ด้วยใจรักในงานศิลปะ แถมเป็นนักสะสมภาพเขียนอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ถ้าเอ่ยชื่อไม่มีใครไม่รู้จัก ลลิสา จงบารมี ประธานมูลนิธิธารศิลป์ รักษ์จิตรกร แต่กว่าที่เธอจะมาดำรงในตำแหน่งนี้ ไม่ใช่เพราะแค่การชอบสะสมภาพเขียนเท่านั้น แต่เกิดจากความกตัญญูที่เธออยากตอบแทนพระคุณครูบาอาจารย์ ซึ่งหลายท่านเป็นศิลปินอาวุโส จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการก่อตั้งกองทุนธารศิลป์ รักษ์จิตรกร ภายหลังจึงก่อตั้งเป็นมูลนิธิ เพื่อช่วยดูแลศิลปินในยามเจ็บไข้ได้ป่วย พร้อมสร้างบ้านพักศิลปิน หอศิลป์ ยุ้งงาน เพื่อเป็นที่รองรับให้กับศิลปินมาพักฟื้นในยามเจ็บไข้ได้ป่วย หรือมาพักผ่อนหย่อนใจ สร้างสรรค์ผลงานในบรรยากาศที่เงียบสงบ และอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ภายในบริเวณบ้านของเธอ ที่มีเนื้อที่เกือบ 5 ไร่ ในอำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ก่อนที่จะเข้ามาสู่เส้นทางศิลปะอย่างเต็มตัว ลลิสา เล่าว่า เคยทำหน้าที่เป็นทูตประสานงานของวอลท์ดิสนีย์ และในช่วงนั้นมีเวลาว่างมากขึ้นจึงรวมกลุ่มเพื่อนๆ “พู่กันหวาน” เรียนวาดรูป เนื่องจากตัวเองชอบสะสมภาพเขียน แต่วาดรูปไม่เป็นเลย จึงเชิญศิลปินไทยอาวุโสมาสอนที่บ้าน ซึ่งในขณะที่ศิลปินสอน เขาจะดึงตัวตนเราออกมา ทำให้สนุกกับการเรียนศิลปะ
“การที่เราได้เรียนศิลปะ ก็เหมือนกับการที่เราได้นั่งวิปัสสนากรรมฐาน มีการสัมผัสนอก คือการเขียนรูป และสัมผัสใน คือ การอยู่กับตัวเอง เพราะการเขียนรูปไม่สามารถคุยกับเพื่อน หรือคุยโทรศัพท์ได้ มีแต่ความเงียบอย่างเดียว ใช้สมาธิอยู่กับตัวเอง ถ้าวันไหนอารมณ์ดี สีก็จะออกมาแจ่มใส แต่ถ้าวันไหนอารมณ์ขุ่นมัว สีก็จะออกมาเศร้าๆ หมองๆ ซึ่งการเขียนรูปจะฟ้องตัวเราใน 10 ชั่วโมงที่เรานั่งเขียน
บรรยากาศภายในหอศิลป์
10 ปีที่ผ่านมา ทำให้เข้าใจศิลปะมากขึ้น รู้คุณค่าของศิลปะมากขึ้น ตลอดจนเข้าใจมูลค่ามากยิ่งขึ้นด้วย ทุกวันนี้มีความสุขกับการเขียนรูป เพราะการเขียนรูปไม่ใช่ได้แค่ภาพเขียนใบหนึ่งราคา 5 หมื่นบาท ไม่ได้อยู่ที่มูลค่าตรงนั้น อยู่ที่คุณค่าที่ให้เรามากกว่า ได้ทั้งข้างนอกและข้างใน หลังจากนั้นจึงคิดตอบแทนครูบาอาจารย์ที่มาสอน ซึ่งก็คือ ศิลปินไทยที่เก่งๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น อ.แนบ โสตถิพันธุ์, อ.อุดมลักษณ์ ทรงสุวรรณ และ อ.ศุภกิจ อุตตรนคร
ลลิสา ย้ำว่า งานที่เธอทำ อาจจะไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่ในสายตาของคนอื่น อาจมีคนทำได้ดีกว่า แต่ขึ้นชื่อว่า ลลิสา จงบารมี ที่มุ่งมั่นจะทำอะไรต้องทำให้ได้ ต่อให้มีอุปสรรคก็ตาม เช่นเดียวกับช่วงกลางปี พ.ศ. 2553 ที่เกิดอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุด เธอเป็น 1 ในผู้ประสบอุทกภัยเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะมีที่พักอาศัยในกรุงเทพมหานครก็ตาม แต่บ้านทรงไทย ริมแม่น้ำ ที่ได้อาศัยมาเกือบ 10 ปี โดนน้ำท่วมสูงหลายเมตรเช่นกัน
“ผ่านพ้นน้ำท่วมมาคือ ความคงอยู่ และความตั้งใจที่จะฟื้นฟูให้กลับมา ด้วยความอดทน และความมุ่งมั่น ดิฉันจึงฟื้นฟูพื้นที่เกือบ 5 ไร่ ที่นอกจากมีบ้านพักอาศัยของตัวเองแล้ว ยังได้จัดสร้างบ้านพักศิลปิน ซึ่งเป็นอาคาร 4 ชั้น จัดสร้างยุ้งงาน เพื่อเป็นพื้นที่ที่ให้อาจารย์ ศิลปินรุ่นน้อง และคนสร้างงานศิลปะ มาร่วมกันสร้างงานที่เป็นตัวตนของเขา
บ้านพักศิลปิน
รวมไปถึงหอศิลป์ที่คล้ายๆ กับพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมผลงานภาพเขียน 200 กว่าชิ้นของศิลปินไทยทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ และล่วงลับไปแล้ว ซึ่งหอศิลป์แห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ คนที่เข้ามาเข้าชมได้เรียนรู้หมด ดิฉันจะเป็นคนอธิบายว่าภาพนั้นๆ เป็นของศิลปินท่านใด ซึ่งผู้เขียนจะมีบุคลิกแตกต่างกัน และภาพเขียนแต่ละภาพอยู่ในยุคไหน ศิลปินท่านเสียชีวิตไปปีอะไร จะอธิบายอย่างชัดเจน และละเอียดที่สุด
ดิฉันต้องการให้คนที่มาเยี่ยมหอศิลป์ได้ชื่นชมผลงานเหมือนเรา เพราะบางท่านก็เป็นนักสะสมเช่นเดียวกับเรา แต่ไม่สามารถซื้องานเหล่านี้ได้ทันเวลา เมื่อเราเป็นผู้ซื้อ เป็นเจ้าของ เป็นผู้ครอบครองจึงอยากแบ่งปันให้เขาได้ชมผลงานเช่นกัน”
อีกมุมในพื้นที่แห่งนี้ ลลิสา ยังจัดสร้างหอพระ เพื่อให้พระสงฆ์ หรือ ครูบาอาจารย์ที่มาสอนทางด้านวิปัสสนากรรมฐาน แม้กระทั่งแม่ชี ที่ตั้งใจมาสนทนาธรรมกับกลุ่มเล็กๆ 10-15 คน ได้อยู่ในบริเวณที่เงียบสงบ มีเพียงแค่เสียงนก เสียงกาเท่านั้น
“ดิฉันสร้างบ้านตรงนี้ใส่ความรักเข้าไปจริงๆถ้าไม่รักกับที่ตรงนี้เจอน้ำท่วมติดๆ กัน 2 ปี ยังจะทนอยู่อีกหรือ ที่ตรงนี้เราทำประโยชน์ได้เยอะ ไม่ใช่เพียงเราคนเดียวที่มีบ้านอาศัยอยู่อย่างสวยงาม แต่พื้นที่ที่เหลือเราสามารถทำประโยชน์ให้คนอื่นๆ อีก ไม่ใช่ 1 ชีวิตในความพอใจเพียงเราคนเดียว แต่การแบ่งปัน และการให้นั้นคือความมหัศจรรย์ รู้จักให้ รู้จักแบ่งปันรู้จักการเข้าใจและยอมรับอะไรบางอย่าง ก็จะเป็นสุขอีกอย่างหนึ่ง
ยุ้งงาน พื้นที่สำหรับสร้างผลงานศิลปะ
การที่เรามองเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่มี และเราได้ให้เขาบ้าง เป็นสิ่งมหัศจรรย์ มากแค่ไหนอยู่ที่ผู้รับ ว่าเขาจะตีความว่าการให้น้อยๆ แบบนี้ เพื่อได้ทำกิจกรรมร่วมกันดีๆ ถ้าเราแรงเดียวไม่สามารถจะสร้างกิจกรรมให้บรรลุถึงเป้าหมายได้ ฉะนั้น เมื่อความตั้งใจนี้เกิดขึ้น ต้องอาศัยใจจากใครหลายๆ คน ซึ่งมีใจ มีแรงกาย มีจินตนาการ มีความคิด มีความมุ่งมั่นเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ และในท้ายที่สุดมันก็ออกมาเป็นรูปธรรม ที่เราทุกคนสัมผัสได้จริง
สิ่งสุดท้ายที่อยากฝากไว้สำหรับคนรุ่นหลัง คือเรื่องคุณค่าของศิลปะว่า ศิลปินไทยเรานั้นเมื่อได้จับพู่กัน เขาจะเขียนภาพด้วยจิตวิญญาณจริงๆ หลายคนสงสัยว่า ศิลปินไทยทำไมไม่รวย เหตุผลสั้นๆ คือ เขาใช้จิตวิญญาณเขียน ไม่ได้เขียนเพื่อหวังขาย หวังรวยเขาเขียนเพื่อตัวตนของเขาเอง ซึ่งความเป็นตัวตนจากชิ้นงานที่ถ่ายทอดออกมามันคืองานศิลปะที่มีคุณค่า มากกว่าจะไปตีเป็นมูลค่า แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีมูลค่าแต่การจะตีโจทย์ไปทางมูลค่ามากกว่านั้น ผู้เสพงานศิลปะจะไม่เข้าถึงความสุข และจินตนาการที่แท้จริง”
คนรักงานศิลป์ หรืออยากเปลี่ยนบรรยากาศในการสร้างสรรค์ผลงาน ลลิลา บอกว่า หอศิลป์ บ้านพัก ศิลปิน และยุ้งงาน ยินดีต้อนรับ สามารถสอบถามเส้นทางการเดินทางได้ที่หมายเลข 02-2585076
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี