สิ่งแวดล้อมรอบตัวเราทุกวันนี้เต็มไปด้วยสารพิษต่างๆ มากมาย ทั้งยาฆ่าแมลงที่ตกค้างในอาหาร สารระเหยจากสีทาบ้านและสารปนเปื้อนในน้ำดื่ม โดยที่ในแต่ละปีมีสารพิษเพิ่มมากขึ้นถึง 300,000 ชนิดเลยทีเดียว
นายแพทย์คณิน ไตรพิพิธสิริวัฒน์ แพทย์ด้านเวชศาสตร์ป้องกันและฟื้นฟูแห่งศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ให้ข้อมูลว่า ระดับสารพิษและประเภทสองสารพิษที่ใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไปตอนนี้อยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง ผลิตภัณฑ์หลายๆ อย่างที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ ปนเปื้อนสารพิษที่ละลายน้ำมัน (lipophilic xenobiotic) ซึ่งทำให้สารพิษทั้งหลายสะสมอยู่ในเนื้อเยื่อร่างกายของเรา
แม้ว่าร่างกายเราจะสามารถกำจัดสารพิษได้เอง แต่ก็ไม่สามารถจะต่อสู้ได้กับปริมาณและความซับซ้อนของสารพิษในทุกวันนี้ได้ซะทีเดียว สารพิษเหล่านี้เป็นสารที่ละลายได้ในไขมัน ทำให้ตกค้างอยู่ในผิวของผักและผลไม้ที่เรารับประทานเข้าไป ซึ่งถือเป็นสิ่งที่น่ากลัว เพราะร่างกายเรากำลังถูกจู่โจมจากสารพิษรอบตัวอย่างมากมายที่สามารถมีผลต่อชีวภาพของเรา ตัวอย่างเช่น ยาฆ่าแมลง หรือโลหะหนักทั้งหลาย เป็นตัวการสำคัญที่ไปรบกวนระบบการทำงานของต่อมไร้ท่อ ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ และวัฒนาการของทารกทั้งในขณะตั้งครรภ์และหลังคลอด ถึงร่างกายเราจะกำจัดสารพิษต่างๆ ได้เองเป็นส่วนใหญ่ แต่การที่ร่างกายต้องเผชิญกับสารพิษเป็นเวลานานและต่อเนื่องกันก็สามารถจะส่งผลเสียต่อร่างกายจนเกิดโรคร้ายได้ เช่น โรคมะเร็ง และยังก่อให้เกิดโรคต่างๆ อันเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ภูมิแพ้ ผื่นตามผิวหนัง หอบหืด และอาการอักเสบต่างๆ
นายแพทย์คณิน ไตรพิพิธสิริวัฒน์
การที่จะหลีกเลี่ยงสารพิษรอบตัวเราอย่างสิ้นเชิงนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่เราก็สามารถจะระวังและหลีกเลี่ยงได้อย่างมากที่สุด เช่น ล้างผักและผลไม้อย่างละเอียด พยายามซื้อผักและผลไม้ออร์แกนิค หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เขียนว่ามีส่วนผสมของน้ำหอม งดสูบบุหรี่ ปลูกต้นไม้ในบ้านเพื่ออากาศบริสุทธิ์
หลายคนกำลังกังวลเรื่องสารพิษตกค้างในร่างกาย แนะนำว่าให้ตรวจเลือดและปัสสาวะ เพื่อตรวจหาสารพิษตกค้างในร่างกาย โดยที่สารพิษตกค้างเหล่านี้ สามารถกำจัดออกไปได้โดยหลากหลายวิธี รวมถึงการขับสารพิษ โดยที่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
กับการเลือกรับประทานวิตามิน เพื่อช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายนั้น นายแพทย์คณิน ชี้ว่า ในความเป็นจริงแล้ว ภูมิคุ้มกันของร่างกายเราถูกสร้างและสะสมมาเป็นเวลานาน การรับประทานวิตามินเป็นอาหารเสริมที่มากเกินไปในระยะเวลาสั้น ไม่ได้ส่งเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย ในทางตรงกันข้ามหากรับประทานอาหารเสริมเหล่านี้มากไป จะส่งผลตรงกันข้าม
ทั้งนี้ เราควรทำความเข้าใจกันก่อนว่าการรับประทานอาหารวิตามินอาหารเสริมนั้น เป็นแค่ตัวช่วยในการมีสุขภาพที่ดี ไม่ใช่จะนำมาทดแทนวิถีชีวิตประจำวันเพื่อสุขภาพที่ดีได้ คนที่มีอาการเจ็บป่วยตลอดเวลา เช่น เป็นหวัดง่าย ควรพบแพทย์มากกว่าการรับประทานวิตามินอาหารเสริมจำนวนมากแต่ก็มีวิตามินอาหารเสริมบางอย่างที่สามารถช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้เราต่อสู้กับโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อย่าง Glutamine เป็น non-essential amino acid ซึ่งช่วยรักษาสมดุลในผนังระบบทางเดินอาหารและส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันโดยทั่วไป Glutamine จะลดลงเมื่อเราออกกำลังกาย ทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอไปด้วย ฉะนั้น การรับประทานเป็นอาหารเสริมจะช่วยให้เรามี Glutamine ในระดับคงที่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ควรรับประทานต่อเนื่องนานเกินไป โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยมะเร็ง เพราะเซลล์มะเร็งสามารถนำ Glutamine ไปใช้เป็นพลังงานได้
วิตามินซี เป็นสารอาหารอีกตัวหนึ่งที่มีการวิจัยต่างๆ ออกมาสรุปแล้วว่ามีผลต่อการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพอีกตัวหนึ่งเลยทีเดียว โดยวิตามินซีจะไปช่วยกระตุ้น neutrophils และ lymphocytes ให้ทำงานซึ่งทั้งสองตัวนี้จัดว่าเป็นกองหน้าในการต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมในร่างกายเลยทีเดียว
วิตามินเอ นอกจากจะช่วยให้ผนังของเซลล์ในร่างกายมีสุขภาพที่ดีแล้ว ยังช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อในร่างกายอีกด้วย โดยที่มีงานวิจัยค้นพบว่า ถ้าร่างกายขาดวิตามินเอ ทำให้ติดเชื้อผ่านทางระบบทางเดินหายใจได้ง่ายยิ่งไปกว่านั้นหากเราอยู่ในที่ที่อากาศแห้ง เช่น ห้องแอร์ ก็จะทำให้แบคทีเรีย หรือไวรัสเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
สังกะสี มีหน้าที่สำคัญต่อระบบต่างๆ ในร่างกายถึง 300 อย่างทีเดียวรวมถึง ระบบภูมิคุ้มกันด้วย โดยที่สังกะสีเปรียบเสมือนน้ำมันขับเคลื่อนตัวสำคัญในต่อมไธมัส ที่เป็นตัวผลิต T-lymphocyte ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตเม็ดเลือดขาวไว้ต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมในร่างกายเราต่อไป
นอกเหนือจากวิตามินอาหารเสริมที่กล่าวไว้เบื้องต้นแล้ว น้ำผึ้ง ขิง และ พริก ก็เป็นอาหารที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ที่ช่วยต่อสู้กับโรคหวัดต่างๆ ได้อีกด้วย โดยที่น้ำผึ้งเป็นสารต่อสู้กับแบคทีเรียตามธรรมชาติ ขิงและพริกช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิตทำงานได้ดี
นอกจากสารอาหารที่สำคัญแล้ว การดื่มน้ำ ก็เป็นปัจจัยสำคัญต่อการมีสุขภาพที่ดีอีกด้วย โดยที่ความชุ่มชื้นช่วยให้เซลล์มีสุขภาพที่ดีและทำงานเป็นปกติในการต่อสู้กับแบคทีเรียและไวรัส โดยเฉพาะนักกีฬาและคนทำงานในออฟฟิศที่มักจะประสบกับภาวะร่างกายขาดน้ำเป็นประจำ
สามารถติดตามข้อมูลสุขภาพของศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ในเครือโรงพยบาลบำรุงราษฎร์ ได้ที่ https://www.vitallifeintegratedhealth.com โทร.02-0668899
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี