เพื่อรณรงค์ให้ผู้คนหันมาให้ความสำคัญการดูแลสภาพอากาศภายในบ้าน ป้องกันโรคหอบหืดโดยเฉพาะในเด็ก
ซึ่งมีสาเหตุสำคัญมาจากภูมิแพ้ เพราะปัจจุบันมีผู้ป่วยที่ต้องทนทุข์ทรมานจากโรคหอบหืดทั่วโลกถึง 334 ล้านคน และคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มสูงขึ้นกว่าอีก 100 ล้านคนภายในปี พ.ศ.2568 ในขณะที่ในประเทศไทยคาดว่ามีผู้ป่วยโรคหอบหืด ประมาณ 3 ล้านคน เสียชีวิต 1,000 คนต่อปี และพบว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคหอบหืดเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10 จากประชากรทั้งหมด
โรคหอบหืด (Asthma) คือ โรคของระบบทางเดินหายใจซึ่งเกิดจากการหดตัวหรือตีบตันของช่องทางเดินหายใจ ทำให้อากาศเข้าสู่ปอดน้อยลง แท้จริงแล้วเป็นผลจากการอักเสบของเยื่อบุหลอดลม ทำให้ผู้ป่วยมีอาการหายใจลำบากไอ มีเสมหะที่เหนียวออกมามาก โดยเฉพาะเมื่อหายใจออกเกิดอาการเหนื่อยเวลาหายใจ เมื่ออาการหอบเพิ่มขึ้นเวลาหายใจจะมีเสียงดังวี้ดๆ เมื่อเป็นมากขึ้นจะเหนื่อยจนไม่สามารถหายใจเข้าออกได้ อาจทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตอย่างเฉียบพลันได้
โรคหอบหืดส่วนมากนั้นจะเริ่มเป็นตั้งแต่เด็กๆ โดยนับเป็นโรคเรื้อรังที่พบมากที่สุดในเด็ก ตรวจวินิจฉัยได้ยาก และมักพบเมื่อเด็กมีอายุเกิน 5 ปีไปแล้ว เด็กกว่าร้อยละ 80 มีอาการหอบหืดจากภูมิแพ้ ซึ่งถูกกระตุ้นโดยสารก่อภูมิแพ้ เช่นสปอร์ เชื้อรา ขนสัตว์ ไรฝุ่น และละอองเกสรดอกไม้ต่างๆ รวมถึงอนุภาคฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 แบคทีเรีย ไวรัส การเปลี่ยนแปลงของความชื้นในอากาศและอุณหภูมิที่มาจากการทำกิจกรรมต่างๆ ภายในบ้าน เช่น การทำอาหาร การเลี้ยงสัตว์เลี้ยง การตกแต่งบ้านด้วยพรมและดอกไม้ เป็นต้น
นายแพทย์ Chiang Wen Chin ประธาน สมาคมโรคหืดและโรคภูมิแพ้ ประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า “การรักษา
คุณภาพอากาศภายในบ้านมีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยลดสารกระตุ้น เช่น สารก่อภูมิแพ้ มลพิษ และความชื้นในอากาศ ที่ทำให้อาการหอบหืดในเด็กกำเริบได้ ถึงแม้เราจะไม่สามารถควบคุมมลพิษในอากาศภายนอกบ้านได้ แต่พ่อแม่สามารถเริ่มจัดการกับสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้ดีขึ้นได้”
ด้าน นางสาวสิริวรรณ นิจกิจจาทร ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มธุรกิจ Personal Health บริษัท ฟิลิปส์ จำกัด (ประเทศไทย)กล่าวว่า “หลายๆ คนให้ความสำคัญกับเรื่องมลพิษทางอากาศภายนอกบ้าน โดยลืมคิดไปว่าจริงๆ แล้วเราใช้ชีวิตอาศัยอยู่ในบ้านมากกว่า และจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้ว่าอากาศในบ้านของเราอาจมีมลพิษมากกว่าอากาศภายนอกถึง 2-5 เท่า* โดยกิจกรรมต่างๆ ภายในบ้านล้วนเป็นปัจจัยที่สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้ และอาการของโรคหอบหืดให้กำเริบได้ หรือแม้กระทั่งเมื่อใดคุณเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ ก็อาจนำสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ และอนุภาคที่เล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM2.5) เข้ามาในบ้านของคุณได้ หรือสิ่งของตกแต่งภายในบ้านและเฟอร์นิเจอร์ใหม่ๆ อาจปล่อยก๊าซและสารระเหย TVOC ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจได้เช่นกัน สำหรับผู้ปกครองที่ลูกได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหอบหืดต้องประสบกับภาวะความเครียดและความกังวลเป็นอย่างมาก อีกทั้งอาการหอบหืดเรื้อรังจะทำให้เด็กเกิดอาการนอนไม่หลับ รู้สึกเหนื่อยล้าระหว่างวันและขาดเรียนบ่อยส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำของเด็กๆ ด้วย”
“ดังนั้น ฟิลิปส์ ตอกย้ำแนวคิดในการนำเสนอนวัตกรรมที่ช่วยให้ผู้คนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เราจึงมุ่งมั่นที่จะร่วมให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคหอบหืดและภูมิแพ้ พร้อมทั้งสนับสนุนให้คนไทยหันมาใส่ใจการดูแลสภาพอากาศภายในบ้าน ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์เครื่องฟอกอากาศ Philips Air Purifier Series 3000i มีระบบกรองอากาศสามารถดักจับอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.7% พร้อมจับมือกับแอพพลิเคชั่น Air Matters ที่สามารถตรวจวัดมลพิษ เก็บข้อมูลย้อนหลัง และแสดงผลให้ผู้ใช้สามารถวัดได้ว่าค่ามลพิษสูงถึงระดับใดเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นอาการภูมิแพ้และหอบหืด เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวได้สูดอากาศบริสุทธิ์ และสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้อย่างราบรื่น”
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ข้อมูลผู้บริโภคฟิลิปส์ โทร.02-6143340 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ฟิลิปส์ได้ที่ www.philips.co.th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี