โรคมะเร็ง เป็นกลุ่มของโรคที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติอย่างควบคุมไม่ได้ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้ใหญ่และเด็ก สาเหตุของมะเร็งนั้นมีหลากหลาย ซับซ้อนและเข้าใจเพียงบางส่วนเท่านั้น ปัจจุบันยังไม่ทราบถึงสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งอย่างชัดเจน
ข้อมูลจาก ศ.นพ.สุรเดช หงส์อิงเลขาธิการ กองทุนโรคมะเร็งในเด็กในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เปิดเผยว่าปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคมะเร็งในเด็กซึ่งอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 15 ปี มีอุบัติการณ์ในแต่ละปีสูงกว่า 1,000 ราย โดยโรคมะเร็งเด็กที่พบมากที่สุดคือโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ร้อยละ 30 รองลงมาคือโรคมะเร็งสมอง ร้อยละ 20 โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองร้อยละ 15 โรคมะเร็งต่อมหมวกไต ร้อยละ 10ส่วนโรคมะเร็งไต โรคมะเร็งกระดูกและกล้ามเนื้อลาย โรคมะเร็งตับ โรคมะเร็งลูกนัยน์ตา และโรคมะเร็งอื่นๆ พบในสัดส่วนที่เท่ากัน คือร้อยละ 5 แต่พบว่าโรคมะเร็งในเด็กมีโอกาสรักษาหายได้มากกว่าผู้ใหญ่เป็นอย่างมาก
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว เป็นโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดในเด็ก แบ่งเป็น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน และโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรัง ส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 90 จะเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน โดยร้อยละ 80 ของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันในเด็กเป็นชนิด acute lymphoblastic leukemia (ALL) ส่วนอีกประมาณร้อยละ 20 เป็นชนิด acute myeloid leukemia (AML)
สำหรับอาการและอาการแสดงของผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาวจะมีอาการซีด ไข้ และเลือดออกง่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเลือดออกตามใต้ผิวหนัง โดยจะเห็นได้เป็นจ้ำเลือดตามแขน ขา และนอกจากนี้ยังพบว่ามีตับ ม้าม และต่อมน้ำเหลืองโต ซึ่งสาเหตุที่มีอาการเหล่านี้เนื่องจากในไขกระดูกตามปกติจะเป็นแหล่งกำเนิดของเซลล์ต่างๆ คือ เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกร็ดเลือด ไขกระดูกนี้จะอยู่ในโพรงกระดูกโดยสังเกตได้จากเนื้อเยื่อแดงอยู่ในโพรงกระดูก โดยไขกระดูกนี้จะมีอยู่ในกระดูกเกือบทุกชิ้น ในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ไขกระดูกเหล่านี้จะเต็มไปด้วยเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว ดังนั้นทำให้ไขกระดูกนี้ไม่สามารถสร้างเซลเม็ดเลือดปกติได้ เช่น เม็ดเลือดแดงจะมีน้อยลงจะมีอาการซีด เกร็ดเลือดต่ำก็ทำให้เลือดออกได้ง่าย รวมทั้งเม็ดเลือดขาวต่ำทำให้ติดเชื้อได้ง่าย เพราะเซลเม็ดเลือดขาวที่เป็นมะเร็งไม่สามารถจับกินเชื้อโรคได้นอกจากนี้การที่ตับ ม้ามโต ต่อมน้ำเหลืองโตเกิดจากเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวแพร่กระจายไปตามตับ ม้าม และต่อมน้ำเหลือง ถึงอย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่มีอาการซีด หรือมีจุดเลือดออกตามเนื้อตามตัวทุกรายไม่ได้เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวทั้งหมด ทั้งนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการซีด เช่น การขาดธาตุเหล็ก โรคธาลัสซีเมีย ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรม โดยที่ทั้งสองโรคนี้ไม่ใช่มะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือสาเหตุอื่นๆ ทำให้จุดเลือดออกตามตัวจากเกร็ดเลือดต่ำซึ่งมีสาเหตุอื่นๆ อีกมาก
มะเร็งในเด็กโดยทั่วไปมีอัตราการหายขาดและรอดชีวิตประมาณร้อยละ 75 ทั้งนี้คำว่าหายขาดหมายความว่าหลังจากหยุดการรักษาไปอย่างน้อย 5 ปีแล้วไม่มีโรคกลับอีกจึงถือว่าผู้ป่วยหายขาด ซึ่งทั้งนี้อัตราการหายขาดและรอดชีวิตของโรคมะเร็งในเด็กดีกว่าผู้ใหญ่เป็นอย่างมาก สำหรับในเรื่องของการรักษาโดยส่วนใหญ่จะใช้วิธีการรักษา ดังนี้
l การผ่าตัด ในรายที่มะเร็งมาด้วยเรื่องก้อน
l การให้ยาเคมีบำบัด ซึ่งผู้ป่วยโรคมะเร็งในเด็กทุกรายจำเป็นต้องได้รับ
l การฉายแสง ซึ่งในปัจจุบันเทคนิคการฉายแสงดีกว่าเดิมเป็นอย่างมาก โดยเครื่องมือการฉายแสงสามารถยิงรังสีลงตรงไปที่ตัวก้อนเนื้องอก โดยที่ไม่ทำลายเนื้อเยื้ออวัยวะข้างเคียง
l การปลูกถ่ายไขกระดูกในผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่มีโรคกลับที่ดื้อต่อการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด
ปัจจุบันอัตราการรอดชีวิตที่หมายถึงการหายขาดจากโรคของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันในเด็กเป็นชนิด ALL มีได้ประมาณร้อยละ 80 จากการรักษาด้วยการให้ยาเคมีบำบัด ส่วนชนิด AML มีอัตราการรอดชีวิตประมาณร้อยละ 50 จากการรักษาด้วยการให้ยาเคมีบำบัด แต่ถ้าได้รับการรักษาด้วยการปลูกถ่ายไขกระดูกจะมีโอกาสรอดชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 80 เช่นเดียวกัน
แต่การปลูกถ่ายไขกระดูกนั้นเซลล์ตัวอ่อนจากผู้ให้จะต้องมีเนื้อเยื่อ HLA (Human Leukocyte Antigen) ตรงกันกับผู้ป่วย โดยผู้ที่จะมีเนื้อเยื่อ HLA ตรงกันได้จะต้องเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน แต่โอกาสที่พี่น้องท้องเดียวกันจะมีเนื้อเยื่อ HLA ตรงกันเพียง 25% เท่านั้น ดังนั้นไม่ได้หมายความว่าพี่น้องของผู้ป่วยจะมีโอกาสให้ไขกระดูกกับผู้ป่วยได้ทุกราย สำหรับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่พี่น้องท้องเดียวกันที่จะมีเนื้อเยื่อ HLA ตรงกันกับบุคคลทั่วๆ ไปมีโอกาสประมาณ 1: 50,000 เท่านั้น ปัจจุบันแพทย์ทางโรคมะเร็งในเด็กได้ค้นคว้าวิจัยเอาไขกระดูกจากแม่ พ่อหรือบุคคลอื่นที่ไม่ใช่พี่น้องท้องเดียวกันมาใช้ในการปลูกถ่ายไขกระดูกได้สำเร็จ ซึ่งเดิมใช้ไม่ได้เนื่องจากมีปฏิกิริยาต่อต้านเป็นอย่างมาก แต่การรักษาด้วยวิธีดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายสูงรายละ ประมาณ 1 ล้านบาท
ด้วยพระกรุณาธิคุณจาก พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรราชาทินัดดามาตุ ประทานเงินจำนวน 1 ล้านบาท ในปี 2544 เพื่อสมทบทุนก่อตั้ง “กองทุนโรคมะเร็งในเด็ก ในพระอุปถัมภ์ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ” เพื่อช่วยเหลือเด็กที่ป่วยเป็นมะเร็งที่ยากไร้ทั่วประเทศ ผ่านทางกุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งและโรคเลือดในโรงพยาบาลต่างๆ กว่า 25 แห่งทั่วประเทศ อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังมีผู้ป่วยโรคมะเร็งในเด็กอีกเป็นจำนวนมากที่ขาดโอกาสในการเข้ารับการรักษาเนื่องมาจากความขาดแคลนทุนทรัพย์ กำลังรอรับการช่วยเหลือจากกองทุนโรคมะเร็งในเด็กในพระอุปถัมภ์ฯ แต่กองทุนฯยังขาดแคลนปัจจัยสนับสนุนอีกมากและคงเป็นเรื่องที่น่ายินดีหากท่านได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมแบ่งปันน้ำใจช่วยคืนชีวิตใหม่ที่สดใสให้แก่หนูน้อยเหล่านั้น เพียงร่วมบริจาคเข้าบัญชีชื่อ “กองทุนโรคมะเร็งในเด็กในพระอุปถัมภ์ฯ” ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาอ่อนนุช บัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 133-2-08742-3 โดยใบเสร็จรับเงินสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.childrencancerfund.org
ผศ. (พิเศษ) ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี