วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
สุชาดา สหัสกุล
สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย เผยภาพรวมของธุรกิจหนังสือพอคเกตบุคในปี 2561 สำนักพิมพ์เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณการผลิต ขณะเดียวกันต้องเข้าใจคนอ่านของตัวเองและใช้เครื่องมือโซเชียลมีเดียได้ดีหรือผลิตหนังสือตามไลฟ์สไตล์ของคนอ่าน
นางสุชาดา สหัสกุล นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) กล่าวว่าเพื่อการอยู่รอดในธุรกิจสำนักพิมพ์ต้องมีการปรับตัวต้องพิมพ์งานที่ตนเองถนัดและและรู้จักผู้อ่านของตัวเองมากขึ้น โดยเน้นเรื่องของคุณภาพเป็นหลักมีการวิจัยข้อมูลหรือสำรวจตลาดก่อนการผลิตจะช่วยลดความสูญเสียลงได้ ในบางสำนักพิมพ์มีการสร้างชุมชนการอ่านหรือแฟนหนังสือของตัวเองขึ้นมา ไม่ใช่แค่อยากทำอะไรก็ทำ คิดในมุมกลับโดยเอาคนอ่านเป็นหลักว่าอยากอ่านอะไร มีสำนักพิมพ์เกิดใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์ที่เข้าใจคนอ่านของตัวเองและใช้เครื่องมือโซเชียลมีเดียได้ดี หลายสำนักพิมพ์มีการโยนหินถามทางด้วยวิธีการพรีออเดอร์ในส่วนของสำนักพิมพ์ใหญ่ๆอาจลดสเกลลง แต่มีความชัดเจนมากขึ้น เพราะฉะนั้นแม้ว่าปริมาณการผลิตจะลดลง แต่คุณภาพของหนังสือจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“เด็กและเยาวชน คือกลุ่มผู้อ่านกลุ่มใหญ่ที่สุด พวกเขาอ่านนวนิยาย มังงะ กราฟิก โนเวลไลท์โนเวล ซึ่งการอ่านก็จะเติบโตไปเรื่อยๆ ตามช่วงวัยมีเด็กๆ ที่ตามไปอ่านวรรณกรรมคลาสสิกจากการอ่านไลท์โนเวล ซึ่งโซเชียลมีเดียมีพลังในการสร้างการอ่านในกลุ่มนี้ค่อนข้างมาก เพราะเป็นพลังในการบอกต่อ จากไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของผู้อ่าน ยอดขายหนังสือโดยรวมจึงไม่ได้ลดลง เพียงแต่ไปอยู่ในการขายออนไลน์มากขึ้น”
นางสุชาดา ยังกล่าวต่อว่า ในปีนี้สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯได้วางแผนการทำงานเพื่อพัฒนาภาพรวมของวงการหนังสือโดยรวม ทั้งในแง่ของธุรกิจและการสร้างการอ่าน เช่น งานหนังสือที่จัดในต่างจังหวัดนั้น จะมีการขยายสเกลเป็นงานระดับภาค และมีการเชื่อมโยงกับประเทศใกล้เคียงในแต่ละภูมิภาค อีกทั้ง ยังคงสานต่อ “โครงการ 1 อ่านล้านตื่น” อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการรณรงค์ให้ซื้อหนังสือเพื่อบริจาค เพื่อสร้างให้เด็กไทยรักการอ่าน
.jpg)
นอกจากนี้ ยังมีโครงการใหม่คือ “โครงการหนังสือคัดสรร SELECTED BOOKS” ที่ร่วมกับสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย สมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทย สมาคมนักแปลและล่ามแห่งประเทศไทย ชมรมบรรณาธิการ และชมรมนักออกแบบภาพประกอบ เป็นการคัดสรรหนังสือจากทุกสำนักพิมพ์ เพื่อขยายขอบเขตการอ่านให้หลากหลาย และผู้ผลิตจะได้สร้างสรรค์หนังสือคุณภาพให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม ซึ่งจะส่งผลในทางสร้างสรรค์แก่วงการหนังสืออย่างจริงจัง อีกทั้ง ยังเป็นทางเลือกให้กับห้องสมุดในการจัดหาหนังสือคุณภาพได้หลากหลายมากขึ้นโดยแบ่งเป็น 4 ประเภทหลักๆ คือ หนังสือสำหรับเด็กและเยาวชน, วรรณกรรม (Fiction), สารคดี (Non-Fiction), เรื่องแปล และนิยายภาพ (GraphicNovel) และในส่วนของต่างประเทศจะมีการก่อตั้งศูนย์Thai Right Center ขึ้นมาเพื่อเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อระหว่างสำนักพิมพ์กับเอเจนซี่ในการซื้อขายลิขสิทธิ์หนังสือ
อีกโครงการหนึ่งที่สำคัญอย่างยิ่งคือ “โครงการพวงหรีด 4.0 (หนังสือ 4 ขยะ 0)” ซึ่งเป็นงานพัฒนาต้นแบบการรณรงค์การใช้พวงหรีดหนังสือเพื่อสิ่งแวดล้อมและปัญญา โดยเป็นความร่วมมือระหว่างสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯและกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯจะจัดประกวดการออกแบบพวงหรีดหนังสือ เพื่อเป็นต้นแบบให้กับร้านจำหน่ายพวงหรีด โดยในพวงหรีดจะมีหนังสือใหม่สำหรับทุกช่วงวัยที่มีคุณภาพบรรจุอยู่ 4 เล่ม พร้อมกันนั้นก็ประสานงานหาวัดและโรงเรียนที่มีความพร้อมเข้าร่วมโครงการ โดยวัดที่ได้รับพวงหรีดหนังสือจะบริจาคหนังสือนี้ให้แก่โรงเรียนของวัด และโรงเรียนที่ได้รับหนังสือบริจาคก็นำหนังสือนั้นไปจัดมุมหนังสือในห้องเรียนทุกห้องเพื่อให้เด็กสามารถเข้าถึงหนังสือได้ง่ายและสะดวกรวดเร็วที่สุด ซึ่งถ้าคิดว่าวัดจะได้รับพวงหรีดหนังสือคืนละ 4 พวง โรงเรียนจะได้รับหนังสือใหม่อย่างดีวันละ 8 เล่มหรือเท่ากับเดือนละ 240 เล่ม หรือปีละ2,880 เล่ม มากกว่าการจัดซื้อโดยงบประมาณที่ได้จากรัฐหลายเท่า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี