เมื่อมีอาการปวดฟัน “ปวดฟัน” หลายต่อหลายคนมักมองข้ามและเพิกเฉยต่อการรักษา แต่หารู้ไม่ว่า อาการปวดฟัน เป็นจุดเริ่มต้นของสัญญาณเตือนถึงโรคทางช่องปาก ที่หากไม่ได้รับการรักษา อาจเกิดการอักเสบติดเชื้อ และแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมาได้ เช่น การติดเชื้อบริเวณลำคอ การติดเชื้อในโพรงอากาศไซนัส หรือแม้กระทั่งโรคเยื่อบุหัวใจอักเสบ เป็นต้น
ศูนย์ทันตกรรมเดนทัลลิส และศูนย์รากฟันเทียม โรงพยาบาลเวชธานี ให้ข้อมูลว่า การปวดฟัน หมายถึง อาการปวดบริเวณตัวฟัน หรืออวัยวะรอบตัวฟัน ส่วนใหญ่มักพบว่ามีสาเหตุจากฟันผุทะลุโพรงประสาทฟัน ฟันคุด ฟันแตก ฟันสึก หรืออวัยวะปริทันต์อักเสบ ซึ่งอาการปวดเหล่านั้นไม่สามารถหายเองได้ หากไม่ได้รับการรักษาที่ต้นเหตุ ฉะนั้นเมื่อเกิดอาการปวดฟัน จึงควรพบทันตแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง
สาเหตุของอาการปวดฟัน คือ ฟันผุฟันคุด ฟันร้าวหรือฟันแตก ฟันสึกลึกจนถึงชั้นโพรงประสาทฟัน โรคเหงือกอักเสบ และปริทันต์อักเสบ การอักเสบของเนื้อเยื่อในโพรงประสาทฟัน ปลายรากฟันอักเสบเป็นหนอง เศษอาหารสะสมบริเวณซอกฟันส่งผลให้เหงือกรอบๆ อักเสบ กลายเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย การปวดฟันอันเนื่องมาจากฟันขึ้นกำลังขึ้นในวัยเด็ก การปวดกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกร เนื่องจากการนอนกัดฟัน รวมถึงฟันได้รับบาดเจ็บจากการกระแทก
ประเภทของอาการปวดฟัน อาการปวดฟัน แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ดังนี้ 1.ปวดแบบชั่วคราวหายได้เอง มักเกิดอาการเมื่อได้รับปัจจัยกระตุ้น เช่น การรับประทานของเย็น ของร้อน หรือขณะเคี้ยวอาหาร โดยอาการเหล่านี้จะหายไปได้เองเมื่อกำจัดปัจจัยกระตุ้น ลักษณะอาการปวดมักจะมีลักษณะปวดจี๊ดๆ หรือร่วมกับอาการเสียว โดยมากพบว่าสาเหตุเกิดจากฟันผุหรือฟันบิ่นจนถึงเนื้อฟันชั้นใน ความเย็น ความร้อน และการบดเคี้ยวอาหาร จึงกระตุ้นเส้นประสาทในโพรงประสาทใต้เนื้อฟันได้มากกว่าปกติ ทำให้รู้สึกเสียวฟัน การรักษาให้หายได้โดยการบูรณะฟันร่วมกับการใช้ยาสีฟันลดอาการเสียวฟัน
2.ปวดเป็นจังหวะตุ๊บๆ อาการปวดลักษณะนี้จะเกิดขึ้นได้เองแม้ไม่มีปัจจัยกระตุ้น โดยส่วนใหญ่พบว่าอาการปวดมักเกิดในเวลากลางคืน และการรับประทานของร้อนจะทำให้อาการปวดนั้นแย่ลง ปัจจัยเช่น ของเย็น หรือการเคี้ยวอาหาร ก็พบว่าสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดได้เช่นกัน และพบว่าอาการปวดจะยังคงอยู่ไม่หายไป แม้จะไม่ได้มีสิ่งกระตุ้นเล้วก็ตาม อาจพบร่วมกับอาการบวม หรือหนอง บริเวณเหงือกรอบๆ ฟันซี่นั้น ซึ่งการปวดลักษณะดังกล่าวจะมีความรุนแรงมากกว่าอาการปวดฟันแบบแรก เพราะมีการผุจนทะลุถึงโพรงประสาทภายในฟันแล้ว การรักษาจึงจำเป็นต้องมีการรักษารากฟันร่วมกับการบูรณะฟัน
“ปวดฟัน” อย่าเพิกเฉย ควรพบทันตแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุ และรับการรักษาตามลักษณะอาการและสาเหตุของโรค เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาการปวดอาจรุนแรงมากขึ้นหรือมีไข้ร่วม เหงือกหรือช่องปากบวม ซึ่งทำให้การรักษายากขึ้น และอาจถึงขั้นจำเป็นต้องถอนฟัน
ทั้งนี้ อาการปวดฟัน มักสืบเนื่องมากจากปัญหาฟันผุ ฉะนั้นแล้วเราจึงควรดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้เหมาะสม เพื่อป้องกันอาการปวดฟัน ด้วยการแปรงฟันให้ถูกวิธีอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หมั่นใช้ไหมขัดฟัน และพบทันตแพทย์เป็นประจำเพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี