ผมตั้งใจอย่างมากที่จะเชิญชวนคุณๆ ร่วมทริปไปเชียงใหม่ ในยามที่เมืองเชียงใหม่ไม่มีเทศกาลงานสำคัญใดๆ เหตุผลสำคัญที่ชวนคุณไปเที่ยวในยามที่ไม่มีเทศกาลก็เพราะ นครเชียงใหม่ยังคงมีมนต์เสน่ห์ที่ทำให้คุณใหลหลงได้เสมอ ขอบอกเลยว่าการเที่ยวชมเมืองเก่าของเชียงใหม่ในยามที่ผู้คนและนักท่องเที่ยวไม่มากมายขวักไขว่จนตาลาย ทำให้เราสามารถซึมซับความงาม
วิจิตรบรรจงของโบราณสถาน และวัดวาอารามของพิงค์นครแห่งนี้ได้อย่างมีความสุขเกินบรรยาย
คุณๆ ที่ไปเชียงใหม่มาก่อน คงเคยไปวัดพระสิงห์วรมหาวิหารมาแล้ว แต่อยากถามคุณว่า คุณเคยใช้เวลาเนินนานอยู่ภายในวัดพระสิงห์หรือไม่ หรือแค่รีบๆ เข้าไปไหว้พระพุทธรูปแล้วก็รีบกลับออกมา คุณเชื่อไหม บางคนที่ไปถึงวัดพระสิงห์แต่กลับไม่เคยมีโอกาสเข้าไปกราบนมัสการพระพุทธสิหิงค์ (พระสิงห์) เลย แถมบางคนยังไม่รู้ด้วยว่าพระสิงห์ประดิษฐานอยู่ที่ใด เพราะเข้าใจเอาเองว่าเมื่อไปถึงวัดแล้ว ก็เข้าไปในวิหารใหญ่ที่อยู่ด้านหลังรูปปั้นของครูบาศรีวิชัย แล้วก็นึกเอาเองว่าพระพุทธรูปในวิหารนั้นคือพระสิงห์ ทั้งที่พระพุทธรูปในวิหารหลวงคือพระศรีสรรเพชร (หลวงพ่อโต) พระประธานของวิหารหลวง ส่วนพระพุทธสิหิงห์ หรือพระสิงห์ ประดิษฐานอยู่ที่วิหารลายคำ ซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายของวิหารหลวง (เมื่อเราหันหน้าเข้าตัววิหารหลวง)
ขอถามอีกทีว่า คุณได้เคยมีโอกาสดูความงามของเหล่าเทพยดาเทวดานางฟ้าที่อยู่รอบๆ หอไตรหรือไม่ เคยได้สังเกตลวดลายของเครื่องแต่งองค์ทรงเครื่องของเหล่าเทพยดาบ้างหรือไม่ แล้วก็อยากถามว่าเคยได้มีโอกาสเห็นความงดงามของวัดสำคัญของเมืองแห่งนี้ในยามเช้าตรู่ หรือยามพลบค่ำหรือเปล่า ถ้าคุณอยากชื่นชมความงามวิจิตรของวัดพระสิงห์ในทุกแง่ทุกมุม ขอเชิญชวนคุณเที่ยวไปด้วยกันกับผม
ตามจารึกกล่าวไว้ว่า วัดพระสิงห์สร้างโดยพญาผายู กษัตริย์องค์ที่ 5 ของเชียงใหม่ ราชวงศ์มังราย เมื่อ พ.ศ.1888
โบราณสถานสำคัญภายในวัดพระสิงห์ มีดังต่อไปนี้
วิหารลายคำ ที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ วิหารนี้สร้างขึ้นเมื่อประมาณ 200 ปีมาแล้ว ในสมัยพญาธรรมลังกา(พระเจ้าช้างเผือก) เป็นศิลปะแบบล้านนา ผนังภายในด้านหลังของวิหารปิดทองล่องชาดฉลุลวดลายวิจิตรมาก ด้านข้างของผนังมีภาพจิตรกรรมเรื่องสุวรรณหงส์ และสังข์ทอง วาดด้วยสีฝุ่น จิตรกรคือเจ๊กเส็งและหนานโพธาส่วนองค์พระพุทธสิหิงค์ มีจารึกการสร้างว่า สร้างเมื่อ พ.ศ.700โดยกษัตริย์ลังกา 3 พระองค์ ต่อมา พ.ศ.1931 พระเจ้าแสนเมืองมา ทรงอัญเชิญพระสิงห์มาประดิษฐานที่วัดลีเชียงพระ(หรือวัดพระสิงห์ในปัจจุบัน) ในทุกช่วงเทศกาลปี๋ใหม่เมือง หรือสงกรานต์ จะอัญเชิญพระสิงห์ออกให้ประชาชนสรงน้ำและนมัสการ
วิหารหลวง ที่ประดิษฐานพระศรีสรรเพ็ชร วิหารนี้สร้างโดยดำริของครูบาศรีวิชัย เพื่อทดแทนวิหารเดิมที่เป็นแบบจตุรมุข แต่ทรุดโทรมมากจนเกินจะซ่อมแซมได้ต่อไปจึงจำเป็นต้องรื้อแล้วสร้างวิหารใหม่
พระอุโบสถ สร้างในสมัยพระเจ้ากาวิละ ในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปพระเจ้าทองทิพย์จำลอง ประดิษฐานอยู่บนมณฑป
พระมหาธาตุเจดีย์ (พระธาตุหลวง) ตามตำนานของวัดระบุว่าเป็นที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระธาตุประจำปีนักษัตรปีมะโรง พญาผายูทรงให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1888 หลังจากพม่าครอบครองเชียงใหม่ได้ วัดนี้ถูกปล่อยให้ร้างไป จนกระทั่งถึงสยามได้เชียงใหม่มาไว้ในความดูแลแล้ว เจ้าแก้วนวรัตน์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ และเจ้าดารารัศมี พระราชชายาในรัชกาลที่ 5 และครูบาศรีวิชัย ได้รวบรวมศรัทธาประชาชนชาวเชียงใหม่ร่วมกันบูรณะวัดพระสิงห์ (เดิมชื่อวัดลีเชียงพระ)
หอไตร สร้างในสมัยพระเจ้ากาวิละ เป็นที่เก็บคัมภีร์และหีบธรรม จุดเด่นของหอไตรคือลายปูนปั้นรูปเทพยดาที่แสนวิจิตรซึ่งอยู่โดยรอบหอ
หอจงกรมของครูบาศรีวิชัย สร้างโดยหลวงอนุสารสุนทร เมื่อปี 2471 เพื่อถวายเป็นที่ระลึกถึงครูบาศรีวิชัย
นอกจากนี้ยังมีโบราณสถาน โบราณวัตถุสำคัญภายในวัดอีก ดังนี้ พระเจ้าทันใจ พระพุทธไสยาสน์ อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย กู่มณฑปปราสาท (หรือโขงพระเจ้า) กู่พระอัฐิพญาคำฟู อนุสาวรีย์พญามังราย ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์มังราย
คุณคงไม่ปฏิเสธนะครับว่า ต่อให้คุณไปเที่ยววัดพระสิงห์มาแล้วมากกว่า 3-4 ครั้ง แต่คุณก็อาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่าภายในวัดแห่งนี้มีโบราณสถานสำคัญอยู่มากมาย แล้วคุณก็คงไม่เคยเข้าไปชมสิ่งสำคัญเหล่านั้นมาก่อน
ถ้าหากคุณสนใจจะเที่ยวชมเมืองเชียงใหม่ โดยเน้นการชมโบราณสถานของเมืองแบบเจาะลึก พร้อมข้อมูลด้านประวัติศาสตร์ และโบราณคดี ผมยินดีพาคุณๆ ไปครับ ติดต่อ Mr. Flower ที่หมายเลขโทรศัพท์091-7233615
ลดความเร่งรีบในการเที่ยวชมโบราณสถานลงสักนิด แล้วคุณจะพบกับความวิจิตรบรรจงของโบราณสถานมากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี