อินเดียมีประชากรประมาณ 1 พัน 3 ร้อย 50 ล้านคน ซึ่งมากเป็นอันดับสองของประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก แน่นอนว่า สังคมโลกส่วนใหญ่จะมองว่าคนอินเดียส่วนมากเป็นคนยากจน แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าคนอินเดียที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี มีรสนิยมดี ซึ่งชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ คนกลุ่มนี้คือชนชั้นกลางของอินเดีย ที่มีจำนวนประมาณ 270 ล้านคน และคาดการณ์ว่าในช่วง ค.ศ. 2025-2026 ชนชั้นกลางของอินเดียจะเพิ่มจำนวนขึ้นประมาณ 100 เปอร์เซ็นต์ หรือมีจำนวนประมาณ 550 ล้านคน
เพียงแค่เห็นจำนวนชนชั้นกลางชาวอินเดียที่กำลังทวีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ นั่นก็หมายถึงการเล็งเห็นถึงศักยภาพของการเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มสำคัญของประเทศไทย
เป็นความจริงที่ว่า นักท่องเที่ยวชาวอินเดียเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอย่างต่อเนื่อง จนติดอันดับ 1 ใน 10 ของนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากที่สุด ในปี 2560 มีสถิติชาวอินเดียเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยประมาณ 1 ล้าน 4 แสนคน ทำรายได้ให้ประเทศประมาณ 6 หมื่น 2 พันล้านบาท อัตราการเข้าพักโดยเฉลี่ยประมาณ 7-8 วัน ประมาณการว่าสิ้นปี 2561 จะมีชาวอินเดียเข้ามาเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้นอีก ร้อยละ 12 หรือเพิ่มประมาณ 1 แสน 7 หมื่นคน และคาดการณ์ต่อไปว่าในปี ค.ศ. 2020 จะมีนักท่องเที่ยวอินเดียเข้ามาเที่ยวในไทย 2 ล้านคน
กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวอินเดียนิยมเข้ามาทำในประเทศไทยมากคือ จัดงานแต่งงานตามแบบฉบับของอินเดีย การดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ (Honey Moon) ท่องเที่ยวในกลุ่มครอบครัว และการเข้ามาจัดประชุมสัมมนา แต่ที่น่าสนใจมากคือ กลุ่มสตรีชนชั้นกลางที่สนใจเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มมาก ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยในการท่องเที่ยว และการเข้ามาเพื่อเลือกซื้อสินค้าของใช้ ซึ่งมีหลายระดับราคาตั้งแต่ราคาระดับกลางถึงระดับหรูหรา
นักท่องเที่ยวสตรีอินเดียหลายคนบอกตรงกันว่า ชอบการซื้อของที่ตลาดและห้างสรรพสินค้าที่ขายเสื้อผ้าย่านประตูน้ำ มาบุญครอง ตลาดนัดจตุจักร และตลาดนัดอื่นๆ ที่เปิดขายสินค้าจำพวกเสื้อผ้า เครื่องประดับ และของใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะตลาดนัดที่เปิดขายในช่วงเย็นจนถึงค่ำ และที่สำคัญคือทุกคนพูดตรงกันคือ เมืองไทยปลอดภัยมากสำหรับการท่องเที่ยวของกลุ่มสตรี บางคนบอกว่าปลอดภัยมากกว่าการเดินทางใช้ชีวิตประจำวันในประเทศของตนเองเสียอีก
ส่วนกลุ่มสุภาพบุรุษก็บอกว่า เมื่อนึกถึงเมืองไทยก็จะนึกถึงทะเลและหาดทรายที่พัทยา นึกถึงการเดินเที่ยวในย่าน walking street และการดูโชว์ศิลปะการแสดงของกลุ่มนักแสดงที่ผ่านการแปลงเพศมาแล้ว ซึ่งสวยงามมาก และได้มาตรฐานระดับโลก ผู้ชายอินเดียหลายคนบอกตรงกันว่า เวลาดูการแสดงชนิดนี้แล้ว นึกว่ากำลังดูโชว์ระดับโลกในประเทศยุโรป และข้อสรุปตรงกันอีกประการหนึ่งคือ การเดินทางท่องเที่ยวในเมืองไทยประหยัดและคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับการเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศอื่นๆ เช่น ยุโรป หรือแม้กระทั่งสิงคโปร์ เพราะจ่ายเงินน้อยกว่ามาก แต่ได้บริการที่มีคุณภาพระดับโลก โดยเฉพาะโรงแรม 5 ดาว และร้านอาหารที่มีบรรยากาศดี รสชาติอาหารดี
เมื่ออินเดียมีความพร้อมของตลาดนักท่องเที่ยวมากถึงเพียงนี้ การเปิดตัวโครงการ Open to the New Shades of Amazing Thailand ให้กับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวอินเดียได้รับรู้ถึงการท่องเที่ยวไทยในแง่มุมที่แตกต่างไปจากเดิม โดยเฉพาะการเน้นส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์จริงที่สร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก คือ The Local Experiences เพราะการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติหรือแม้แต่กระทั่งคนไทยด้วยกันเอง ถ้าหากได้สัมผัสวิถีชีวิตจริงๆ ของผู้คนในชุมชนที่ตนเองได้เข้าไปท่องเที่ยวแล้วย่อมจะสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจได้ตลอดไป
ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายยุทธศักดิ์ สุภสร เปิดประเด็นการเชื่อมโยงจุดขายใหม่ของการท่องเที่ยวไทย-อินเดีย โดยจะชูประเด็น history and connectivity of curry between India and Thai หรือประวัติศาสตร์ของอาหารจำพวกแกง โดยเฉพาะแกงของไทยที่มีเค้าโครงมาจากต้นตำรับของอินเดีย เช่น มัสมั่น ฮังแล และแกงจำพวกกระทิทั้งหลาย เพราะเชื่อว่าเมื่อเริ่มต้นด้วยอาหารที่ทั้งสองฝ่ายถูกปากในชีวิตประจำวันแล้ว ก็น่าจะสามารถสร้างจุดเชื่อมต่ออื่นๆ ได้ต่อไป
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าททท. ด้านสื่อสารการตลาด ย้ำว่า The Local Experiences ที่ททท. ชูประเด็นนี้จะเน้นการทำงานด้านการท่องเที่ยวร่วมกันชุมชุนอย่างแท้จริง เพื่อให้ชุมชุนได้รับผลประโยชน์โดยตรงจากการท่องเที่ยว และเพื่อเพิ่มพูนความรู้ด้านบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวของชุมชนไปพร้อมๆ กัน และมั่นใจว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะประทับใจกับประสบการณ์ตรงที่ได้สัมผัสกับชุมชน เพราะแต่ละชุมชนของไทยมีอัตลักษณ์ที่แตกต่างกันไป ทั้งความเป็นอยู่ขนบธรรมเนียมประเพณี วิถีชีวิต วัฒนธรรม ดนตรีพื้นบ้าน อาหารพื้นถิ่น และผลไม้ประจำท้องถิ่น เมื่อนักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ สัมผัสอย่างใกล้ชิดกับชุมชุนก็จึงเท่ากับเปิดโลกการเรียนรู้ใหม่ๆ และสร้างความประทับใจให้กับการเดินทางท่องเที่ยวแบบไม่มีวันลืม
การจัดงาน Open to the New Shades of Amazing Thailand ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561 ประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวของอินเดียกว่า 300 ราย และสื่อมวลชนอินเดีย 30 ราย เข้าร่วมงานในครั้งนี้
ข้อมูลโดยตรงที่ Mr. Flower ได้จากการสนทนากับผู้ประกอบการท่องเที่ยวชาวอินเดียและสื่อมวลชนอินเดียคือ คนอินเดียโดยเฉพาะคนชั้นกลางมีความรู้สึกที่ดีมากกับประเทศไทย ส่วนใหญ่ของคนอินเดียที่เคยไปท่องเที่ยวในประเทศไทยมาแล้วจะกลับไปเที่ยวซ้ำ และพักอยู่นานกว่าเดิม แม้จะมีปัญหาด้านการสื่อสารกันบ้างในบางชุมชน แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคสำคัญสำหรับการใช้ใจสื่อสารระหว่างกัน คนอินเดียชื่นชอบน้ำใจ และรอยยิ้มของคนไทย ขอให้คนไทยรักษาสิ่งนี้ไว้ เพราะเป็นสิ่งที่หาได้ยากในสังคมอื่นๆ แม้กระทั่งในอินเดียเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี