบว่าในระหว่างปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 คนแถวนี้กินอะไร แต่งตัวอย่างไร ทำความสะอาดร่างกายและบ้านอย่างไร และการใช้ชีวิตยามว่างเป็นอย่างไร
นักท่องเที่ยวที่มีเวลาและสนใจเกี่ยวกับบ้านของชาวโปลก็อาจเพิ่มเวลาในการเยี่ยมเยือนและจ่ายเงิน 9 เหรียญหรือประมาณ 90 บาทไทย เพื่อชมนิทรรศการแบบบ้านที่ชาวโปลอาศัยอยู่ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 เนื่องจากเมือง Torun อยู่ค่อนมาทางเหนือของทวีปยุโรป ในฤดูหนาวจึงมีอากาศหนาวเย็นมาก นักท่องเที่ยวจะได้เห็นแบบบ้านที่คนเมืองหนาวอยู่โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังคาที่ทำจากหญ้าแห้งหนาหลายนิ้วถึงเป็นฟุต การจัดสัดส่วนในบ้านที่ห้องนอนเกือบทุกห้องจะมีรูปภาพที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนาติดอยู่อันสะท้อนให้เห็นถึงความเคร่งครัดในศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกอันเป็นศาสนาประจำถิ่นบ้านที่ไม่มีปล่องไฟ บ้านของช่างเหล็กที่เต็มไปด้วยเครื่องไม้เครื่องมือในการตีเหล็ก บ้านของชาวนา โรงนา โรงเลี้ยงสัตว์ สถานีดับเพลิง กังหันลมและกังหันน้ำ
หลังจากที่นักท่องเที่ยวเยี่ยมเยือนมิวเซียมแห่งนี้เสร็จ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะไม่เพียงได้ความรู้และสนุกสนานกับการถ่ายภาพกับแบบบ้าน เข้าใจชีวิตผู้คนเท่านั้น ยังอาจรู้สึกว่าตัวเองได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปหลายร้อยปีในดินแดนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยทีเดียว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี