ปัจจุบันคนไทยมีอายุยืนยาวขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น หลายท่านมักมีโรคต่างๆ ตามมาโดยเฉพาะพวกโรคเรื้อรังต่างๆ อาทิโรคเบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เป็นต้น ผู้ป่วยโรคเรื้อรังเหล่านี้จำเป็นต้องใช้ยารักษาเป็นประจำและต่อเนื่อง ทำให้มีโอกาสใช้ยา วิตามิน สมุนไพร หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากขึ้นตามไปด้วย โดยส่วนใหญ่ผู้สูงวัยมักใช้ยามากกว่า 1 ชนิดและต้องใช้ยาอย่างต่อเนื่อง ยามีคุณอนันต์ในการรักษาโรคแต่ในอีกด้านหนึ่งก็อาจก่อให้เกิดปัญหาได้ มากเช่นกัน
ข้อมูลจาก อ.ดร.ภญ.ภูริดา เวียนทอ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แนะนำให้ลองทำแบบทดสอบข้างล่างนี้เพื่อประเมินว่าท่านมีความเสี่ยงจะเกิดปัญหาจากการใช้ยามากน้อยเพียงใด
l กำลังใช้ยาตั้งแต่ 4-5 รายการขึ้นไปใช่หรือไม่
l รับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร วิตามิน เกลือแร่อยู่หรือไม่
l รับประทานผลิตภัณฑ์สมุนไพรใดๆ หรือไม่
l หาหมอตั้งแต่ 2 แห่งขึ้นไป หรือเป็นลูกค้าร้านยาหลายร้านหรือไม่
l ใช้ยามากกว่า 1 มื้อต่อวันหรือไม่
l สายตาไม่ดี หรือหูได้ยินไม่ค่อยดีหรือไม่
l ถ้าคำตอบของท่านตอบว่าใช่จำนวนหลายข้อ ยิ่งมีโอกาสพบปัญหาจากการใช้ยามากขึ้น ปัญหาจากการใช้ยาที่สำคัญ เช่น การลืมกินยา กินยาไม่ถูกขนาด กินยาไม่ถูกกับโรค ได้รับยาซ้ำซ้อน ยาตีกันเอง (drug interaction) ยาตีกับโรคอื่น (drug disease interaction) เกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา เป็นต้น สำหรับอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา คือ ผลจากยาที่เราไม่ต้องการให้เกิดขึ้นที่สำคัญมี 2 ประเภท คือ ผลข้างเคียงจากยา และการแพ้ยา นั่นเอง
ปัญหาผลข้างเคียงจากยา
l ยาแทบทุกตัวเมื่อใช้ในขนาดปกติ อาจจะมีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งผลข้างเคียงนี้สามารถทำนายได้จากการออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา แต่อาจเกิดมากหรือน้อยแตกต่างกันไปในแต่ละคน เช่น รับประทานยาลดน้ำมูกคลอเฟนิรามีนแล้วมีอาการ
ง่วงนอน หรือรับประทานยาแก้ปวดลดอักเสบของกล้ามเนื้อบางตัว
แล้วระคายเคืองกระเพาะอาหาร
l ผลข้างเคียงจากยาสามารถลดความรุนแรงหรือแก้ไขได้ ถ้าผู้ใช้ยาเข้าใจและปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม เช่น ยาที่ใช้แล้วง่วง ไม่ควรขับรถหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ยาที่ระคายเคืองกระเพาะ ควรรับประทานหลังอาหารทันที และดื่มน้ำตามมากๆ
ปัญหาการแพ้ยา
l การแพ้ยาเป็นการที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อต้านยาที่ได้รับเข้าไป ลักษณะอาการแพ้ยา เช่น หลังรับประทานยาแล้วมีผื่นคัน เปลือกตาบวม ริมฝีปากบวม หายใจขัด
l โดยทั่วไปจะไม่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้าว่าผู้ใดจะแพ้ยาตัวไหน แต่หากพบว่าทานยาแล้วมีอาการแพ้ยาควรหยุดยา และรีบกลับมาพบแพทย์เพื่อรักษาอาการแพ้ที่เกิดขึ้น และไม่ควรทานยาที่แพ้อีก เพราะจะทำให้เกิดการแพ้ซ้ำและอาการแพ้อาจรุนแรงขึ้นจนบางครั้งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ท่านควรสอบถามชื่อยา และควรจดจำชื่อยาที่แพ้ให้ได้ เภสัชกรอาจออกบัตรแพ้ยาแก่ท่านเพื่อเป็นหลักฐาน ในครั้งต่อๆ ไปที่เข้ารับการรักษา
l ควรแจ้งชื่อยาที่แพ้ทุกครั้ง เพื่อแพทย์และเภสัชกรจะได้หลีกเลี่ยงการจ่ายยาที่แพ้ เพื่อลดปัญหาแพ้ยาซ้ำ
ข้อแนะนำเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจากการใช้ยา
1.ทำความคุ้นเคยกับยาที่ตนเองต้องใช้ อ่านฉลากยา จำชื่อยาและวัตถุประสงค์การใช้ ศึกษาผลข้างเคียงของยาจากเภสัชกรหรือแพทย์ หรือแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือต่างๆ
2.ควรแจ้งแพทย์และเภสัชกร ว่าท่านใช้ยา สมุนไพร หรือผลิตภัณฑ์สุขภาพอะไรอยู่บ้าง มีโรคประจำ ตัวอะไรแพ้ยาอะไร เพื่อแพทย์และเภสัชกรจะได้จัดยาที่เหมาะสมแก่ท่านเพื่อป้องกันปัญหาการใช้ยาซ้ำซ้อนหรือการเกิดปฏิกิริยาต่อกันของยา
3.หากมีปัญหาเกี่ยวกับการกลืนยา ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ เพื่อจะได้เลือกชนิดยาที่เหมาะสม เช่น ให้ยาน้ำแทนยาเม็ด หรือเลือกยาเม็ดที่มีขนาดเล็กแทน เป็นต้น
4.กรณีที่สายตาไม่ค่อยดี อ่านฉลากได้ไม่ชัดเจน อาจเตรียมแว่นขยายไว้เพื่ออ่านฉลากยาหรือเอกสารกำกับยา
5.ควรเขียนขนาดและวิธีรับประทานยาด้วยตัวหนังสือขนาดใหญ่พอต่อการอ่านติดบนฉลากยา หรืออาจจัดยาใส่กล่องยา แยกช่องตามมื้อรับประทานเช่น มื้อเช้า มื้อกลางวัน มื้อเย็น และก่อนนอน
6.เลี่ยงการหาหมอหลายคน สำหรับโรคเดียว เพราะอาจได้ยาซ้ำซ้อน
7.อย่าใช้ยาของผู้อื่น โดยไม่รู้จักยานั้นอย่างแน่ชัด
8.รับประทานยาตามที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำอย่างเคร่งครัด อย่าปรับลดหรือหยุดยาเองเพราะกลัวว่ากินยามากแล้วจะเป็นโรคตับหรือไต เพราะยาบางชนิดจำเป็นต้องรับประทาน อย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมอาการ หากหยุดยาเองอาจเกิดอันตรายจากภาวะแทรกซ้อนของโรคได้
9.ในรายที่มีอาการหลงลืม ควรใช้สิ่งช่วยจดจำ เช่น ปฏิทิน หรือกล่องใส่ยาชนิดที่รับประทานหรือควรมีผู้ช่วยดูแลการใช้ยาจะได้ไม่ลืมรับประทานยา หรือรับประทานยาซ้ำซ้อน
10.หากเกิดอาการแพ้ยา เช่น มีผื่นขึ้น คัน หน้าบวม แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ให้หยุดยาทันทีและรีบมาพบแพทย์ และควรจำชื่อยาที่แพ้ไว้เพื่อแจ้งประวัติแพ้ยาให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ทราบทุกครั้งเวลาไปรับบริการที่โรงพยาบาลหรือร้านยา
เพื่อร่วมรณรงค์ให้คนไทยมีการใช้ยาและสมุนไพรอย่างสมเหตุผล สภาเภสัชกรรม ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรม ได้จัดงาน สัปดาห์เภสัชกรรม ประจำปี 2561 ขึ้นภายใต้คำขวัญว่า “ฉลาดใช้ยาและสมุนไพรสมเหตุผล ยุค 4.0...ปรึกษาเภสัชกร” ระหว่างวันที่ 23-29 มิ.ย.นี้ หากท่านมีปัญหาเรื่องยา สมุนไพร หรือผลิตภัณฑ์สุขภาพ โปรดปรึกษาเภสัชกรที่ร้านยาหรือโรงพยาบาลใกล้บ้าน
ผศ.(พิเศษ)ดร.ภก.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
เลขาธิการสภาเภสัชกรรม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี